The king of War - บทที่ 448 ที่อยู่ของพ่อผู้ให้กำเนิด
หลังจากรับเสี้ยวเสี้ยวมาแล้ว จนกลับถึงยอดเมฆา ฉินซีไม่ได้พูดอะไรสักคำ
พอกลับถึงบ้าน เธอก็กลับเข้าไปที่ห้องคนเดียว
“พ่อค่ะ พ่อทะเลาะกับแม่หรือเปล่า?”
เสี้ยวเสี้ยวยังอยู่ในอ้อมกอดของหยางเฉิน ใบหน้าเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความกังวล เหลือบมองไปยังทิศทางของห้องฉินซี และถามเสียงเบา
หยางเฉินยิ้มและส่ายหัว “พ่อกับแม่มีความสัมพันธ์ที่ดี จะทะเลาะกันได้ยังไง?”
“คุณพ่อ พูดจริงเหรอ?” เสี้ยวเสี้ยวถามด้วยสีหน้าสงสัย
หยางเฉินกลอกตา และพูดอย่างหมดหนทาง “แม้แต่คำพูดของพ่อก็ไม่เชื่อแล้วเหรอ?”
เสี้ยวเสี้ยวรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “เสี้ยวเสี้ยวเชื่อคุณพ่อ!”
“พ่อค่ะ วันนี้ครูสอนพวกเราวาดดอกทานตะวัน ดูนี่สิ นี่คือดอกทานตะวันที่หนูวาด”
ทันใดนั้นในกระเป๋าเสี้ยวเสี้ยว ก็หยิบกระดาษวาดรูปออกมา บนกระดาษมีดอกทานตะวันสามดอก และวาดใบหน้าที่ยิ้มแย้มบนดอกทานตะวันแต่ละดอก
“คุณพ่อคะ ดูสิ ดอกทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดนี้ ก็เหมือนพ่อ ดอกทานตะวันที่เล็กที่สุด ก็คือเสี้ยวเสี้ยว และอันสุดท้ายก็เหมือนคุณแม่”
“คุณพ่ออยู่ข้างหน้า และช่วยบังลมและฝน เสี้ยวเสี้ยวก็จะเติบโตอย่างมีความสุข”
เสี้ยวเสี้ยวพูดอย่างมีความสุข “คุณพ่อคะ พ่อจะอยู่ดูแลแม่และหนูไปตลอดไหม ช่วยบังลมและฝนให้พวกเรา ใช่ไหมคะ?”
เมื่อเห็นดวงตาที่คาดหวังของเสี้ยวเสี้ยว หยางเฉินก็ใจสั่น และอดไม่ได้ที่จะกอดลูกสาวของเขาไว้แน่น “เสี้ยวเสี้ยวพูดถูกต้อง ในชีวิตนี้ พ่อจะอยู่ดูแลหนูและแม่ ช่วยบังลมและฝนให้พวกเธอ!”
เดิมทีความหดหู่ที่อยู่ในใจของหยางเฉินมาโดยตลอด จากคำพูดที่ไร้เดียงสาของเสี้ยวเสี้ยว ได้หายไปจนหมดสิ้น
ฉินซีในตอนนี้ กำลังเจอกับมรสุมชีวิต คือเวลาที่ต้องปกป้องเธอไม่ใช่เหรอ?
หยางเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป หอมแก้มเสี้ยวเสี้ยวฟอดใหญ่ จากนั้นหันหลังเดินเข้าห้องไป
ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นฉินซีนั่งอยู่ข้างเตียง ร้องไห้อยู่คนเดียว
เมื่อเห็นหยางเฉินเข้ามา เธอรีบเช็ดน้ำตาออก
หยางเฉินถอนหายใจ เดินไปที่ด้านข้างของฉินซี และเอื้อมมือออกไปโอบกอดภรรยา “ผู้หญิงคนนั้น ไม่มีความรักให้กับคุณ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซีก็ตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำแล้วพูดว่า “ที่รัก คุณต้องรู้อะไรมา บอกฉันได้ไหม?”
หยางเฉินเริ่มพูดว่า “เธอต้องการที่จะควบคุมอำนาจให้ยิ่งใหญ่ จึงต้องการให้คุณยอมรับเธอ!”
“หมายความว่าไง?”
ใบหน้าของฉินซีซีดเซียว และร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย
“ไม่ขอปิดบังเธอ วันแรกที่เธอมาเมืองเจียงโจว ก็มาพบผม เธอบอกให้ผมทิ้งคุณไป และวางแผนให้คุณแต่งงานกับราชาเจียงผิง เพื่อช่วยปรับตำแหน่งของเธอที่อยู่ในตระกูลเย่ให้สูงขึ้น”
“ต่อมา เธอถึงรู้ว่าผมคือราชาเจียงผิง และต้องการให้ผมเกลี้ยกล่อมให้คุณยอมรับเธอ และในขณะเดียวกันก็ให้ผมสัญญากับเธอ ให้ผมยอมจำนนต่อตระกูลเย่ในเยี่ยนตู”
“ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอต้องการเพียงหลอกใช้คุณ เลยอยากให้คุณยอมรับในความเป็นแม่ลูกกัน”
หยางเฉินไม่ได้ปิดบังอะไร และบอกข้อเท็จจริงทั้งหมดกับฉินซี
ฉินซีรู้สึกไม่ค่อยดี ใบหน้าของเธอซีดมาก เพราะเสียใจ ตัวเธอสั่นเล็กน้อย
หยางเฉินบอกความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น ฉินซีก็เป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าบอกความจริงทั้งหมดให้กับเธอ ฉินซีจะยอมรับได้อย่างไร?
“หรือว่า เธอเป็นคนเลือดเย็นเช่นนี้ ในสายตาเธอมีเพียงอำนาจเท่านั้นหรือ?”
ฉินซีพูดปนสะอื้น “ใช่แล้ว คนที่เพื่ออำนาจ แม่ที่สามารถทอดทิ้งลูกสาวแท้ๆของตัวเอง จะเป็นไปได้ไงที่จะมีความรักระหว่างแม่ลูกกับฉัน?”
หยางเฉินกอดฉินซีไว้แน่น และพูดอย่างหนักแน่นว่า “อย่างไรก็ตาม คุณยังมีผมและเสี้ยวเสี้ยว และยังมีพ่อบุญธรรมที่รักคุณมากกว่าตัวเอง และยังมีฉินยีที่เปรียบเสมือนน้องสาวแท้ๆของคุณ”
“ที่รัก ไม่ต้องห่วง ฉันทนได้!”
ฉินซีกลั้นน้ำตาไว้ และพูดอย่างหนักแน่น
ท้ายที่ก็หยุดน้ำตาไว้ไม่ได้ และค่อยๆไหลลงมาสู่แก้ม ราวกับไข่มุกทีละเม็ด ที่หล่นสู่พื้น
หยางเฉินไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่กอดภรรยาไว้แน่น
อุปสรรคครั้งนี้ มีแต่ฉินซีที่ต้องผ่านไปให้ได้ สิ่งที่เขาทำได้คือ เวลาที่ภรรยาต้องการ ก็มอบอ้อมกอดอันอบอุ่นให้กับเธอ
ผ่านไปนาน ฉินซีก็เริ่มสงบสติอารมณ์ได้ ดวงตาของเธอแดงก่ำ มองไปที่หยางเฉิน และถามทันทีว่า “คุณรู้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแท้ๆของฉัน?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าหยางเฉินก็เปลี่ยนไป และเพียงครู่เดียว ก็กลับมาเป็นปกติ
แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปชั่วขณะ ก็ถูกฉินซีสังเกตเห็น
“ที่รัก คุณต้องรู้ เกี่ยวกับเรื่องพ่อแท้ๆของฉัน ใช่ไหม?”
“คุณบอกฉัน ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ตกลงไหม?”
อารมณ์ของฉินซีกระวนกระวายใจผิดปกติ จับแขนของหยางเฉินไว้แน่นและถามเสียงดัง
สิ่งที่หยางเฉินกังวลมากที่สุด ก็มาถึงแล้ว
เมื่อเขาตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับฉินซี ก็คิดว่าจะบอกเธอเพียงบางส่วนเท่านั้น
เกี่ยวกับบิดาแท้ๆของฉินซี เขาตัดสินใจที่จะปกปิด
แต่ไม่คาดคิด ในที่สุดฉินซีก็ถาม
“ที่รัก ฉันแค่อยากรู้ว่า พ่อแท้ๆของฉันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”
ฉินซีจับแขนของเฉินซี อารมณ์นั้นกระวนกระวายใจมาก และถามเสียงดัง
“เสียแล้ว!”
สำหรับคำขอร้องทุกอย่างของฉินซี หยางเฉินไม่สามารถปฏิเสธได้ และสุดท้ายก็พูดสองคำนี้
คำสองคำนี้ ดูเหมือนฟ้าผ่า ชั่วขณะทำให้ฉินซีนิ่งอึ้งอยู่กับที่
และสิ่งที่ทำให้หยางเฉินประหลาดใจ ฉินซีไม่ได้ถามเรื่องเกี่ยวกับพ่อแท้ๆของเธออีก แต่ยิ้มให้กับตัวเอง “อันที่จริง ระหว่างฉันกับพวกเขา มีเพียงความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้น และไม่มีความรักใดๆ พวกเขาจะอยู่หรือตาย มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
หยางเฉินไม่รู้ว่า ฉินซีคิดแบบนี้จริงๆ หรือเพราะความโกรธ
แต่ว่าฉินซีไม่ได้ถามต่อ ทำให้เขาโล่งใจ
ถ้าฉินซียังคงถามต่อ หยางเฉินก็ไม่รู้ว่า ตัวเองจะทนได้ไหม ที่จะไม่บอกความจริงกับฉินซี
เพียงแต่ว่า ภายในใจมีความรู้สึกผิดมากๆ
เพราะยังไง เขาก็เป็นพ่อแท้ๆของฉินซี และไม่ได้ทำอะไรผิด
แต่เพื่อฉินซี หยางเฉินก็จำใจต้องปกปิดความจริง
“ที่รัก คุณไปอยู่เป็นเพื่อนเสี้ยวเสี้ยว ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ!” จู่ๆฉินซีก็พูดขึ้นมา
หยางเฉินพยักหน้า และเดินจากไป
ทันทีที่เขาจากไป ก็มีเสียงสะอื้นอยู่ในห้อง
“เฮ้อ!”
หยางเฉินถอนหายใจยาว ยังไงก็เป็นพ่อแท้ๆ ฉินซีจะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้อย่างไร?
หลังจากใช้ชีวิตมา20กว่าปี จู่ๆเธอก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ทำให้เธอสะเทือนใจมาก
ในตอนนั้น ในใจเธอคงคาดหวัง วันที่จะได้เจอพ่อแม่แท้ๆ?
พ่อแม่แท้ๆที่เธอรอคอยมานาน ตอนนี้คนหนึ่งกำลังเข้าใกล้เธอเพื่ออำนาจ และอีกคน จากเธอไปอยู่คนละโลกกับเธอ
โชคชะตา ไม่ยุติธรรมกับเธอจริงๆ
หยางเฉินเดินออกไป และโทรออก
ไม่นาน ก็เชื่อมต่ออีกฝ่าย และเสียงที่คุ้นเคยก็แว่วมาตามสาย “เธอตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม?”
“ผมรับปากคุณ จะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเย่ แต่คุณต้องสัญญากับผมสองอย่าง!” หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา
“คุณพูด!”
เสียงของเย่ม่านเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
จุดประสงค์ของเธอที่มาที่เจียงโจวครั้งนี้ เพื่อให้หยางเฉินและตระกลูเย่มีความสัมพันธ์ที่ดี แม้ว่ากระบวนการจะค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัว