The king of War - บทที่ 429 ส่งไปอยู่ที่ชอบ
รอยยิ้มบนใบหน้าหยางเฉินเจือนหายไป และความยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาแทน คนทั้งสนามใหญ่ต่างพากันขนลุกซู่
หนิวเกนหุยที่อยู่ใกล้หยางเฉินมากที่สุด ก็รู้สึกถึงความกดดันมหาศาลด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในน้ำแข็ง ยะเยือกเฉือนเข้ากระดูก
แต่ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีความรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายแห่งบุพกาลด้วย
ความรู้สึกแบบนี้หนิวเกนหุยเคยรู้สึกได้จากคนคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือคนที่อยู่อันดับหนึ่งในสมาคมบูโด หรือก็คือหัวหน้าสมาคม
เขาจินตนาการไม่ออกเลย ว่าเหตุใดคนหนุ่มที่อายุอานามไม่ถึงสามสิบถึงทรงพลังขนาดนี้ได้?
“ที่ผมขำคนโง่ ก็เพราะถ้าคุณไม่แตะจุดเดือดของผม บางทีอาจยังมีทางรอดอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ คุณมีแต่ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!”
การเอ่ยปากกะทันหันและเสียงแหบแห้งของหยางเฉิน ทำให้ขนอ่อนหนิวเกนหุยตั้งชูชัน
และตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือเสียงเสียดหูก็ดังขึ้น
หยางเฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมารับสายท่ามกลางความตกใจของทุกคน
ไม่นาน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “พี่เฉิน อาซ้อกับเสี้ยวเสี้ยวปลอดภัยดี และคนของสมาคมบูโดก็ถูกกุมตัวแล้วครับ!”
“โอเค!”
หยางเฉินตอบไปแบบเรียบๆ
อันที่จริง วันที่หยางเฉินได้รับเทียบเชิญ เขาก็เรียกตัวหม่าชาวกับเฉียนเปียวกลับมาแล้ว
เพื่อป้องกันการเกิดเหตุแบบนี้นี่แหละ
แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรนหาที่ตายจริงๆ
“ไอ้น้อง แกน่าจะได้รับข่าวที่ลูกเมียแกถูกจับตัวแล้วสินะ?”
หนิวเกนหุยพูดอย่างได้ใจ “แกว่าฉันโง่ ตอนนี้รู้แล้วสิ ว่าใครกันแน่ที่โง่?!”
“แกคิดว่าที่ฉันการจัดงานครั้งนี้ จะไม่ตรวจสอบพวกแกก่อนเหรอ?”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกรักลูกสาวกับเมียมาก และนี่ก็คือจุดอ่อนของแก วันนี้ถ้าแกไม่ยอมแพ้ ลูกเมียแกก็ต้องตายสถานเดียว!”
“ไอ้น้อง ยอมแพ้เสียเถอะ!”
หนิวเกนหุยหัวเราะดังลั่น
คนในสนามไม่รู้ว่าหนิวเกนหุยพูดอะไรกับหยางเฉิน แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังของเขาแล้วก็ประหลาดใจกันเป็นแถว
หยางเฉินเงียบขรึม ถอนใจหนัก
ครั้งนี้เป็นเพราะเขาได้เตรียมการล่วงหน้า แต่หากเขาไม่ได้เตรียมการจะทำอย่างไรดี?
เกรงว่า…ฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวคงถูกคนของสมาคมบูโดจับตัวไปแล้ว และคงใช้พวกเธอบีบให้เขายอมแพ้
“ผู้ตัดสิน ประกาศผลการแข่งได้แล้วว่าเขายอมแพ้!”
หนิวเกนหุยออกคำสั่งกับผู้ตัดสินที่อยู่ด้านข้าง เขาสืบข่าวหยางเฉินมาชัดแล้ว รู้ว่าเขายอมทำทุกอย่างเพื่อภรรยาและลูกสาว
ดังนั้นเวลานี้เขาถึงอยากใช้ฉินซีกับเสี้ยวเสี่ยวมาข่มขู่หยางเฉิน
ทว่า…ผลลัพธ์กลับลิขิตให้เขาต้องผิดหวัง
ผู้ตัดสินทำหน้ามึนงง การแข่งขันยังไม่รู้แพ้ชนะ จะประกาศผลได้อย่างไร?
“ยังยืนเซ่ออะไร? รีบประกาศสิ ฉันเป็นผู้ชนะ!”
หนิวเกนหุยเห็นผู้ตัดสินไม่พูดจึงโมโหตะคอกใส่
“ใครบอกว่าผมยอมแพ้?”
ตอนนี้เอง เสียงของหยางเฉินก็ดังขึ้น
“หือ?”
หนิวเกนหุยทำหน้าตกใจ “แกไม่ยอมแพ้? แกไม่สนใจความเป็นความตายของลูกเมียแล้วเหรอ?”
“คุณตายได้แล้ว!”
หยางเฉินไม่ตอบ พูดเพียงประโยคเดียวก็เดินไปทางหนิวเกนหุย
ฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวเป็นขีดความอดทนสุดท้ายของเขา ไม่ว่าใครที่แตะต้อง ก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น
“ไอ้น้อง แกคิดดีแล้วใช่ไหม?”
หนิวเกนหุยเริ่มหวั่นวิตก
ตั้งแต่แรกเริ่มจนตอนนี้ มีแต่หมัดที่เขาปล่อยออกไปและถูกหยางเฉินรับได้เท่านั้น
ถึงประมือกันแค่ครั้งเดียว แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉิน เขาไม่มีโอกาสชนะถึงเลือกใช้ภรรยาและลูกสาวของอีกฝ่ายมาข่มขู่
ทว่าตอนนี้…หยางเฉินกลับพูดว่าจะฆ่าเขา
“ไอ้น้อง แกรนหาที่ตายแล้วนะ!”
เมื่อเห็นหยางเฉินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หนิวเกนหุยก็รับไม่ได้กับความกดดันที่หยางเฉินนำมา ทันใดนั้นความเดือดดาลก็พลุกพล่าน ขยับเท้ามุ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที
“คุณหยางระวัง!”
มีคนพูดออกมาด้วยความตกใจ
วินาทีต่อมา เมื่อหนิวเกนหุยมุ่งไปอยู่ตรงหน้าหยางเฉินและลงหมัด
ฟ้าดินก็ราวกับเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
สายตาของทุกคนจดจ้องอยู่กับหยางเฉิน
“ไปตายซะ!”
หนิวเกนหุยตะคอกออกมาพลางหวดเข้าที่ขมับของหยางเฉินอย่างแรง
“ปุก!”
เมื่อนั้นหยางเฉินก็ปล่อยหมัดออกไป สองหมัดปะทะกันเกิดเป็นเสียงกระแทกหนัก
ขณะเดียวกันยังมีเสียงกระดูกแตกตามมาด้วย
“อ๊า…”
จากนั้นก็เป็นเสียงร้องน่าอนาถตามมาติดๆ ดังออกมาจากลำคอของหนิวเกนหุย
แขนข้างที่เขาปล่อยหมัดออกไปทางหยางเฉินหัก
และหมัดของเขา กระดูกได้แหลกเหลวปนเคล้ากับเลือดเนื้อ
ทั้งสนามเงียบกริบ
มีเพียงเสียงร้องของหนิวเกนหุยที่กระตุ้นหัวใจทุกคนไม่หยุด
นั่นเป็นถึงท่านเก้าแห่งสำนักบูโด ผู้แข็งแกร่งที่สังหารหัวหน้าสำนักหลงในเสี้ยววินาทีเชียวนะ
ขณะที่ต่อสู้กับหยางเฉิน เขาออกหมัดออกไปเพียงสองครั้งเท่านั้น
หมัดแรกถูกหยางเฉินรับได้อย่างง่ายดาย
หมัดที่สองก็ถูกหยางเฉินใช้หมัดทำจนกระดูกนิ้วมือของเขาแตกหักจนสิ้น
“มีอะไรจะสั่งเสียไหม?”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ฝากฝังแล้วผมจะได้ส่งคุณไปอยู่ที่ชอบสักที!”
“แกกล้าฆ่าฉัน ฉันก็จะให้ลูกเมียแกตายด้วย!”
ใบหน้าหนิวเกนหุยเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
หยางเฉินไม่แยแส “คุณมั่นใจขนาดนี้เลยเหรอว่าลูกเมียผมถูกคนของคุณจับไว้แล้ว?”
“หมายความว่ายังไง?”
สีหน้าหนิวเกนหุยเปลี่ยนไปพลัน ราวกับคิดความน่าจะเป็นหนึ่งได้ “เป็นไปไม่ได้! เป็นไม่ได้เด็ดขาด!”
คนที่เขาส่งคนไปดักฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวล้วนเป็นยอดฝีมือของสมาคมบูโด
แค่หยางเฉินคนเดียวก็ทำให้เขาระทึกพอแล้ว เขาไม่อาจรับว่ายังมีคนชิงภรรยาและลูกสาวของหยางเฉินไปจากยอดฝีมือของสมาคมบูโดได้อีก
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรทันที
ทว่ากลับไม่มีคนรับสาย
เขาหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย
จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาอีกคนหนึ่ง และยังไม่มีคนรับสายเช่นเดิม
เขาโทรศัพท์ไปหลายสาย แต่กลับไม่มีใครรับสายเลย
หากตอนนี้เขายังไม่รู้อีกว่าคนของตัวเองล้มเหลว เช่นนั้นเขาก็โง่เขลาสิ้นดี
“ตุบตับ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น หนิวเกนหุยคุกเข่าลงกับพื้น หน้าตาหวาดกลัว ขอร้องอ้อนวอน “คุณหยาง โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ ต่อไปผมจะไม่เหยียบเข้าเจียงผิงอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”
เมื่อทุกคนที่ยังไม่ทันได้สติเห็นนาทีที่หนิวเกนหุยคุกเข่าร้องขอชีวิตแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัด
ราชาเจียงผิงแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?
แม้แต่ยอดฝีมืออันดับเก้าของสมาคมบูโดยังต้องคุกเข่าขอชีวิต?!
หยางเฉินส่ายหน้า “ตั้งแต่ตอนที่คุณเอาลูกเมียผมมาข่มขู่ก็กำหนดจุดจบของคุณไว้แล้ว!”
“หยางเฉิน ฉันจะฆ่าแก!”
หนิวเกนหุยรู้ว่าหยางเฉินไม่ปล่อยเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงไม่ขอร้องอีก ลุกขึ้นพุ่งเข้าหาหยางเฉินทันที
และในมือของเขายังมีมีดสั้นเป็นประกายวิบวับอยู่อีกเล่ม
เสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่วงาน
งานต่อสู้ครั้งนี้จัดขึ้นโดยสมาคมบูโด มีกฎระเบียบชัดเจนว่าในลานประลองห้ามพกอาวุธใดๆ
แต่สมาคมบูโดที่เป็นผู้จัดงานกลับให้หนิวเกนหุยใช้มีดสั้นเข้าทำร้ายหยางเฉิน