The king of War - บทที่ 492 เข้ารับการสอบสวน
นาทีนั้น ห้องประชุมขนาดใหญ่นี้เงียบสงัด เงียบจนน่ากลัว ขนาดที่แค่เข็มหล่นยังได้ยิน
ผู้บริหารระดับสูงที่มีตำแหน่งเหนือผู้จัดการหลายสิบคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง พวกเขาจ้องลั่วปิงตาปริบๆ รอคำตอบจากลั่วปิง
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ลั่วปิงจะโลเลได้ยังไงกัน?
สายตาของเขาเด็ดเดี่ยวถึงที่สุด และสบเข้ากับสองตาของหยูเหวินหวูพลางเอ่ย “ตามกฎข้อบังคับของกรุ๊ป คนที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมสำคัญของกรุ๊ปโดยไร้สาเหตุ ผู้จัดการใหญ่ของกรุ๊ปมีสิทธิ์ในการเลิกจ้างครับ!”
“หึหึหึหึ~”
อยู่ๆหยูเหวินหวูก็หัวเราะออกมา
แม้ว่าเขาจะหัวเราะอยู่ แต่ผู้คนนับสิบที่อยู่ ณ ที่นี้กลับรู้สึกถึงความมุ่งร้าย
เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธ และโกรธมากด้วย
ในฐานะทายาทผู้รับสืบทอดตระกูลอวี๋เหวินในอนาคต เขาเป็นคนสูงส่งขนาดไหนเชียว?
บัดนี้ ผู้จัดการใหญ่ของกรุ๊ปที่ยังเกาะใบบุญของตระกูลอวี๋เหวินอยู่กลับกล้าที่จะต่อกรกับเขาต่อหน้าทุกคน นี่เป็นการตบหน้าเขาในที่สาธารณะชัดๆ
ลั่วปิงเสียวสันหลังวาบ เหงื่อเย็นชุ่มตัว สีหน้าซีดเผือด
เขาเริ่มรู้สึกว่าแขนขาของตัวเองไร้เรี่ยวแรง อ่อนไปทั้งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินนั่งอยู่ข้างกายเขา เกรงว่าเขาคงกลัวจนล้มลงกับพื้นภายใต้แรงมหาศาลของหยูเหวินหวู
เขารู้ว่าจากนี้ไปเขาและหยางเฉินผูกมัดกันอย่างสมบูรณ์แล้ว หากหยางเฉินเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้าคือเหวลึกที่ไม่อาจกลับขึ้นมาได้อีก
นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ เป็นการเดิมพันที่เขาไม่สามารถคาดเดาผลแพ้ชนะได้
หากเป็นตระกูลเศรษฐีอื่นในเมืองเยี่ยนตู ลั่วปิงอาจเชื่อว่าหยางเฉินสามารถปะทะด้วยได้อย่างง่ายดาย แต่ชายคนตรงหน้าคนนี้คือหนึ่งในทายาทแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู อนาคตเจ้าบ้านตระกูลเศรษฐีแนวหน้า
“คนที่กล้าพูดแบบนี้กับฉันหยูเหวินหวูมีนายนี่แหละคนแรก!”
รอยยิ้มของหยูเหวินหวูหายไป แต่ก็ไม่ได้แสดงความโกรธออกมา เพียงแต่พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี คนที่ไม่รู้จักอาจจะคิดว่าเขาและลั่วปิงเป็นเพื่อนกันซะอีก
“ทุกสิ่งที่ผมทำก็เพื่อความก้าวหน้าของกรุ๊ป!” ลั่วปิงพยายามทำเป็นใจเย็นอยู่
“ไม่ว่ายังไงผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างหนัก จะเลิกจ้างพวกเขาเพียงเพราะพวกเขาพลาดการประชุมครั้งเดียวออกจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะว่ามั้ย?”
หยูเหวินหวูยิ้มแย้มและจ้องมองลั่วปิง สายตาเปล่งประกายคมกริบ ฉายจิตสังหารจางๆ
ลั่วปิงกล่าวเสียงเข้ม “หาไร้กฎก็มิอาจเป็นระบบ! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับ หากผมยังอดทนต่อการละเมิดกฎของพวกเขา เช่นนั้นหลังจากนี้ทุกการประชุมที่ผมจัดก็จะไม่มีใครอยากเข้าร่วมใช่มั้ยครับ?”
“ถ้าถึงขั้นนั้นจริงๆ ผู้จัดการใหญ่ของกรุ๊ปอย่างผมจะมีความหมายอะไรอีก”
“ไม่ว่ายังไง ผมต่างหากที่เป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อการก้าวหน้าของกรุ๊ป ขอให้คุณชายปิงโปรดเข้าใจด้วย!”
ลั่วปิงไม่ได้ล่าถอยเพราะคำพูดของหยูเหวินหวู ในเมื่อเลือกหยางเฉินแล้ว ก็มีแต่ต้องเลือกที่จะยืนอยู่ตรงข้ามกับหยูเหวินหวูเท่านั้น
“ลั่วปิง นายจะโอหังเกินไปแล้ว คิดจริงๆหรอว่านายเป็นคนของท่านประธานแล้วจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่นายต้องการ?”
“นั่นน่ะสิ! เราทุกคนต่างเป็นผู้อาวุโสของกรุ๊ป หากไม่มีพวกเรา ก็ไม่มีความรุ่งเรืองของกรุ๊ปในวันนี้ ต่อให้นายเป็นผู้จัดการใหญ่ ก็ไม่มีสิทธิ์เลิกจ้างพวกเรา”
“เว้นแต่ว่าท่านประธานออกโรงเอง มิฉะนั้นฉันจะดูซิว่าใครกล้าเลิกจ้างเรา”
ผู้บริหารระดับสูงด้านหลังหยูเหวินหวูพากันชี้จมูกลั่วปิงและตะคอก สายตาที่มองลั่วปิงนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หยูเหวินหวูไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่มองลั่วปิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอด
เป็นครั้งแรกที่ลั่วปิงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลขนาดนี้ เขาถึงกับเกิดความคิดว่าอยากจะหลบหนีออกไป แต่พอคิดได้ว่าถึงขั้นนี้แล้ว หากหนีไปจริงๆทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองพยายามมาเป็นอันต้องสูญเปล่า
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
จู่ๆลั่วปิงก็แผดเสียงออกมา
ตาของเขาเป็นสีแดง พร้อมคำรามเสียงดัง “ผมยอมรับทุกสิ่งที่พวกคุณได้ทุ่มเทให้กับกรุ๊ป แต่หลายปีมานี้ พวกคุณได้อะไรไปจากกรุ๊ปบ้างพวกคุณไม่ตระหนักบ้างหรอ?”
“ผมไม่ได้มีประวัติการทำงานที่ยาวนานเท่าพวกคุณก็จริง แต่แล้วยังไงล่ะครับ? ตั้งแต่ที่ผมได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของกรุ๊ป นอกเหนือจากเงินเดือนปกติและสวัสดิการแล้ว ผมไม่เคยสูบเงินจากกรุ๊ปเลยสักแดง!”
“พวกคุณมันเป็นกลุ่มหนอนร้าย! ตราบใดที่ยังไม่ทำความสะอาด ก็จะมีวันที่กรุ๊ปถูกทำลายด้วยมือของพวกคุณ!”
“ในเมื่อผมตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกจ้างพวกคุณ ต่อให้พระพุทธเจ้ามาพวกคุณก็อย่าหวังว่าจะได้กลับมาอยู่ในกรุ๊ปอีก!”
ลั่วปิงระเบิดอารมณ์อย่างสิ้นเชิง เขาแผดเสียงคำรามสุดแรงเกิด ราวกับต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในช่วงนี้ออกมาให้หมด
ผู้บริหารระดับสูงของกรุ๊ปอึ้งกันไปหมด
พวกเขาเพิ่งเคยเห็นลั่วปิงในอารมณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก
เมื่อก่อนพวกเขาข่มเหงตั้งแต่กับลั่วปิงอยู่ตลอด ต่อให้ลั่วปิงจะโกรธขนาดไหนก็ไม่เคยระเบิดอารมณ์ ในทุกๆครั้งเขาต้องยอมเสียเปรียบและเก็บงำอารมณ์
ในครั้งนี้เขากลับมีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นมาก ขนาดทายาทของตระกูลอวี๋เหวินอยู่ด้วยเขายังไม่ยอมถอยให้เลยสักนิด ยืนยันว่าจะเลิกจ้างผู้บริหารระดับสูงทุกคนให้หมด
“ไอ้ระยำ แกพูดเหลวไหลอะไร? พวกเราตั้งใจทำงานเพื่อกรุ๊ปมาหลายสิบปี เคยเอาอะไรไปจากกรุ๊ปเสียเมื่อไหร่?”
“ลั่วปิง ฉันจะบอกนายให้นะ นายกำลังหมิ่นประมาทอยู่! ถ้าวันนี้นายไม่สามารถอธิบายทุกอย่างกับพวกเราได้ พวกเราจะฟ้องนายด้วยข้อหาหมิ่นประมาท! ให้นายต้องติดคุกทั้งชีวิต!”
“วันนี้นายต้องขอโทษ! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราใจร้ายแล้วกัน!”
ชั่วขณะหนึ่ง บรรดาผู้บริหารระดับสูงด้านหลังหยูเหวินหวูพากันคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
อุตส่าห์หาโอกาสจัดการกับลั่วปิงได้แล้ว จะยอมปล่อยไปง่ายดายได้ยังไง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดหวังคือจากใบหน้าของลั่วปิง ไม่เห็นความลุกลี้ลุกลนแม้แต่นิดเดียว กลับได้เห็นรอยยิ้มเย็นที่มุมปากของลั่วปิง
“หน้าเหี่ยวๆของพวกคุณนี่ด้านจริงๆเลยนะครับ จะไปฟ้องผมว่าหมิ่นประมาทหรอครับ เอาสิ! พวกคุณไปฟ้องเลย ผมจะรอดูว่าเมื่อผมส่งหลักฐานทั้งหมดในมือให้กับหน่วยงานตรวจสอบแล้ว พวกคุณจะมีใครสามารถเอาตัวรอดได้อยู่มั้ย”
ลั่วปิงหัวเราะเย็นๆ สีหน้าไร้ความหวาดกลัว
ผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นที่ตอนแรกยังหยิ่งผยองได้อยู่บัดนี้ตะลึงกันหมด
เห็นท่าทางของลั่วปิงที่ไม่สะทกสะท้านแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าที่ลั่วปิงกล่าวมานั้นเป็นความจริงหรือไม่
พวกเขาในฐานะผู้บริหารระดับสูง ไม่มีใครรอดจากการตรวจสอบได้หรอก
หากในมือลั่วปิงมีหลักฐานการทำผิดของพวกเขาจริงๆ อย่าว่าแต่จะไปฟ้องลั่วปิงเลย เกรงว่ายังไม่ทันจะได้หาทนายพวกเขาก็โดนลั่วปิงลากเข้าคุกซะก่อน
“นายก็แค่วางมาดทำเป็นตบตาคนอื่นเท่านั้นแหละ! ถ้าในมือนายมีหลักฐานอะไรจริงๆจะยอมทนมาถึงตอนนี้หรอ?”
ในขณะนั้น หยูเหวินหวูหัวเราะเย็นๆและพูดขึ้น
ลั่วปิงใจหล่นวูบ เขาไม่มีหลักฐานใดๆในมือที่จะพิสูจน์ความผิดของพวกผู้บริหารระดับสูงจริงๆ เขาแค่วางมาดทำเป็นตบตาไปเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงว่าหยูเหวินหวูจะมองออก
“คุณชายปิงพูดถูก ถ้านายมีหลักฐานในมือจริงๆ จะรอจนถึงตอนนี้หรอ?”
บรรดาผู้บริหารระดับสูงด้านหลังหยูเหวินหวูพากันพูดพร้อมหัวเราะเย็นๆ
แต่ในชั่วขณะที่ประโยคเหล่านั้นถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ก็มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบหลายคนปรากฏตัว
“พวกเราได้รับการรายงานโดยระบุชื่อว่ามีผู้บริหารระดับสูงบางคนของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปว่าใช้อำนาจในการรับสินบนหรือรับรายได้ที่ผิดกฎหมายอื่นๆ รวมถึงยึดครองทรัพย์สินของบริษัทโดยมิชอบครับ”
คนที่นำอยู่เอ่ยเสียงเย็น “ชื่อที่ผมอ่านหลังจากนี้มากับพวกเราด้วยนะครับ เข้ารับการสอบสวน!”