The king of War - บทที่ 394 ผลสุดท้ายรับผิดชอบเอง
“ตึง!”
ชั่วขณะที่เฝิงจี้จงต่อยหมัดหนึ่งเข้ามานั้น มือของหยางเฉินที่จับข้อมือหยางหลิ่วไว้ก็ออกแรงฉับพลัน
เห็นเพียงหมัดของเฝิงจี้จงร่วงลงบนหน้าของหยางหลิ่วอย่างแรง
“โอ๊ย!”
หยางหลิ่วร้องเจ็บปวดทีหนึ่ง ไม่นานเลือดกำเดาไหลออกมาแล้ว “พี่ชาย พี่ต่อยฉันทำไม?”
“อ่า! ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”
เฝิงจี้จงมึนงงในชั่วขณะหนึ่งแล้ว
หยางเฉินหัวเราะเยาะ “แกยังอยากต่ออีกเหรอ?”
“เชี้ย! แกกล้ามาหลอกฉัน ฉันไม่เอาแกไว้แน่!”
เฝิงจี้จงตะโกนขึ้น และถีบเข้าไปยังหยางเฉินอีกทีหนึ่ง
ขณะที่เห็นว่าเท้าของเขากำลังจะถีบโดนหยางเฉิน เห็นเพียงหยางเฉินยื่นมือกะทันหัน จับหยางหลิ่วเอาไว้แล้ว ใช้แรงเหวี่ยงไป
“ตึง!”
เท้าของเฝิงจี้จงถีบลงบนท้องของหยางหลิ่วอย่างหนักหน่วง
หยางหลิ่วร้องโหยหวน ล้มลงบนพื้นโดยตรง กุมท้องไว้แล้วกลิ้งไปทั่ว “อ๊ะ! พี่ชาย ทำไมพี่ถึงมาถีบฉันอีกแล้ว? เจ็บจะตายแล้วนะ! เจ็บแทบแย่เลย!”
เฝิงจี้จงงุนงงถึงที่สุด ทั้งที่คนที่ตนเองต่อยคือหยางเฉิน ทำไมถึงไปต่อยบนตัวของน้องสาวตนเองได้ล่ะ?
ตอนที่เฝิงจี้จงยังรู้สึกงงงวย หยางเฉินก็โทรศัพท์ไปยังหมายเลขหนึ่ง “บอกให้เฝิงฉวนรู้ ภายในสิบนาที รีบมาที่ถนนอาหารแห่งชาติของเมืองเอก ร้านอาหารมุสลิมมนต์! ไม่อย่างนั้นผลสุดท้ายรับผิดชอบเอาเอง!”
“ไอ้หนุ่ม แกแม่งเสแสร้งอะไรกัน?”
“รู้ไหมว่าเฝิงฉวนคือใคร? เขาเป็นผู้นำตระกูลเฝิงของฉัน แม้แต่ฉัน ยังไม่มีสิทธิ์พูดคุยกับเขาเลย นึกไม่ถึงว่าแกยังกล้าให้เขารีบเข้ามาภายในสิบนาที แกเก่งกาจขนาดนี้ แม่แกรู้รึเปล่า?”
“แกกล้ามาหลอกฉัน ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้เด็ดขาด!”
เฝิงจี้จงเดิมทีไม่เชื่อว่าหยางเฉินสามารถทำให้เฝิงฉวนรีบเข้ามาภายในสิบนาทีได้
ในเวลานี้เอง มือถือของหยางเฉินดังขึ้นมาทันใดแล้ว
หยางเฉินหยิบขึ้นมาดู เป็นหมายเลขแปลกหน้า หลังจากรับสาย เสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ดังขึ้น “คุณหยางครับ ขอโทษด้วยครับ ผมคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเจ้าเวรคนหนึ่งของตระกูลเฝิงของผมจะกล้าล่วงเกินท่าน”
“ท่านวางใจได้ครับ ภายในสิบนาที ผมจะต้องรีบไปให้ถึงแน่นอนครับ!”
“ในช่วงเวลานี้ ท่านอยากจัดการเขาอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ต่อให้ฆ่าทิ้ง ก็ไม่เป็นอะไรครับ!”
“คุณหยางครับ ให้ผมคุยกับเจ้าสารเลวคนนั้นสักหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”
หยางเฉินไม่ตอบอะไร เปิดลำโพงขึ้นโดยตรง “พูดสิ!”
“เฝิงจี้จง แกแม่งฟังฉันให้ดีนะ รีบคุกเข่าแทบเท้าคุณหยางขอความเมตตาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่เอาแกไว้แน่!” เฝิงฉวนพูดอย่างเดือดดาล
“เชี้ย! แกแม่งเป็นใครกัน?”
เฝิงจี้จงฟังเสียงของเฝิงฉวนไม่ออก จึงตะโกนด่าทอ
“ฉันคือผู้นำตระกูลเฝิงแห่งเมืองจินเหอ เฝิงฉวน!”
เฝิงฉวนโมโหจนใกล้จะบ้าแล้ว ตะคอกขึ้นมาเลยทีเดียว
“เชี้ย! ล้อเล่นอะไรกัน? กล้าปลอมตัวเป็นผู้นำตระกูลเฝิงของฉัน?”
เฝิงจี้จงหัวเราะเยาะ พูดจาเย้ยหยัน “ถ้าแกเป็นเฝิงฉวน ฉันก็เป็นปู่ของเฝิงฉวน!”
ท่าทีของเฝิงจี้จงก้าวร้าวอย่างยิ่ง เฝิงฉวนในโทรศัพท์สายนั้น โมโหมากจนใกล้จะระเบิดแล้ว
เหยียดหยามเขายังพอทน แย่ที่สุดรอเฝิงจี้จงกลับมาแล้ว จะตั้งใจสั่งสอนสักยกหนึ่ง
แต่ประเด็นสำคัญคือเจ้าสารเลวนี้ คาดไม่ถึงจะกล้าพุ่งชนหยางเฉิน
ปัจจุบันนี้ทั้งมณฑลเจียงผิงล้วนเคารพต่อหยางเฉิน ใครกล้าผิดใจเขาบ้าง?
“เฝิงจี้จง! ฉันคือผู้นำของตระกูลเฝิง เฝิงฉวน!”
เฝิงฉวนตะโกนใส่ในโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว “ฉันขอเตือนแกให้คุกเข่าลงแทบเท้าคุณหยางแล้วขอความเมตตาตอนนี้ซะ ไม่งั้นรอฉันเข้าไป ต่อให้คุณหยางไม่เอาชีวิตแก ฉันก็จะเอาชีวิตแกเอง!”
“เชี้ย! ตาแก่ นึกไม่ถึงยังกล้ามาปลอมเป็นผู้นำตระกูลเฝิงอยู่ต่อหน้าฉันอีก แกแม่งก็รีบเข้ามาสิวะ!”
เฝิงจี้จงพูดจาหยาบคาย “วันนี้ฉันยังไม่ไปไหนหรอก จะรอดูพวกตัวปลอมแบบแกคนนี้มาเอาชีวิตฉันไป!”
พูดจบ เขาตัดสายโทรศัพท์ไปโดยตรง ไม่ได้เห็นหยางเฉินอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ยิ่งไม่คิดว่าโทรศัพท์สายนี้เป็นของจริง
“ไอ้หนุ่ม! ลูกไม้สอดแทรกมุกตลกแบบแกนี้ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว ฝีมือแกอันนี้ ยังอยากหลอกฉัน?”
เฝิงจี้จงพูดจาด้วยท่าทางเย้ยหยัน
หยางหลิ่วที่อยู่ข้างกายเขาก็หัวเราะเอาใจอีกครั้ง พูดจาอย่างเสียดสี “ฉินยี พี่เขยของเธอนี้ ยังมีพรสวรรค์ด้านการแสดงเสียจริงนะ ถ้าไม่งั้นฉันแนะนำบริษัทการบันเทิงสักแห่ง ให้เขาไปเล่นบทตัวประกอบ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจจะหาเงินได้หลายร้อย พอให้พวกเธอใช้ชีวิตกันได้”
โดยรอบเป็นคนที่มุงดูทั้งหมด แต่ละคนซุบซิบนินทาต่อฉินยีและหยางเฉิน
ฉินยีโมโหจนตัวสั่นเทาไปหมด ถ้าไม่ใช่หยางเฉินห้ามไว้ เธออยากจะพุ่งเข้าไปฉีกปากเน่าๆ ของหยางหลิ่วให้ขาดจนใจแทบขาด
สำหรับหยางเฉิน เสมือนกำลังดูตัวตลกแสดงละคร ไม่พูดจาสักคำ
ประชุมแลกเปลี่ยนพึ่งสิ้นสุดไปเมื่อสักครู่ เฝิงฉวนต้องไม่ได้ออกไปไกลมากแน่ เดาว่าใช้เวลาไม่กี่นาที คนก็คงมาแล้ว
“พี่ชาย เวลานี้การประชุมแลกเปลี่ยนที่โรงแรมจงโจวน่าจะเสร็จสิ้นแล้วมั้ง?”
หยางหลิ่วยิ้มถามขึ้นฉับพลัน “ประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เดิมควรเป็นตระกูลเฝิงจัดงาน แต่ตระกูลเฝิงกลับยอมให้ตระกูลเมิ่งเมืองเอกไป ตระกูลเมิ่งต้องไม่เอาเปรียบตระกูลเฝิงแน่นอนใช่มั้ย?”
พอได้ยิน เฝิงจี้จงทำหน้าได้ใจ พูดว่า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว!”
“ประชุมแลกเปลี่ยนที่สามปีถึงจัดครั้งหนึ่ง ฝ่ายจัดงานของแต่ละปีล้วนทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ”
“ตระกูลเฝิงกลับสละสิทธิ์จัดงานประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ให้แก่ตระกูลเมิ่ง ตระกูลเมิ่งในฐานะหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ชั้นนำของเมืองเอก จะเอาเปรียบตระกูลเฝิงของพวกเราได้ยังไง?”
“บอกเธอตามตรงนะ ตระกูลเมิ่งสัญญาไว้ว่ารอประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้เสร็จสิ้น จะช่วยเหลือตระกูลเฝิงของพวกเราเปิดตลาดที่เมืองเอก ไม่เกินห้าปี ลำดับตระกูลใหญ่ชั้นนำของเมืองเอกก็จะมีตระกูลเฝิงเพิ่มมาอีกหนึ่งตระกูล!”
บนหน้าของเฝิงจี้จงเขียนความภาคภูมิใจและโอหังเต็มที่
ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบด้านต่างมองทางเฝิงจี้จงด้วยท่าทางอิจฉา ในใจแอบตื่นตกใจไปด้วย นึกไม่ถึงว่าตระกูลนอกเมืองแห่งหนึ่ง จะมีโชคได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเมิ่งได้
เพราะที่งานประชุมแลกเปลี่ยนของโรงแรมจงโจวพึ่งสิ้นสุดมาไม่นานนัก เรื่องที่เกิดขึ้นภายในยังไม่ได้แพร่ออกไป ดังนั้นจึงมีไม่กี่คนที่รู้แจ่มแจ้งว่าในงานประชุมแลกเปลี่ยน สรุปเกิดอะไรขึ้นแล้ว
เฝิงจี้จงเป็นเพียงคนที่อยู่วงรอบนอกของตระกูลเฝิง ไม่มีสิทธิ์รู้ทั้งสิ้น
เขายิ่งไม่รู้ว่าตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอก ผู้นำโดนฆ่าไปติดๆ กัน หยางเฉินพูดมาคำเดียว ก็ไล่ตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงออกไปจากมณฑลเจียงผิงแล้ว
ฉินยีที่ไม่เข้าใจความจริง หลังจากได้ยินคำพูดของเฝิงจี้จง สีหน้าจึงดูหมดหวัง
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหยางเฉินมาจากตระกูลอวี๋เหวินแห่งเยนตู และยังรู้ชัดเจนดีว่าหยางเฉินเมื่อนานหลายปีมาแล้ว ถูกตระกูลอวี๋เหวินไล่ออกจากเยนตูแล้วด้วย
ในความคิดเธอ ที่หยางเฉินครอบครองในปัจจุบันนี้ มีเพียงเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ยังมีตระกูลกวนแห่งเจียงโจวและตระกูลเฉินแห่งเมืองโจวเฉิง ล้วนยินยอมช่วยเหลือเขา
ถึงแม้จะมีตระกูลกวนและตระกูลเฉินช่วยเหลือ แต่ว่าตระกูลเฝิงกลับได้รับการปกป้องจากตระกูลเมิ่งหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอก หยางเฉินจะสามารถรับมือไหวได้อย่างไร?
“พี่เขย ไม่อย่างนั้นพวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ?”
ฉินยีพูดเสียงเบาๆ บนหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
สำหรับที่หยางเฉินบอกเมื่อกี้ว่าอยากให้ผู้นำของตระกูลเฝิงเข้ามาภายในสิบนาที เดิมทีเป็นไปไม่ได้ เพียงแค่ขู่ขวัญเฝิงจี้จงเท่านั้น
เธอไม่อยากให้เป็นเพราะตนเอง ถึงลากหยางเฉินมาลำบากด้วย
หยางเฉินกลับหัวเราะอย่างอ่อนโยน เอ่ยปากบอก “คนที่กล้ารังแกน้องสาวของฉัน ยังไม่ได้ชดใช้ให้คืน ฉันจะกลับไปได้ยังไงกัน?”
ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ในใจฉินยีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง ในตาเต็มไปด้วยความรู้สึกประทับใจ