The king of War - บทที่ 379 คุณกำลังรนหาที่ตาย
“หนิงจี้หยวน แกห้ามเสียมารยาทกับคุณหยางนะ!” กวนเจิ้งซิงพูดออกมาด้วยความโมโห
เฉนซิงไห่ก็รีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “ไอ้หมาหนิง การที่แกกล้าไม่ให้เกียรติคุณหยางแบบนี้ นี่แกกำลังรนหาที่ตายสินะ!”
“ใครที่กล้าไม่ให้เกียรติคุณหยาง มันคนนั้นก็คือศัตรูของตระกูลซูของฉัน!” ซูเฉิงอู่ก็พูดออกมาเหมือนกัน
สามตระกูลเศรษฐีก้าวออกมาช่วยเหลือหยางเฉินอย่างต่อเนื่อง ภาพนี้ทำให้ทุกคนต่างช็อกไปตามๆ กัน
“ชายหนุ่มคนนี้ เป็นใครมาจากไหนกันแน่? ถึงทำให้ผู้นำของสามตระกูลเศรษฐีเรียกเขาว่าคุณหยางแบบนี้?”
“เฉินซิงไห่นั้นเป็นถึงผู้นำตระกูลของตระกูลอันดับหนึ่งที่รองจากสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอก แม้แต่เขายังเรียกหนุ่มคนนั้นว่าคุณหยาง!”
“หรือจะบอกว่า เขานั้นมาจากเมืองเยนตูอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้คนมากมายต่างตื่นตกใจ
หนิงจี้หยวนได้ขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณหยางอย่างนั้นเหรอ?”
“พวกแกทุกคน ยังไงก็เป็นตระกูลสูงสุดของมณฑลเจียงผิง แต่กลับไปเรียกไอ้หนูที่อายุยี่สิบกว่าว่าคุณหยาง มันไม่ดูน่าขันไปหน่อยเหรอ?”
“กะอีแค่เด็กเหลือขอคนเดียว มีสิทธิ์ที่จะมายุ่งเกี่ยวเรื่องของมณฑลเจียงผิงด้วยเหรอ?”
เสียงของหนิงจี้หยวนดังขึ้นเรื่อยๆ คำสุดท้ายที่พูดออกมานั้นได้กลายเป็นการตะคอกใส่หยางเฉินไปแล้ว
หวงจงที่นั่งอยู่ตรงที่ประธาน หรี่ตาสองข้างลง และทนไม่ไหวจนต้องออกหน้าแล้วเหรอ?
ในจังหวะที่หนิงเฉิงหยู่เห็นหยางเฉินก้าวออกมานั้น รูม่านตาก็ได้หดเล็กลง
โดยเฉพาะตอนนี่ได้เห็นว่ามีตระกูลระดับสูงมากมายออกหน้าแทนแบบนี้ ยิ่งทำให้เขาตกใจอย่างถึงที่สุด
“ผมรู้แล้วว่าคนที่ฆ่าเฝิงอี้ฉินมันเป็นใคร!”
หนิงเฉิงหยู่พูดออกมาด้วยความตกใจ
ก่อนหน้านี้เขาได้สันนิษฐานถึงหยางเฉินแล้ว แค่เขายังไม่อยากที่จะยอมรับความจริงข้อนี้เท่านั้น
มาตอนนี้ ศพของเฝิงอี้ฉินได้เข้าไปอยู่ในท้ายรถของเขา มีคลิปเป็นหลักฐาน ในเมื่อเรื่องมันถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาต้องปิดบังอีก
“มันเป็นใคร?”
หนิงจี้หยวนถาม
หนิงเฉิงหยู่ยกมือขึ้นมาชี้ไปที่หยางเฉิน แล้วพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “คนที่ฆ่าหนิงเฉิงหยู่ (น่าจะเป็นเฝิงอี้ฉินนะครับ) ก็คือมัน!”
เฝิงฉวนพูดด้วยความโมโห “ภายในคลิป ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าแกต้องการเอาศพของลูกชายฉันไปทำลาย หลักฐานมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว แกยังคิดจะโยนความผิดให้คนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ผู้นำเฝิง ผมสาบาน ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง!”
หนิงเฉิงหยู่พูดออกมาด้วยความร้อนรน “เมื่อคืนในงานวันเกิดของหานเฟยเฟย ไอ้หมอนี่แหละได้มีเรื่องอย่างรุนแรงกับเฝิงอี้ฉิน หลายคนที่อยู่ในงานต่างก็เห็นกับตา”
“หลังจากนั้น เฝิงอี้ฉินก็บอกผมว่า จะไปสั่งสอนไอ้หมอนี้ แต่ใครจะไปคิด ว่าครั้งต่อไปที่ผมเจอเขา เขาก็เข้าไปอยู่ในท้ายรถของผมแล้ว”
“ผมกลัวผู้นำเฝิงจะเข้าใจผิด เมื่อไม่มีทางเลือก ถึงได้สั่งลูกน้องให้เอาศพไปทำลาย”
หนิงเฉิงหยู่ได้พูดทุกอย่างที่ตัวเองรู้ออกมาจนหมด
ดูจากท่าทางที่ร้อนรนของเขา มันไม่เหมือนคนที่กำลังโกหกเลย
“ผู้นำเฝิง หนิงเฉิงหยู่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เขาเองก็กลัวคุณจะเข้าใจผิด ถึงคิดที่จะเอาศพไปทำลาย
“เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มันมีปัญหาใหญ่อยู่ ผู้นำเฝิงไม่รู้สึกเอะใจบ้างเหรอว่า ทำไมตอนที่หนิงเฉิงหยู่สั่งคนให้เอาศพไปทำลายนั้นถึงได้ถูกถ่ายไว้พอดี?”
“ผมอยากให้ผู้นำเฝิงไตร่ตรองดีๆ อีกครั้ง ทางที่ดีอย่าได้ถูกคนอื่นหลอกใช้เลยนะ!”
หนิงจี้หยวนพูดออกมา ท่าทางและน้ำเสียงก็ดูอ่อนลงมาก
เฝิงฉวนขมวดคิ้ว สองตาไปหยุดอยู่ที่หยางเฉิน
“ทำไม? สงสัยผมอย่างนั้นเหรอ?”
หยางเฉินมองเฝิงฉวนอย่างล้อเลียนแล้วถามออกไป
สำหรับหยางเฉินนั้น เฝิงฉวนก็มองไม่ออกเหมือนกัน แต่ในตัวของชายหนุ่มคนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล
“เฝิงอี้ฉินถูกไอ้สารเลวนี่ฆ่าตายจริงๆ ยังคิดจะแถอะไรอีก?”
หนิงเฉิงหยู่ตะโกนออกมาด้วความโมโห
“น่ารำคาญ! (คำนี้ไม่มั่นใจว่าแปลถูกมั้ยนะครับ) ”
พอเสียงของหยางเฉินเงียบลง เขาก็ลุกขึ้นมาทันที หรี่ตาแล้วจ้องไปที่หนิงเฉิงหยู่ “ฆ่าคนตายก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต! ในเมื่อตระกูลหนิงไม่ยอมให้คำอธิบายกับตระกูลเฝิง งั้นผมจะมาช่วยตระกูลเฝิงจัดการเอง!”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าตระกูลหนิงเพียงลำพัง ทีละก้าวทีละก้าว
ทางด้านของตระกูลหนิง ตระกูลที่เป็นญาติสิบกว่าตระกูลกับผู้แข็งแกร่ง ตอนนี้ต่างก็กำลังจ้องมองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่ล้อเลียนอยู่
“คนที่ฆ่าก็คือแก แล้วแกจะเอาคำอธิบายอะไรให้ตระกูลเฝิงอีก?” หนิงเฉิงหยู่พูดด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ย
เขาในตอนนี้ แววตาไม่มีความกลัวหลงเหลือเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
การที่หนิงจี้หยวนมาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ได้พาผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของตระกูลมาด้วยเยอะมาก
ในความคิดของเขานั้น หยางเฉินก็แค่กำลังเข้ามารนหาที่ตายเท่านั้น
หนิงจี้หยวนจ้องมองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่สนุกสนาน ไม่ว่าเขาจะมองยังไง ก็มองไม่ออกเลยว่าหยางเฉินนั้นพิเศษตรงไหน
“รนหาที่ตาย!”
พอเห็นหยางเฉินกำลังจะเดินมาถึงตัวหนิงเฉิงหยู่แล้ว
ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดจีนกับรองเท้าผ้าคนหนึ่งก็หายตัวไปจากจุดที่อยู่ แล้วพุ่งเข้าไปหาหยางเฉิน
นั่นมันหลิวชิง! ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหนิง!”
“หนึ่งในสามยอดฝีมือสูงสุดแห่งมณฑลเจียงผิง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเมิ่งกับตระกูลหานก็ยังสู้ไม่ได้เลย!”
“แม้แต่หลิวชิงตระกูลหนิงก็ยังส่งมา เห็นทีอีกเดียวชายหนุ่มคนนี้คงต้องถูกฆ่าแล้วแน่ๆ!”
พอเห็นชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดจีนพุ่งไปหาหยางเฉิน หลายคนต่างก็ทำหน้าตกใจกันใหญ่
การเคลื่อนไหวของหลิวชิงนั้นเร็วมาก วินาทีที่แล้วยังอยู่ด้านหลังของหนิงจี้หยวนอยู่เลย แต่วินาทีต่อมาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของหยางเฉินแล้ว
ระยะทางสิบกว่าเมตร เขาก็สามารถมาถึงแทบจะในพริบตา แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ตรงนั้นจะตกใจกันขนาดไหน
พลังงานอันมหาศาลได้ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน หลิวชิงซัดหมัดออกไป จนเกิดเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าดินกำลังถล่ม
เห็นเพียงหยางเฉินยกแขนขึ้นมาข้างหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน
นิ้วทั้งห้ากางออก!
“ตูม!”
กำปั้นของหลิวชิง ถูกหยางเฉินจับไว้ในทีเดียว
คลื่นพลังอันรุนแรงแผ่ออกไปรอบทิศครั้งแล้วครั้งเล่า โดยมีทั้งสองอยู่ยืนอยู่ตรงกลาง
จากคลื่นพลังอันรุนแรงที่แผ่ออกมานั้น ทำให้ข้าวของเล็กๆ บางอย่างที่อยู่ตรงหน้าของพวกสมาชิกของตระกูลบางคนที่นั่งอยู่แถวหน้าถูกวัดจนปลิว
“อะไรกัน?”
“ไอ้หนุ่มนั่นมันสามารถรับการโจมตีนี้ได้!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง! ฉันต้องตาฝาดไปแน่ๆ!”
“อีกฝ่ายเป็นถึงหลิวชิงเลยนะ! เป็นผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมณฑลเจียงผิงจริงๆ หมัดที่โจมตีได้รุนแรงขนาดนั้น แล้วมันจะถูกวัยรุ่นคนหนึ่งหยุดเอาไว้ได้ยังไง?”
ทุกๆ คนต่างตื่นตกใจ บางคนถึงขั้นไม่ยอมเชื่อในความจริงที่เกิดขึ้น
หนิงจี้หยวนลุกพรวดขึ้นมาทันที สายตามีแต่ความตกใจ
หลิวชิงนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน เขาต่างหากที่รู้ดีที่สุด ซึ่งก็คือยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่มาก แต่การโจมตีในครั้งนี้ กลับถูกหยุดเอาไว้ได้
การโจมตีในครั้งนี้ ราวกับซัดเข้าไปในสำลี แต่ไม่ใช่บนตัวของหยางเฉิน
คนที่รู้ถึงความสามารถของหยางเฉินอยู่แล้วอย่างตระกูลเฉินตระกูลกวนและคนอื่นๆ นั้น ต่างก็ทำหน้าตื่นเต้นกันทั้งนั้น
ในที่สุด ก็ได้เห็นความสามารถอันยิ่งใหญ่ของหยางเฉินอีกครั้ง?
คนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งกิตติมาศักดิ์ และไม่เคยพูดอะไรเลยอย่างหวงจง ตอนนี้ แววตาก็ได้เคร่งขรึมลงไป สีหน้าก็ได้แสดงความตกใจออกมาอย่างหนักเหมือนกัน
ลูกชายที่ถูกตระกูลอวี๋เหวินทอดทิ้งคนนี้ ได้เติบโตถึงขนาดนี้แล้วจริงๆ เหรอ?
มาตอนนี้ เขาเชื่อแล้ว!
ทั้งที่อายุยังน้อย ก็สามารถแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ บรรดาคนรุ่นเดียวกันในเมืองเยนตู ก็ยากที่จะหาใครเทียบได้
“คุณมีแรงแค่นี้เองเหรอ?”
มุมปากของหยางเฉินค่อยๆ แย้มขึ้น แย้มขึ้นมาเป็นเส้นโค้งที่ล้อเลียน
“ไอ้หนู อย่าได้ใจนักเลย!”
ส่วนลึกในแววตาของหลิวชิงก็เคร่งขรึมขึ้นมาเหมือนกัน เขาพูดพร้อมกับกัดฟันว่า “ฉันยอมรับ ว่าดูถูกแกเกินไปหน่อยแต่ว่า มันจะยังไงล่ะ? เพราะสุดท้ายแล้วแกก็ต้องตายอยู่ในน้ำมือของฉันอยู่ดี!”
ทันทีที่พูดจบ กำปั้นอีกข้างของเขา ก็ถูกซัดมาที่หยางเฉินอีกครั้ง
“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”
การโจมตีของหลิวชิงนั้นรุนแรงมาก ทุกครั้งที่โจมตีลงไป ต่างก็แฝงด้วยออร่าที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด
เศรษฐีบางคนที่อยู่ใกล้พวกเขา ถึงขั้นรู้สึกถึงพลังอันมหาศาลทุกครั้งที่หลิวชิงทำการโจมตีเลย แต่ทว่า ต่อให้การโจมตีของหลิวชิงจะเร็วสักแค่ไหน ก็ไม่อาจเข้าถึงร่างกายของหยางเฉินได้เลย
ส่วนหยางเฉินนั้น กลับไม่ได้เอี้ยวตัวหลบอะไรมากมาย ทุกครั้งที่การโจมตีของหลิวชิงจะเข้าถึงตัวเขา เขาก็สามารถหลบมันได้อย่างง่ายดาย
สีหน้าของหนิงจี้หยวนดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ คนที่เป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลเขา กลับไม่สามารถแตะต้องร่างกายของชายหนุ่มคนหนึ่งได้เลย
สำหรับเขาแล้ว มันถึงเป็นความอับอายเลย!
“หนิงจี้หยวน นี่นะเหรอยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลแก?”
“แม้แต่ร่างกายของคุณหยางยังแตะต้องไม่ได้ นี่มันเศษสวะชัดๆ!”
“ยังมีหน้ามาพูดอีก ว่าตระกูลหนิงของแกมียอดฝีมือที่แกร่งยิ่งกว่า?”