The king of War - บทที่ 4 เป็นพ่อครั้งแรก
บทที่4 เป็นพ่อครั้งแรก
คำว่าฉันกลับมาแล้ว ทำให้ฉินซีรู้สึกตัวจากความหวาดกลัว ความเย็นชาค่อยๆปรากฏบนใบหน้าที่สวยงาม
หยางเฉินเห็นได้ชัดเจน อารมณ์บนใบหน้าของฉินซีเปลี่ยนจากหวาดกลัวเป็นเหม่อลอย แล้วก็เปลี่ยนเป็นความเกลียด
ห้าปีก่อน ทั้งสองถูกลอบทำร้ายให้มีความสัมพันธ์กัน คนในตระกูลให้หยางเฉินแต่งเข้าบ้านตระกูลฉินเพื่อรักษาชื่อเสียง และฉินซีก็เป็นผู้หญิงที่เห็นพรหมจรรย์สำคัญกว่าชีวิตมาแต่แรกแล้ว จึงได้ยอมรับเรื่องทั้งหมด
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าทั้งสองแต่งงานยังไม่ทันครบหนึ่งเดือน อยู่ๆหยางเฉินก็หายตัวไป จนกระทั่งคุณแม่บอกกับเธอว่า ผู้ชายคนนี้เอาเงิน 5 แสนที่คุณพ่อให้ไป
และในตอนนั้นเองที่เธอรู้ตัวว่าท้อง
จากนั้น ตระกูลฉินใช้ช่วงเวลาที่เธอตั้งท้อง ยึดเอาธุรกิจที่เธอสร้างขึ้นเองกับมือไปเป็นของตระกูล ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเป็นคนทำลายชื่อเสียงให้ตระกูลฉินอับอาย
คิดถึงวันวานที่หมองมัว ค่ำคืนที่ตัวเองแอบร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วน ฉินซีรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้ที่ไปไม่ลาคนนี้เป็นอย่างมาก
“ถ้าหากว่านายตายไปแล้วฉันก็ยอมรับ แต่นายกลับหายตัวไปถึงห้าปีแล้วก็มาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน มาเปิดแผลเป็นที่ผ่านมาของฉัน นายมีความสุขมากมั้ย?”
ฉินซีตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด เหมือนกับว่าจะเอาอารมณ์ที่เก็บกดไว้มานานหลายปีนี้แสดงออกมาให้หมด
มองดูหญิงสาวที่รักเจ็บปวด ใจของหยางเฉินเองรู้สึกเหมือนโดนมีดแทง
“เสี่ยวซี ฉันขอโทษ!”
หยางเฉินเดินไปตรงหน้าด้วยใบหน้าที่จริงใจ นอกจากขอโทษ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้อีก
“ห้าปีก่อน ทำไมนายถึงไปไม่ลา?”ฉินซีกัดริมฝีปากแดงเบาๆ สายตาจ้องเขม็งไปที่หยางเฉิน
“ฉันหยางให้ตัวฉันเองเหมาะสมกับเธอ!” มองดูใบหน้าสวยงามที่อยู่ใกล้ๆ หยางเฉินตอบอย่างหนักแน่น ก่อนกลับมาครั้งนี้ เขาสาบานแล้วว่าจะไม่ให้ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้เจ็บปวดอีกแม้แต่นิดเดียว
“เหอะ!”
อยู่ๆคุณแม่ฉินก็หัวเราะเยาะออกมา มองหยางเฉินอย่างแดกดัน “พูดซะดีเชียว ปีนั้นนายเป็นคนมาหาเหล่าฉินด้วยตัวเอง บอกว่าแค่เพียงเหล่าฉินให้เงินห้าแสน นายก็จะไม่มาเจอหน้ากับเสี่ยวซีอีก”
หยางเฉินรีบปฏิเสธ “ฉันไม่เคย!”
ในสายตาของเขา มีความน่ากลัวแวบเข้ามา คุณแม่ฉินกำลังใส่ร้ายเขา
คุณแม่ฉินหัวเราะเยาะ “ไม่เคย? งั้นฉันถามนาย ห้าปีก่อน เหล่าฉินให้เงินนายห้าแสนใช่มั้ย?”
หยางเฉินอธิบาย “ผมขอยืมพ่อตามาห้าแสน แต่ว่าไม่ได้ใช้ วันที่สองก็คืนให้พ่อตาทุกบาททุกสตางค์แล้ว”
“ตอแหล! หลังจากที่นายเอาเงินไปแล้วก็หายไปเลย จนถึงวันนี้ ฉันถึงจะเจอกับนาย นายคืนเงินให้ฉันเมื่อไหร่กัน?”คุณพ่อฉินไม่ยอมรับ
ผัวเมียคู่นี้ เหมือนกับว่าไม่ต้องการให้โอกาสหยางเฉินอธิบาย เหมือนต้องการให้เรื่องที่หยางเฉินเอาเงินแล้วหายไปเป็นความจริง
เพี๊ยะ!
ฉินซียกมือขึ้นตบหน้าหยางเฉินไปหนึ่งที ชี้ไปที่ประตู พูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“แง้……”
เด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของหยางเฉินมาตลอดร้องไห้เสียงดัง “แม่จ๋า อย่าไล่คุณพ่อไปนะ เด็กคนอื่นมีพ่อ มีแต่หนูที่ไม่มี หนูอยากได้คุณพ่อ แม่จ๋า แม่อย่าไล่พ่อไปนะ! อย่าไล่พ่อไปนะ!”
เด็กสาวร้องไห้งอแง น้ำตาไหลพราก สองแขนยังกอดคอหยางเฉินไว้แน่น กลัวว่าถ้าปล่อยมือ ก็จะไม่ได้เจอพ่ออีก
ฉินซีตื่นตระหนกขึ้นมาทันที และก็ไม่ทันสนใจที่จะต่อว่าหยางเฉินอีก รีบอุ้มลูกมากอดไว้ในอ้อมกอดแน่น แล้วก็พูดไม่หยุดว่า “คุณแม่ไม่ไล่คุณพ่อไป ไม่ไล่คุณพ่อไปแล้ว เสี้ยวเสี้ยวไม่ร้องไห้นะ ไม่ร้องไห้นะ”
เธอพูดแล้วน้ำตาก็ไหลจากดวงตา ไม่ว่าในใจเธอจะเกลียดผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นพ่อของลูกสาว เพื่อลูกสาว เธอยอมได้หมด ทนได้ทุกอย่าง
“พ่อจ๋า คุณแม่ตกลงกับเสี้ยวเสี้ยวแล้ว จะไม่ไล่พ่อไป งั้นพ่อก็ตกลงกับเสี้ยวเสี้ยวว่าจะไม่จากคุณแม่และเสี้ยวเสี้ยวไปอีก ตกลงมั้ยคะ?”เสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ไปด้วยและมองดูอย่างรอคอยให้หยางเฉินพูดตอบรับ
บทสนทนาของแม่ลูกนั้นเสียงไม่ดัง แต่ในหูของหยางเฉินเหมือนถูกฟ้าผ่า ทำให้ตัวเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ตอนที่เห็นเสี้ยวเสี้ยวครั้งแรกที่สนามบิน ก็รู้สึกว่าหน้าตาของเธอมีความคล้ายกับตัวเอง อายุของเสี้ยวเสี้ยว ก็ดูประมาณ 4 ขวบ ทั้งหมดนี้ ต่างก็กำลังบอกหยางเฉินว่าเสี้ยวเสี้ยวนั้นเป็นลูกสาวแท้ๆของเขา!
หรือว่าเป็นคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน ก็มีเสี้ยวเสี้ยวแล้ว?
อุ้มท้องสิบเดือน วันนี้ก็เป็นวันเกิดอายุสี่ขวบของเสี้ยวเสี้ยว บวกกันแล้วก็เกือบห้าปีเต็มพอดี ตรงกับช่วงเวลาที่ตัวเองจากมาทั้งนั้น
หยางเฉินยิ่งคิดยิ่งตกใจ แล้วรีบเดินไปตรงหน้า มองดูหญิงสาวสวยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ถามเสียงสั่นๆว่า “เธอ เธอเป็นลูกสาวของพวกเรา?”
ใบหน้าฉินซีสับสน สักพักถึงจะพยักหน้า เขาเป็นพ่อของลูก มีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง
ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้แล้ว แต่เมื่อฉินซียอมรับเอง สิ่งนี้ก็ยังทำให้หยางเฉินตื่นเต้นมากอยู่ดี
เทพสงคราม ตอนนี้กำลังร้องไห้ ทั้งรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด
หยางเฉินอุ้มลูกสาวเข้ามาในอ้อมกอด พูดอย่างอ่อนโยนข้างหูเธอว่า “คุณพ่อตกลง ชีวิตนี้ จะไม่จากหนูและคุณแม่ไปอีก”
ถึงแม้จะเสียงเบา แต่กลับหนักแน่น นักรบไม่สาบานง่ายๆ ถ้าหากสาบาน ก็คือทั้งชีวิต
“ปล่อยหลานสาวฉันนะ!”
ในเวลาที่อบอุ่นนี้ คุณแม่ฉินเดินเข้ามาแย่งเสี้ยวเสี้ยวออกมาจากอ้อมแขนของหยางเฉิน
หยางเฉินกลัวทำให้ลูกบาดเจ็บจึงทำได้แค่ยอมปล่อยดีๆ
อารมณ์โมโหพุ่งสูงขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อเห็นลูกสาว และคิดถึงฉินซีที่อุ้มท้องสิบเดือนมาอย่างยากลำบาก และคำพูดนินทาว่าร้ายที่เธอต้องแบกรับมาคนเดียว หยางเฉินก็ค่อยๆสงบอารมณ์ลง
“เสี่ยวซี ฉันรู้ว่าแกใจอ่อน แต่ครั้งนี้ ฉันและพ่อแก จะไม่ยอมมองดูแกวิ่งเข้ากองไฟอีกแน่นอน”
ใบหน้าคุณแม่ฉินโมโห จากนั้นก็ชี้ไปที่เครื่องแหวนเงินทองที่อยู่วางเต็มโต๊ะ “นี่คือสินสอดที่หวังเจี้ยนเอามา ฉันและพ่อแกรับไว้แทนแกแล้ว แกไปทำเรื่องหย่าร้างกับไอ้ขยะนี่เดี๋ยวนี้ แล้วก็เตรียมตัวแต่งงานกับหวังเจี้ยนซะ”
สองผัวเมียยังไม่ทันพูดว่าจะหย่า คุณแม่ฉินก็วางแผนจะให้ฉินซีแต่งงานอีกครั้งแล้ว
ถ้าไม่เห็นแก่ภรรยาและลูกสาว เขาลงไม้ลงมือไปนานแล้ว
“แง้…….”
เสี้ยวเสี้ยวร้องไห้อีกครั้ง “คุณยาย อย่าไล่คุณพ่อไปนะ หนูจะเอาคุณพ่อ อย่าไล่คุณพ่อ”
ถึงแม้ว่าสาวน้อยจะยังเล็ก แต่กลับเข้าใจคำพูดของคุณแม่ฉิน แล้วก็ร้องไห้หนักอีกครั้ง นี่ทำให้หยางเฉินที่เป็นพ่อคนครั้งแรกรู้สึกใจสลาย
คุณแม่ฉินแสดงสีหน้ารำคาญ แล้วสั่งสอนด้วยใบหน้าเย็นชา “ฉินเสี้ยวเสี้ยว หุบปากเดี๋ยวนี้! พ่อของแกตายไปนานแล้ว มันไม่ใช่พ่อของแก ถ้ายังร้องไห้ ฉันจะขังแกไว้ในห้องมืด”
ร่างกายของฉินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็ไม่กล้าร้องไห้ออกเสียงอีก ทำได้แค่กลั้นไว้ และร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด มองดูฉินซีอย่างน่าสงสาร แล้วก็มองหยางเฉิน
มองดูลูกสาวที่ท่าทางกลัวขนาดนี้ หยางเฉินก็รู้ว่า ก่อนหน้านี้คุณแม่ฉินต้องเคยขังลูกสาวแน่นอน
ความโมโหในใจเขาพุ่งขึ้นมาทันที ในตอนนี้เหมือนกับว่าบรรยากาศในห้องเย็นลงหลายองศา