The king of War - บทที่ 428 ผมขำที่คุณโง่ไงครับ
“ขะ…เขาเป็นราชาเจียงผิงจริงๆ!”
ทั้งสองสบตากัน เห็นความตะลึงของอีกฝ่าย
หวังหย่งก็เช่นกัน แต่ไม่นานเขาก็ปรับตัวได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่คนของตระกูลใหญ่เมืองเจียงผิงเข้าออกห้องโถง ชายหนุ่มที่เขาเห็นว่าถูกรุมล้อมอยู่ตรงกลางก็คือหยางเฉินนั่นเอง
“ฮ่าๆ!”
หวังหย่งอดหัวเราะเป็นไม่ได้ ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล “เพื่อนฉัน คือราชาเจียงผิง! เพื่อนฉันคือราชาเจียงผิง! ฮ่าๆ!”
หยางเฉินเดินไปทางลานประลองทีละก้าวๆ ด้วยการน้อมรับของทุกคน
การปรากฏตัวของเขา ไม่ได้เป็นที่ครึกโครมเหมือนเหยเจ๋อหรือหัวหน้าสำนักหลงที่หนิวเกนหุยเพิ่งเอาชนะไปเมื่อก่อนหน้านี้ แต่กลับทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
“แกก็คือหยางเฉิน?”
หนิวเกนหุยหรี่ตาพูด แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
ทว่าในใจเขากลับตื่นตระหนกอย่างที่สุด แม้เขาจะรู้ว่าราชาเจียงผิงที่กำลังขึ้นชื่อในระยะนี้จะอายุน้อยมาก แต่เมื่อได้เห็นหยางเฉินกับตาตัวเองแล้วก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
“คุณก็คือหนิวเกนหุย ความสามารถจัดอยู่อันดับเก้าของสมาคมบูโด?”
หยางเฉินย้อนถาม
หนิวเกนหุยขมวดคิ้ว เขาอยู่ที่สูงมานาน เคยถูกดูแคลนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“หนิวกึงเซิงน้องชายฉันก็ตายด้วยน้ำมือแก ใช่ไหม?” จู่ๆ หนิวเกนหุยก็ถามขึ้นอีกครั้ง
หยางเฉินคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ที่อีกฝ่ายมาเมืองเจียงผิงในครั้งนี้ สาเหตุหลักก็น่าจะเพื่อการแก้แค้น
อีกอย่าง…ตระกูลเว่ยที่ช่วยเขาจัดการศพของหนิวกึงเซิงในตอนนั้นก็ถูกกำจัดไปแล้ว
หยางเฉินไม่คิดปกปิด พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “เขาจะฆ่าผม แต่เสียดายที่ฝีมือไม่ถึง ก็เลยถูกผมฆ่าแทน!”
“ครืน!”
วินาทีที่หยางเฉินพูดจบ พื้นแทบเท้าของหนิวเกนหุยก็แตกออก ความน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
“น้องชายฉันถูกแกฆ่าจริงๆ ด้วยสินะ!”
หนิวเกนหุยเดือดดาล ดวงตาลุกเป็นไฟ แทบอยากพุ่งเข้าไปสังหารหยางเฉินเสียเดี๋ยวนี้
“หลายปีมานี้สมาคมบูโดก็ก่อเรื่องไว้ไม่น้อยละสิ?”
“แต่ก็แค่มารขัดขวางของสมาคมบูโดเท่านั้น รอจัดการคุณแล้ว ผมยังจะทำให้สาขาสมาคมบูโดที่เจียงผิงหายสาบสูญไปด้วย!”
แววตาหยางเฉินเล็ดลอดจิตสังหาร
ก่อนหน้านี้เมื่อเขารู้ว่าเบื้องหลังตระกูลเว่ยก็คือสาขาสมาคมบูโดที่เจียงผิง พอส่งสาวงามให้ตระกูลเว่ยแล้วก็พาไปสู่การแลกเปลี่ยนด้านต่างๆ นี่ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าระหว่างหยางเฉินกับสมาคมบูโดต้องตายกันไปข้าง
ในฐานะที่หนิวเกนหุยเป็นคนแกร่งอันดับเก้าของสมาคมบูโด ถ้าเขาเสียชีวิตก็จะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของสมาคม
“แก…!”
หนิวเกนหุยถูกกระตุ้นความโมโหถึงจุดเดือด ยังไม่ทันได้ประกาศเริ่มการแข่งขัน เขาก็กลายร่างเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาหยางเฉินแล้ว
ส่วนหยางเฉินยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ดวงตาเล็ดความไม่แยแส
อย่าว่าแต่คนแกร่งอันดับเก้าของสมาคมบูโดเลย ต่อให้เป็นอันดับหนึ่งแล้วจะอย่างไร?
เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉินก็แค่ถูกจัดการเรียบในเสี้ยววินาทีเท่านั้น ไม่มีความแตกต่าง
“หนิวเกนหุยจะลงมือแล้ว!”
“คุณหยางจะรับได้ไหมน่ะ?!”
“ขนาดหัวหน้าสำนักหลงยังแพ้ให้กับหนิวเกนหุยเลย คุณหยางยังหนุ่มแบบนี้จะชนะได้ยังไง?”
“คุณหยางเด็กเกินไป ไม่น่ามาเลย!”
……
ผู้คนจำนวนมากต่างถอดถอนใจ เมื่อมีสองศึกเมื่อก่อนหน้าแล้ว ศึกนี้จึงไม่มีใครเห็นดีเห็นงามกับหยางเฉิน
เพราะเขาเด็กเกินไป
แม้ชื่อเสียงราชาเจียงผิงจะโด่งดัง แต่หัวหน้าสำนักหลงก็ไม่เลวนะ เป็นถึงหัวหน้าสำนักมังกรเสือ ถูกคนมากมายยกให้เป็นดั่งเทพเซียน
ขนาดหัวหน้าสำนักหลงยังแพ้เลย แล้วหยางเฉินหรือจะชนะ?
ทุกคนต่างเบิกตาโต และถึงขนาดไม่กล้ากะพริบตาเพราะกลัวจะพลาดช็อตเด็ดไป
“ไปตายซะ!”
หนิวเกนหุยส่งหมัด
“ปัก!”
ก็ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในความตกใจ จู่ๆ หยางเฉินก็ยื่นแขนออกไป กางนิ้วทั้งห้ากุมหมัดของหนิวเกนหุยไว้
“อะไรน่ะ?!”
“รับได้?!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?!”
ทุกคนต่างอดกลั้นไม่ส่งเสียงตกใจ
ภาพนี้ช่างหวาดเสียวเสียเหลือเกิน ไม่ใช่เพราะการปะทะกันของทั้งสองสนุกสนานหรืออะไร แต่เพราะหยางเฉินทัดทานการโจมตีของหนิวเกนหุยได้อย่างง่ายดาย
คนเก่งขั้นเทพของเจียงผิงกับหนันหยังก็เพิ่งตายด้วยน้ำมือของหนิวเกนหุยไปหยกๆ
ในสายตาของพวกเขา หนิวเกนหุยก็คือคนเก่งไร้เทียมทาน การโจมตีของคนแบบนี้ โลกนี้จะมีสักกี่คนที่ต้านไว้ได้?
แต่กลับถูกวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่ารับไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ช้าเกินไป! กำลังก็อ่อนเกินไป!”
หยางเฉินพูดเรียบพลางออกแรงผลัก หนิวเกนหุยถอยออกไปห้าหกห้าวถึงจะหยุด ใบหน้ามีแต่ความตื่นกลัว
ในฐานะที่เป็นคนแกร่งลำดับที่เก้าของสมาคมบูโด แค่ถูกหยางเฉินผลักก็ถอยไปห้าหกก้าวแล้ว ถ้าหาก…อีกฝ่ายไม่ได้ผลัก แต่เป็นการออกหมัดล่ะ?
นี่เป็นครั้งแรกที่หนิวเกนหุยรู้สึกกดดันมากขนาดนี้
“ฮ่าๆ ดี! เยี่ยม! เยี่ยม!”
“พอคุณหยางออกโรง ใครจะกล้าท้าชิงอีก?”
“สมาคมบูโด? แล้วยังไง? สำหรับคุณหยางหมัดเดียวก็จบ!”
พวกหานเซี่ยวเทียนที่เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่เมืองเจียงผิงต่างตะโกนเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้น “เจียงผิงรอดแล้ว!”
สีหน้าคนของหนันหยังย่ำแย่เป็นแถว
แม้แต่หัวหน้าสำนักหลงยังเสียชีวิต หนันหยังสิ้นความหวังจะพลิกฟื้นแล้ว
สำหรับพวกเขา ไม่ว่าสมาคมบูโดหรือเจียงผิงชนะ ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน
“ไอ้เด็กโอหัง!”
หนิวเกนหุยเลือดขึ้นหน้า ถ้าหยางเฉินต่อสู้กับเขาจริงจังยังพอว่า แต่อีกฝ่ายกลับยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ท่าทางราวกับชี้แนะ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นการเหยียดหยามขั้นร้ายแรง
“หรือว่าคุณรังเกียจที่ผมออกแรงน้อยเกินไป?”
มุมปากหยางเฉินยกขึ้นเล็กน้อย เกี่ยวเป็นเส้นโค้งหยอกเย้า “ไม่งั้น…ผมออกแรงอีกหน่อยเป็นไง?”
สีหน้าหนิวเกนหุยเคร่งเครียดถึงจุดสูงสุด แต่กลับไม่กล้าจู่โจมหยางเฉินไปเรื่อย
เขารู้สึกว่าครั้งนี้ตนได้พบกับคนจริงเข้าให้แล้ว และอาจต้องพ่ายแพ้บนลานประลองนี้จริงๆ
“ฉันยอมรับว่าฉันมองพลาดไป แต่แล้วยังไง? แกคงไม่คิดว่าฉันที่เป็นถึงท่านเก้าแห่งสมาคมบูโด จะมีดีแต่ภายนอกหรอกนะ?”
จู่ๆ หนิวเกนหุยก็เอ่ยปากขึ้น แต่เสียงเบามาก มีเพียงเขากับหยางเฉินที่ได้ยิน
ท่าทางหยางเฉินยังคงเหมือนเดิม ยิ้มตาหยีพูด “คุณจะมีดีแต่ภายนอกหรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่ผมบอกคุณได้เลย ว่าถ้าคุณกล้าแตะขีดจำกัดของผม วันนี้ต้องตายแน่!”
“โอหัง! ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
หนิวเกนหุยยิ้มเย็น จากนั้นก็พูดต่อ “แกยอมแพ้แล้วไสหัวลงจากลานประลองไปซะ! ไม่อย่างนั้น…”
หนิวเกนหุยหัวเราะ ไม่ได้พูดต่อ
“ไม่อย่างนั้น…คุณจะทำไม?”
หยางเฉินหรี่ดวงตาพูด แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ไม่อย่างนั้น ลูกเมียของแก ก็คงต้องไปปรโลกรอแกก่อนนะสิ!”
หนิวเกนหุยยิ้มร้าย
เดิมเขาคิดว่าหยางเฉินได้ยินเช่นนี้แล้วจะโมโห
แต่ที่ทำให้หนิวเกนหุยผิดคาดก็คือ หยางเฉินกลับเฉยชา ทั้งยังหัวเราะเสียอีก
“แกขำอะไร?”
หนิวเกนหุยขายหน้าจนโมโห คำรามออกมา
“ผมก็ขำที่คุณโง่ไงครับ” หยางเฉินกล่าว
“ไอ้บัดซบ! แกนั่นแหละที่เป็นคนโง่!”
หนิวเกนหุยพูดด้วยความโกรธ “ฉันจะบอกความจริงให้นะ ตอนนี้ลูกเมียแกน่าจะถูกคนของฉันจับตัวได้แล้ว ถ้าแกไม่ยอมแพ้ ฉันก็จะให้ลูกเมียแกตายแบบไร้ดินกลบเดี๋ยวนี้แหละ!”