The king of War - บทที่ 482 คุณจะช่วยใครก่อน
ต้องยอมรับว่าอ้ายชวนเป็นผู้ชายที่ฉลาดและเด็ดขาดมาก
แค่เพียงสละตำแหน่ง มันจะนำประโยชน์มากมายมาสู่วงศ์ตระกูล
“อะไรนะ?”
“พ่อบอกว่า ต้องการสละตำแหน่งเจ้าบ้านให้อ้ายหลินเหรอ?”
“อย่าว่าแต่อ้ายหลินเป็นผู้หญิงเลย เธอเป็นเพียงรุ่นที่สามในตระกูลอ้าย ตำแหน่งเจ้าบ้าน ถึงอย่างไรก็ไม่ตกมาถึงเธอได้!”
“คุณปู่ ท่านพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
…
คนของตระกูลอ้าย แต่ละคนพูดด้วยอารมณ์ตื่นเต้น หลายคนคิดว่าอ้ายชวนพูดผิดไป
แต่อ้ายชวนกลับส่ายหน้า เมื่อเห็นคนของตระกูลอ้ายมีท่าทางกระวนกระวายใจเช่นนี้ เขาจึงตะคอกอย่างโกรธเคืองว่า “ผมไม่ได้แก่จนเลอะเลือน เรื่องนี้ตกลงตามนี้ วันนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้ผมจะเชิญตระกูลใหญ่ทั้งหมดในเมืองเยี่ยนตูเข้าร่วมพิธีมอบตำแหน่งผู้นำให้กับอ้ายหลิน”
จนกระทั่งเวลานี้เองที่ทุกคนตระหนักว่า อ้ายชวนจะยกตำแหน่งผู้นำให้อ้ายหลินจริงๆ
“คุณปู่ ฉันขอปฏิเสธ!”
ในขณะนั้น จู่ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
อ้ายหลินลุกขึ้นยืน แล้วพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย “คุณปู่ ท่านก็รู้ว่าฉันไม่ได้ปรารถนาเช่นนี้ ได้โปรดยกเลิกคำสั่งด้วย!”
อ้ายหลินเป็นผู้หญิงที่อยู่ตามลำพังและรักอิสระมาโดยตลอด เธอจะมาเป็นผู้นำอยู่ในวงศ์ตระกูลได้อย่างไร?
อ้ายชวนขมวดคิ้ว มองอ้ายหลินด้วยสายตาคุกคาม
เขาเคยชินกับการเป็นเจ้าบ้าน ในตระกูลอ้าย เขาเป็นคนที่พูดจาน่าเชื่อถือมาโดยตลอด ไม่อนุญาตให้ใครมาโต้แย้งการตัดสินใจของเขา
ตอนแรกอ้ายหลินปฏิเสธเรื่องการสมรส เคยโต้แย้งการตัดสินใจของเขาต่อหน้าทุกคน และตอนนี้ก็ต้องการโต้แย้งอีก
“อ้ายหลิน เธอต้องรู้ว่าเธอเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลอ้าย ควรจะอุทิศกำลังเพื่อตระกูลอ้าย”
อ้ายชวนเอ่ยปากพูดว่า “ฉันรู้ดีว่า เธอเคยชินกับอิสรภาพและไม่ชอบถูกจำกัด แต่เธอต้องรับตำแหน่งผู้นำของตระกูลอ้าย เธอสามารถมอบให้พ่อของเธอจัดการทุกอย่างได้”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน อ้ายชวนจะยอมถอยได้อย่างไร?
ในเวลานี้ คำพูดของเขาเห็นได้ชัดว่าได้สละตำแหน่งแล้ว
ความหมายของเขาเข้าใจได้ง่ายมาก เขาเพียงต้องการให้อ้ายหลินดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำของตระกูลอ้าย แต่เรื่องราวภายในวงศ์ตระกูลสามารถมอบให้คนอื่นจัดการได้
หยางเฉินย่อมเข้าใจความหมายของอ้ายชวน เพียงแค่อาศัยอ้ายหลินมาช่วยให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ
การครอบครองตำแหน่งผู้นำในวัยเช่นนี้ได้โดยไม่ปล่อย จะมีใครไม่ใช่จิ้งจอกเฒ่าบ้าง?
คนประเภทนี้ ถ้าพูดให้น่าฟังหน่อย ก็คือสามารถเสียสละตัวเองได้เพื่อผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล
ถ้าพูดตรงๆ มันก็คือความเป็นใหญ่เหนือผู้ใด
แม้ว่าอ้ายชวนจะถอยให้ก้าวหนึ่งแล้ว แต่สายตาของอ้ายหลินยังคงแน่วแน่ เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “คุณปู่ ได้โปรดยกเลิกคำสั่งด้วย!”
“เธอยังจะปฏิเสธอีกเหรอ?”
อ้ายชวนสีหน้าโกรธเกรี้ยว พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
“อ้ายหลิน เธอยังไม่รีบขอบคุณคุณปู่ที่มอบตำแหน่งผู้นำให้กับเธออีก”
อ้ายหมิงซวี่ร้อนใจขึ้นมาทันที จึงรีบพูดโน้มน้าว
เขาเป็นพ่อของอ้ายหลิน อ้ายหลินเป็นคนแบบไหน เขาย่อมรู้ดี
แต่ก็เช่นเดียวกัน อ้ายชวนเป็นคนแบบไหน เขาก็รู้ดี
ถ้าอ้ายหลินยังคงปฏิเสธ เป็นไปได้มากว่าอ้ายชวนจะระเบิดอารมณ์
“ใช่แล้ว อ้ายหลินเธออย่าได้คืบจะเอาศอก เจ้าบ้านยกตำแหน่งผู้นำให้กับเธอเพราะเห็นความสำคัญของเธอ แล้วเธอยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ?”
“ในความคิดของฉัน คุณปู่ไม่ควรให้ตำแหน่งผู้นำให้กับเธอ เธอเป็นผู้หญิง มีคุณสมบัติอะไรบ้าง?”
“ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้ยังกล้าเถียงคุณปู่ต่อหน้าทุกคนอีก ไม่มีความเกรงใจเลย!”
มีลูกหลานของตระกูลอ้ายหลายคนพูดอย่างไม่พอใจ
อ้ายหลินอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา แถมยังเป็นผู้หญิง แต่สามารถได้ตำแหน่งผู้นำอย่างง่ายดาย แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังกล้าที่จะปฏิเสธ
สายตาของอ้ายหลินยังคงแน่วแน่เช่นเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “คุณปู่คะ ได้โปรดยกเลิกคำสั่งด้วย!”
ปฏิเสธเป็นครั้งที่สาม!
ผู้คนในตระกูลอ้ายต่างตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่า เรื่องดีๆ เช่นนี้ยังกล้าปฏิเสธอีก
อ้ายชวนไม่ได้พูดอะไร สายตายังคงมองไปที่อ้ายหลินอยู่ตลอด และสายตาของอ้ายหลินก็แน่วแน่ผิดปกติ เผชิญหน้ากับเขาโดยเกรงกลัวแม้แต่น้อย
ผ่านไปครู่ใหญ่ อ้ายชวนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ! ช่างมันเถอะ! ในเมื่อเธอไม่ต้องการ ฉันก็จะไม่บังคับเธอแล้ว เธออยากทำอะไรก็ทำ!”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว!”
จากนั้นก็หันกลับไปและกำลังจะออกไป
ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าอ้ายชวนจะแก่ขึ้นหลายปี เมื่อมองดูหลังที่ค่อมลงเล็กน้อยของเขา ในสายตาของอ้ายหลินก็ฉายแววใจอ่อนขึ้นมา มองไปทางหยางเฉินอย่างน่าสงสาร
แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งในวงศ์ตระกูล แต่เธอก็ไม่พอใจอย่างมากกับการตัดสินใจของอ้ายชวนในเรื่องการแต่งงานของเธอ
แต่ว่า ถึงอย่างไรอ้ายชวนก็เป็นปู่ของเธอ เป็นญาติสนิทที่แตกหักอย่างไรก็ยังมีสายใยเกี่ยวพัน เธอไม่อยากทำให้ชายชราผิดหวังเช่นนี้
หยางเฉินส่ายหน้าอย่างขมขื่น จากนั้นก็ทอดสายตามองไปที่ด้านหลังของอ้ายชวนแล้วเอ่ยว่า “ผมให้คำสัญญาว่า ตระกูลอ้ายจะรุ่งโรจน์ไปอีกนับร้อยปี!”
ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา อ้ายชวนที่หลังค่อมเล็กน้อยก็ยืดตัวตรงทันที เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าปีติยินดี มองไปทางชายหนุ่ม
แม้ว่าจะยังอายุน้อยมาก อายุน้อยกว่าหลานชายของเขาเสียอีก แต่สิ่งที่หยางเฉินพูดกลับสร้างความมั่นใจให้กับเขา
“ขอบคุณครับคุณหยาง! ขอบคุณครับคุณหยาง!”
อ้ายชวนตื่นเต้นจนพูดจาสะเปะสะปะ สองตาแดงก่ำ
เพื่อตระกูลอ้าย เขาได้อุทิศชีวิตทั้งหมดให้กับวงศ์ตระกูล ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี แต่กลับยังไม่สามารถทำให้วงศ์ตระกูลยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้
ตอนนี้ประโยคเดียวที่หยางเฉินพูดทำให้เขามองเห็นความหวัง
ชายหนุ่มที่สามารถต่อกรกับแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เขาบอกว่าสัญญาว่าจะทำให้ตระกูลอ้ายเจริญรุ่งเรืองไปอีกนับร้อยปี เช่นนั้นตระกูลอ้ายก็จะเจริญรุ่งเรืองไปอีกนับร้อยปี
กว่าหยางเฉินจะออกจากตระกูลอ้าย ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
อ้ายหลินมาส่งหยางเฉินและหม่าชาวที่ประตูด้วยตนเอง
“พี่เฉิน ขอบคุณค่ะ!”
อ้ายหลินกล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ
หยางเฉินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “คนที่คุณควรขอบคุณไม่ใช่ผม แต่เป็นคู่หมั้นของคุณ ถ้าก่อนจะมาถึงตระกูลอ้าย เขาไม่ขอร้องให้ผมปกป้องตระกูลอ้าย ต่อให้คุณจะขอร้องผมเมื่อกี้ ผมก็จะไม่รับปากกับปู่ของคุณ”
ได้ยินดังนั้น อ้ายหลินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อมองไปที่หม่าชาว ในสายตาก็ฉายแววอ่อนโยน
ชายโง่เขลาผู้นี้รู้จักแต่แอบจ่ายเงินลับหลังเงียบๆ แต่ไม่เคยบอกตนเอง
หม่าชาวหน้าตาซื่อตรง ยิ้มแหยๆ เอามือลูบหัวพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ช่วยเหลือพี่อ้าย นับเป็นเกียรติของผม!”
หยางเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูสภาพไร้อนาคตของคุณสิ ยังไม่ทันแต่งงาน ก็คิดถึงแต่พี่อ้าย พอแต่งงานไปแล้ว เกรงว่าถ้าพี่อ้ายบอกให้คุณมาทำร้ายผม คุณก็ยินดี”
สีหน้าของหม่าชาวเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบส่ายหัวและพูดว่า “พี่เฉิน พี่อ้ายจะให้ผมมาทำร้ายคุณได้ยังไงล่ะ? ต่อให้ผมอยากทำ ผมก็ทำไม่ลง!”
อ้ายหลินพูดด้วยรอยยิ้มทันใด “หม่าชาว เล่นงานพี่เฉินอย่างเต็มที่ให้ฉันที!”
หม่าชาวมองไปที่อ้ายหลินด้วยสีหน้าขมขื่น แล้วมองไปที่หยางเฉิน
มันเหมือนกับถามเขาว่า ถ้ามีวันหนึ่ง ผมกับแม่ของคุณตกลงไปในแม่น้ำ คุณจะช่วยใครก่อน?
พอเห็นหน้าเหวอๆ ของหม่าชาว อ้ายหลินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ล้อคุณเล่นนะ ดูหน้าเหวอๆ ของคุณสิ”
หยางเฉินยิ้มอย่างรู้ทัน
พอเห็นเพื่อนสนิทของตนเดินอยู่เคียงข้างกับผู้หญิงที่เขารัก เขาก็มีความสุขมาก
ตอนนี้เขาได้พบความสุขของตัวเองแล้ว หากพี่น้องที่อยู่รอบกายเขาสามารถพบความสุขได้เช่นกัน เขาก็จะส่งเสริมให้สำเร็จ