The king of War - บทที่ 44โดนตบอีกฉาด
บทที่44โดนตบอีกฉาด
หยางเฉินตะลึง คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดต่อฉินซี แต่ไม่นาน เขาก็เข้าใจทั้งหมดได้จากแววตาของหล่อน แล้วยิ้มเจิดจรัสออกมา“เพราะ ผมรักคุณ!”
คำพูดนี้ ทำให้ฉินซีควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ น้ำตาไหลพรากๆ หากแต่ดวงตาทั้งคู่จ้องหยางเฉินเขม็ง“คุณน่าจะรู้ดี ฉันไม่ได้รู้สึกกับคุณฉันชู้สาว แบบนี้จะแฟร์กับคุณเหรอ”
หยางเฉินหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง ค่อยๆซับน้ำตาให้หล่อน พูดยิ้มอ่อนโยน“คุณไม่ต้องรู้สึกเป็นภาระอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าผมเป็นคนติดตาม!”
“คนติดตามเหรอ”ฉินซีรู้สึกประหลาดใจในคำพูดนั้น
หยางเฉินพยักหน้า“คิดเสียว่าผมเป็นผู้ชายที่ชอบคุณมากคนหนึ่ง และกำลังติดตามคุณ หากมีวันหนึ่ง คุณค้นพบว่า คุณรับผมไม่ได้จริงๆ จะปฏิเสธก็ได้”
จู่ๆฉินซีเงียบงันขึ้น หยางเฉินพูดปลอบ“อย่าคิดมากเลย กินอาหารเช้าเถอะ!”
กินอาหารเช้าเสร็จ หยางเฉินขับรถ ไปส่งฉินซีที่บริษัท
“หยางเฉิน ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ไปส่งฉันที่ฉินซื่อกรุ๊ปได้ไหม”ฉินซีถามโพล่งขึ้น
หยางเฉินไม่ถามมาก ได้แต่บอกว่า“ได้สิ!”
ตลอดทาง ฉินซีค่อนข้างจิตตก พอมาถึงบ้านตระกูลฉินหยางเฉินยังต้องคอยเตือน เธอจึงได้สติคืน
ทั้งคู่เพิ่งลงรถ ก็เห็นเงาที่คุ้นเคยเงาหนึ่ง
“แกยังมีชีวิตอยู่เหรอ ช่างน่าประหลาดใจ”ฉินเฟยมองหยางเฉิน แววตาเป็นประกาย หยางเฉินทำหน้าทะเล้น“ไม่เจอกี่วัน ดูเหมือนจะขาดผู้ชายอีกแล้วเหรอ”
ฉินเฟยเดือดดาล“หยางเฉิน แกคิดว่าฉันหาคนมาจัดการแกไม่ได้หรือไง”
“ต่อให้ได้ ก็ไม่รวมแก”หยางเฉินประชด
“แกอย่าคิดว่าพี่สงไม่ขยับ แล้วแปลว่าจะไม่กล้าทำอะไรแกนะ แต่เขาแค่ไม่มีเวลามายุ่งกับขยะอย่างแก รอให้มีเวลาก่อน แกรอเป็นศพข้างถนนได้เลย!”ฉินเฟยกัดฟันกรอด
หลังจากที่ความลับของเธอกับสงเหว่ยแตก ก็มีนักแฮคคลิป ปล่อยคลิปฉาวระหว่างพวกเขา แทบเป็นคลิปฉาวที่ฟินมากด้วย จนคอมเมนต์ตั้งชื่อให้เธอว่า:ฉินเสี่ยวโซ่ว!
มักจะมีปาปารัสซี่ตามไปถ่ายภาพถึงบ้านตระกูลฉินกับหน้าประตูบริษัท
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้กำกับหนังเอ๊กส์ ติดต่อให้พวกเขาไปแสดงเป็นตัวเอกในฉากรัก
ในตอนที่เดินผ่านหน้าประตูโรงเรียน จู่ๆมีคนตะโกนขึ้น“ฉินเสี่ยวโซ่วนี่นา!”
ฉับพลันกลุ่มชายหนุ่มมาตีวงล้อมเธอ แล้วกระหน่ำถ่ายรูป
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะไ้อ้ฉิบหายนั่นทั้งนั้น ฉินเฟยแทบจะพุ่งเข้าไปฆ่าหยางเฉิน แต่เห็นมือเข้าเฝือก ก็ยังฝืนพุ่งเข้าไป
“อย่าไปยุ่งกับคนทุเรศแบบนี้เลยค่ะ พวกเราไปหาคุณปู่กันเถอะ”ฉินซีพูดกับหยางเฉิน
“พวกแกหยุดนะ!”
ฉินเฟยขวางทางพวกเขา ตะคอก“พวกแกโดนไล่ออกไปแล้ว กลับมาที่บริษัทอีกทำไม”
“ฉินเฟย หลบไปเถอะนะ ถ้าขวางทางตระกูลฉินกับซานเหอร่วมมือกัน คุณปู่ไม่ปล่อยเธอแน่”ฉินซีแค่นเสียง
หลังจากที่ซานเหอโดนเทคกิจการด้วยคนลึกลับ ก็ได้ร่วมมือกับทั้งเยี่ยนเฉินและตระกูลซู เหมือนกับพระอาทิตย์ยามสายัณห์
ฉินเฟยไม่โง่ ขมุ่นคิ้ว“หมายความว่าไง”
ฉินซีสะบัดเอกสารในมือ“นี่เป็นหนังสือสัญญาซานเหอ ตอนนี้โครงการที่ร่วมมือกับตระกูลฉิน ฉันเป็นคนดูแล ถ้าเธอคิดว่าไม่จำเป็น ฉันจะไปตอนนี้แหละ”
ได้ฟัง ฉินเฟยตกตะลึง
เขารู้ดีแก่ใจ ตอนนี้ตระกูลฉินจะล้มละลาย ซานเหอเป็นคนออกหน้าช่วยเหลือแก้วิกฤต
“หยางเฉิน รู้มั้ย ฉันเศร้าแทนแกจริงๆเลย”ฉินเฟยแค่นยิ้ม มองไปที่หยางเฉิน
หยางเฉินคิ้วกระตุก“คนที่เศร้าไม่น่าจะใช่แกมั้ง”
“เมียแกเพื่อที่จะได้กลับเข้ามาที่ซานเหอ ไม่รู้ว่าสวมเขาให้แกมาตั้งเท่าไหร่ แกก็ยังเซ่อหาคิดว่าหล่อนบริสุทธิ์”ฉินเฟยเหน็บแนม
“ฉินเฟย!”
ฉินซีบันดาลโทสะ“พูดบ้าอะไรน่ะ”
“ฉันพูดมั่วหรือไม่ แกรู้ดีแก่ใจ ลูกหลานตระกูลฉินในซานเหอถูกปลดออกหมดแล้ว เหลือแต่แกคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะแกเป็นคู่นอน จะเหลือเหรอ”ฉินเฟยสีหน้าดูแคลน
“ผัวะ!”
ฉินซีตบฉาดลงที่บ้องหู ในหูฉินเฟยส่งเสียงร้องเวิ้งๆ สีหน้าเขาประหลาดใจ“อีผู้หญิงชั้นต่ำ……”
“เปรี้ยง!”
ฉินเฟยเพิ่งด่าออกไปคำหนึ่ง หน้าอกกระเพื่อม ตกลงบันไดไป
มือที่เข้าเฝือก ปริออกอีกครั้ง เจ็บจนร้องโอดโอย
เป็นเวลาเลิกงานพอดี ผู้คนต่างเข้ามามุงดูด้วยความตกใจ
หยางเฉินสีหน้าเย็นชา เดินไปตรงหน้าฉินเฟย มองบนลงล่าง“ฉินเฟย ความอดทนมีขีดจำกัด นี่เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าฉันยังได้ยินแกด่า มันจะจบไม่สวย”
แววตาฉินเฟยเต็มไปด้วยความชิงชัง กัดฟันกรอด“หยางเฉิน ฝากไว้ก่อน ฉันไม่ปล่อยแกแน่ ไม่แน่ๆ!”
“หึ!”
หยางเฉินแค่นออกมา หันกลับไปพาฉินซีเดินเข้าบริษัท
ห้องประชุม ชั้นดาดฟ้าของฉินซื่อกรุ๊ป
“ท่านประธานฉิน การที่เฉิงเหอกรุ๊ปได้ร่วมมือกับท่าน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง วันนี้คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
ตรงข้ามท่านผู้เฒ่าฉินมีวัยรุ่นนั่งอยู่ อายุราวๆสามสิบกว่า ใส่สูทเต็มตัว ยิ้มออกมาโค้งคำนับ
ท่านผู้เฒ่าฉินรู้สึกปลื้มปิติยินดี เขารู้ดีถึงสถานภาพของหนุ่มตรงหน้า แม้ว่าจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในเจียงโจว แต่ว่าเป็นตระกูลชั้นนำของเมืองอื่น
“คุณชายหยางเกรงใจแล้ว เป็นสิ่งที่ตระกูลฉินควรทำ สบายใจเถอะ การลงทุนระหว่างเฉิงเหอกับตระกูลฉิน จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”ท่านผู้เฒ่าฉินชิงพูด
ชายหนุ่มยิ้มอ่อน“ท่านประธานฉินเกรงใจเกินไปแล้ว เรียกผมว่าหยางเวยก็พอ”
“ฮ่าๆ ตกลง งั้นตาแก่คนนี้จะทำตามคำขอแล้วกัน”ท่านผู้เฒ่าฉินยิ้มกว้าง
“ไม่ทราบว่าหญิงสาวข้างตัวท่านคือใครกันครับ”หยางเวยพูดขึ้น แววตามองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างท่านผู้เฒ่าฉิน
“ฟางเยว่ ยังไม่ลุกขึ้นยืนอีก”ท่านผู่เฒ่าฉินแค่นเสียง
ฟางเยว่เป็นหลานสาวของเขา หล่อนแต่งตัวพิถีพิถัน พามาวันนี้ เพื่อให้รู้จักหยางเวย วันนี้หยางเวยเป็นฝ่ายรุกถาม เขาเองก็รู้สึกตื่นเต้น
ถ้าได้ดองกับตระกูลหยาง ต่อไปตระกูลฉิน ก็ได้เป็นตระกูลชั้นนำ
ฟางเยว่เขินอาย ค่อยๆลุกขึ้น มองไปทางหยางเวยยิ้มอ่อนโยน“พี่หยาง สวัสดีค่ะ เรียกฉันว่าเสี่ยวเยว่ก็พอ”
หยางเวยหรี่ตา แม้ว่าฟางเยว่ไม่ใช่สาวงามเฉิดฉาย แต่พอแต่งตัวพิถีพิถันแล้ว ก็ดูงามพิศ
แน่นอนว่าเขาไม่ดองกับคุณหนูตระกูลเล็กๆของตระกูลฉินหรอก แต่ในเมื่อท่านผู้เฒ่าจงใจให้ชิดใกล้ แม้ว่าเขาจะไม่แต่งงานกับเจ้าหล่อน แต่ถ้าเอามาเล่นหน่อย ก็ไม่เลว
“สมกับเป็นกุลสตรีแห่งตระกูลฉิน ความงามของเสี่ยวเยว่ สำหรับเจียงโจวแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครเทียบ”หยางเวยเอ่ยชมปลิ้นปล้อน มีเพียงเขาที่รู้ ว่าเป็นคำโกหก
แต่ตาแก่โง่กับสาวโง่ กลับเชื่อมัน
“ฮ่าๆ คุณชายหยางชมเกินไป”
ท่านผู้เฒ่าฉินยิ้มกว้าง มองไปทางฟางเยว่“เสี่ยวเยว่ สองสามวันนี้ คุณชายหยางเป็นอาคันตุกะสกุลฉิน เจ้าก็ต้อนรับให้ดี”
ฟางเยว่ตื้นตันใจ สีหน้าแสดงความบอบบาง“คุณตาสบายใจค่ะ หนูจะรับรองพี่หยางให้ดี”
“งั้นพี่ขอบคุณเสี่ยวเยว่”หยางเวยยิ้มพูด
ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา!”
ในตอนที่ท่านผู้เฒ่าฉินเห็นฉินซีกับหยางเฉิน สีหน้าเปลี่ยนทันที พูดเย็นชา“พวกแกมาได้ไง”
หยางเฉินขมุ่นคิ้ว ไม่ใช่เพราะท่านผู้เฒ่า แต่เป็นเพราะผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องรับแขก พอฉินซีเดินเข้ามา แววตาของเขาก็เอาแต่จับจ้องเรือนร่างฉินซี
หยางเฉินเดินจ้ำอ้าว บังตัวฉินซีไว้ หยางเวยหรี่ตามองหยางเฉิน ยิ้มแล้วพยักหน้าให้
เห็นทีท่าที่ยังคงเย็นชาของท่านผู้เฒ่าฉิน ฉินซีรู้สึกลำบากใจ อย่างไรเสียฉินซีก็เป็นหลานสาวคนโตของตระกูล เธอมีความผูกพันต่อตระกูลฉิน
“คุณปู่คะ นี่คือ หนังสือสัญญากับซานเหอ ลองดูก่อนนะคะ”
เมื่อครู่เห็นหยางเฉินกับฉินซีแล้วไม่สบอารมณ์ แต่พอได้ยินคำว่าซานเหอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แค่นหัวเราะ“ฉินซี หลานแน่มากนะ ลูกหลานตระกูลฉินโดนปลดออกหมด เหลือแต่หลานคนเดียวที่เข้าได้”
ฉินซีรู้ ไม่ว่าหล่อนจะพูดอย่างไร ท่านผู้เฒ่าฉินก็ยังคงโกรธเคืองเธอ เลยไม่พูดอะไรดีกว่า
ฟางเยว่เองก็เห็นสายตานั้น จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แค่นหัวเราะ“คุณตาคะ พี่สาวช่างมีวิธีจังเลย แต่ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรเข้าไปในซานเหอน๊าไม่รู้ว่าวิธีนั้นเปิดเผยได้หรือเปล่า”
หยางเฉินขมุ่นคิ้ว“คนตระกูลฉิน ไม่กลัวตายจริงๆ เมื่อกี้ชั้นล่าง มีสวะคนนึงพูดจาไม่ดี โดนสั่งสอนไปแล้ว ตอนนี้ก็โผล่มาอีกคนหนึ่ง”
ในเวลานี้เอง ฉินเฟยพุ่งเข้ามาในห้องรับแขก
“เสี่ยวเฟย เกิดอะไรขึ้น”เฝือกบนมือเขาแตกแล้ว ตามลำตัวเลอะฝุ่นไปหมด ท่านผู้เฒ่าฉินโกรธจนตัวสั่น
ฉินเฟยกัดฟันกรอดมองหยางเฉิน“คุณปู่ มันเป็นไอ้ฉิบหาย ผมไม่ให้มันเข้าบริษัท มันก็หักแขนผม คุณปู่ ต้องจัดการให้ผมนะครับ”
“คุณปู่ครับ ไม่ใช่นะครับ เมื่อกี้ฉินเฟย……”
ฉินซีเตรียมอธิบาย ก็โดนท่านผู้เฒ่าฉินห้ามเอาไว้“!”
หยางเฉินมองท่านผู้เฒ่าฉินอย่างสนใจ ดูว่าจะจัดการอย่างไร
ท่านผู้เฒ่าฉินเดือดดาล“สวะอย่างแกรีบไสหัวไป!ไม่งั้นฉันจะเรียกยาม!”
“ให้เมื่อไล่พวกเราไป ก็อย่าเสียใจแล้วกัน”
หยางเฉินพูดท้าทาย“เสี่ยวซี พวกเราไป!”
คนอื่นไม่รู้ แต่ฉินซีจะไม่รู้ได้อย่างไร หยางเฉินซื้อซานเหอกรุ๊ปเอาไว้ จะร่วมมือหรือไม่ ขอแค่เขาพูดออกมาคำเดียว
พอได้ยินว่าหยางเฉินจะไป เธอก็ร้อนใจขึ้นมา
“หยางเฉิน ให้โอกาสตระกูลฉินอีกครั้ง ได้ไหม”ฉินซีวิงวอน
“ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม พี่จะให้โอกาสสวะนั่น”ฟางเยว่ในเวลานี้ ยิ้มอย่างเปิดเผย
ฉินเฟยพูดแทรก “ชายหญิงชาติหมาคู่นี้ ตอแหลเก่งไม่เบา”
“ตบปาก!”
หยางเฉินปราดประกายเย็นชา เดินเข้าไป
“ผัวะ”เสียงดังขึ้น หยางเฉินตบฉาดลงหน้าฉินเฟย เขาตัวลอยขึ้นกลางอากาศ หล่นลงตุ๊บ ฟันกระดอนออกมา