The king of War - บทที่ 495 หนูยังไม่ตายหรอ
“แกรู้หรอว่าฉันมีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้หญิงคนนี้ ถึงจะใช้ชีวิตของเธอมาขู่ฉัน”
หยางเฉินหัวเราะ สีหน้าดูเหมือนสบายมาก แต่ในความเป็นจริงใจของเขาไม่กล้าชะล่าเลยสักนิด
เขาไม่แน่ใจว่าเหยถ่าจะลงมือมั้ย แต่ทีแน่ใจได้คือ หากเหยถ่าลงมือ ตัวเองไปช่วยไม่ทันแน่ๆ
ใบหน้าไร้อารมณ์ของเหยถ่าฉายแววดูถูก เขาหัวเราะเย็นๆพลางกล่าว “ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่สำคัญกับแกจริงๆ แกคงลงมือกับฉันไปแล้ว ทำไมต้องเสียเวลาพูดจาไร้สาระเพื่อหยั่งเชิงฉันด้วยล่ะ?”
“แกควรจะเข้าใจเรื่องนี้ไว้นะ แกปล่อยฉันไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ฉันยังจะใช้ผู้หญิงคนนี้เพื่อขู่แก นั่นก็หมายความว่าฉันไม่ได้กลัวความตายเลยสักนิด”
“ฉันให้เวลาแกคิดสิบวินาที ถ้าแกยังไม่ยอมไปกับฉัน ฉันคงทำได้แค่ฆ่าผู้หญิงคนนี้”
เหยถ่ากลับมาเย็นชาอีกครั้ง สายตาคมกริบจ้องเขม็งมาที่หยางเฉิน ห้านิ้วของมือข้างขวาบีบคอของหานเฟยเฟยไว้ตลอด
ถ้าเขาต้องการจะเอาชีวิตของหานเฟยเฟย เกรงว่าจะทำได้ในชั่วพริบตา
สายตาของหานเฟยเฟยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พอเห็นหยางเฉินลังเล เธอรู้สึกผิดหวังอย่างน่าประหลาด
สัมผัสได้ถึงความผิดหวังจากสายตาของหานเฟยเฟย หยางเฉินรู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่ว่ายังไง ผู้หญิงคนนี้ก็ติดร่างแหเพราะตัวเอง
“คนสวย เธอเห็นรึยัง ฉันแค่ขอให้ชายคนนี้ไปกับฉัน เขายอมทนดูเธอตายก็ไม่ต้องการไปกับฉัน”
“แม้ว่าฉันจะเป็นคนฆ่าเธอ แต่ความเป็นจริงคนที่ทำให้เธอต้องตายก็คือชายคนนั้น”
“ฉวยโอกาสตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ มองชายคนนั้นที่ทำให้เธอต้องตายเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ!”
เหยถ่าบอกพร้อมหัวเราะอย่างพิศวง
ทันใดนั้น ไอเย็นก็ปกคลุมไปทั่วร่างของเหยถ่า เพราะเขาเพียงแค่กะพริบตาเท่านั้น หยางเฉินที่เมื่อกี้ยังยืนห่างออกไปเป็นสิบเมตรจู่ๆก็หายไป
รสชาติของความตาย ล้อมรอบอยู่รอบตัวของเขา
ขนทั้งตัวของเหยถ่าตั้งชันขึ้นในชั่วขณะ จิตสังหารของหยางเฉินราวกับอยู่ทุกที่
เขาไม่มีความลังเล ห้านิ้วที่บีบคอหานเฟยเฟยอยู่ออกแรงอย่างฉับพลัน
ในเมื่อจะต้องตาย ก็ต้องลากคนไปเป็นเพื่อนด้วย
วินาทีที่เขาออกแรง หานเฟยเฟยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตของตัวเองกำลังจะจบสิ้นแล้ว นาทีนั้น มีภาพมากมายปรากฏขึ้นในหัวของเธอ
และมีแต่นาทีที่เข้าใกล้ความตายเท่านั้น เธอถึงรู้ว่าตัวเองยังอาลัยอาวรณ์โลกนี้ขนาดไหน
เธอยังไม่มีแฟน ยังไม่ได้แต่งงานและมีลูก ยังไม่ได้สัมผัสประสบการณ์หลากรสของชีวิต
แต่ ทุกอย่างก็สายไปแล้ว!
แต่หัวใจของเธอเจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน หยางเฉินยอมปล่อยให้เธอตายก็ไม่ยอมประนีประนอม และไปกับชายร่างกำยำคนนั้นหรอ?
ถึงแม้เธอจะเข้าใจดีว่าถ้าหยางเฉินยอมประนีประนอมจริงๆ หยางเฉินมีแต่ต้องตายเท่านั้น
แต่ในเวลานี้ ใจของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เธอหลับตาลง มีน้ำตาไหลออกมา
“แคร่ก!”
และในตอนนั้นเอง เสียงกระดูกหักใสแจ๋วพลันดังขึ้น
“นี่ฉันถูกหักคอจนตายไปแล้วหรอ?”
“ทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ?”
“หรือนาทีที่คนเราตาย จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆเลยหรอ?”
หานเฟยเฟยหลับตาปี๋ไม่กล้าลืมตา เธอเกิดคำถามในใจไม่หยุด
“เฟยเฟย เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างหูเธอ
หานเฟยเฟยลืมตาโพลง ก็เห็นหยางเฉินกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“หนู…..หนูยังไม่ตายหรอคะ?”
หานเฟยเฟยเพิ่งจะตระหนักได้ว่า ดูเหมือนว่าตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ เธอดีใจจนหลั่งน้ำตาออกมา ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
เห็นท่าทางดีใจจนต้องร้องไห้ของหานเฟยเฟยแล้ว สายตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ก็ต้องยังมีชีวิตอยู่สิ” หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เมื่อได้ยินเสียงของหยางเฉิน หานเฟยเฟยจึงมั่นใจได้ในที่สุดว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เธอตื้นตันจนพุ่งเข้าไปกอดหยางเฉิน พูดอย่างดีใจ “ดีจังเลย หนูยังมีชีวิตอยู่ หนูยังมีชีวิตอยู่”
มือของหยางเฉินชะงักงันไปทันที เขารู้สึกถึงความนุ่มนิ่มที่สัมผัสอยู่ อึดอัดไปหมด
ครู่ใหญ่กว่าหานเฟยเฟยจะรู้ตัว และรีบออกจากอ้อมกอดของหยางเฉิน ใบหน้าสวยๆของเธอเป็นริ้วสีแดง
“พี่หยาง ไอ้ระยำคนเมื่อกี้ล่ะคะ?”
หานเฟยเฟยมองซ้ายมองขวา แกล้งทำเป็นเปลี่ยนประเด็นอย่างไม่แตกตื่น
หยางเฉินยิ้มบางๆ “ก็ต้องโดนฉันอัดจนหนีไปแล้วน่ะสิ”
เมื่อกี้หยางเฉินหักคอของเหยถ่า ส่วนศพถูกหม่าชาวที่พรางตัวอยู่ในที่มืดนำไปซ่อนแล้ว”
“งั้นก็ดีค่ะ”
หานเฟยเฟยกล่าวโดยที่ยังนึกกลัวอยู่ “พี่หยาง วันนี้พี่มีเรื่องกับซ่งเหล่ย อาของซ่งเหล่ยเป็นรองผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เขาไม่ปล่อยพี่ไว้แน่”
“ไม่แน่นะคะ ไอ้ระยำเมื่อกี้ก็เป็นคนที่ตระกูลอวี๋เหวินส่งมาแก้แค้นให้ซ่งเหล่ย”
“พี่รีบออกไปจากเมืองเยี่ยนตูดีกว่าค่ะ ไม่อย่างนั้นอาจได้รับอันตรายทุกเมื่อ”
หานเฟยเฟยพูดอย่างหวังดี ใบหน้าเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เธอยังไม่รู้ว่าอาของซ่งเหล่ยถูกบังคับให้ไปมอบตัว และยังมอบหลักฐานในการกระทำความผิดทั้งหมดของคนสนิทที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากหยูเหวินหวูไปหมดแล้ว
จะว่าไป อาของซ่งเหล่ยช่วยหยางเฉินไว้มาก
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้หยางเฉินไม่บอกหานเฟยเฟยหรอก
อย่างเมื่อกี้ แค่เพราะตัวเองอยู่กับหานเฟยเฟย หานเฟยเฟยก็ถูกเหยถ่าใช้เป็นตัวประกันในการต่อรองกับหยางเฉิน
ยิ่งหานเฟยเฟยรู้เยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งไม่เป็นผลดีกับความปลอดภัยของเธอ
“เธอวางใจเถอะ หลังจากที่ฉันจัดการเรื่องที่เมืองเยี่ยนตูเรียบร้อยแล้วก็จะกลับไป ไม่นานหรอก”
หยางเฉินกล่าวยิ้มๆ “เธอรีบกลับไปเถอะ!”
หลังจากบอกลาหานเฟยเฟยแล้ว รถไมบัคสีดำคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ข้างหยางเฉิน
คนขับรถคือหม่าชาว หยางเฉินขึ้นรถแล้วหม่าชาวจึงเอ่ยขึ้น “พี่เฉินครับ เมื่อกี้ผมไปตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้วครับ คนที่ลงมือกับคุณเมื่อกี้ชื่อเหยถ่า เป็นบอดี้การ์ดข้างกายหยูเหวินหวู”
“ผู้ชายคนนี้ถือว่าเป็นนหน่วยกล้าตายที่หยูเหวินหวูเลี้ยงไว้ เคยฆ่าปิดปากคนไปไม่น้อยเพื่อหยูเหวินหวู”
“นอกจากนี้ เหยถ่าคนนี้ไม่ได้เป็นหน่วยกล้าตายเพียงคนเดียวของหยูเหวินหวู”
หยางเฉินพอจะเดาได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ผลของการตรวจสอบจากหม่าชาวยิ่งเป็นการการยืนยันเรื่องนี้
แต่ที่เหนือความคาดหมายของหยางเฉินคือ หยูเหวินหวูมีหน่วยกล้าตายคนอื่นๆอยู่ข้างกายด้วย
เรื่องเลี้ยงหน่วยกล้าตายนี้ไม่ใช่สิ่งที่ลำพังเขาจะสามารถทำได้ ดูเหมือนมีคนแอบช่วยเหลือหยูเหวินหวูอยู่ข้างหลัง
สายตาของเขาเป็นประกายเย็นเยียบ เขาหัวเราะเย็นๆ “พี่ชายของฉันคนนี้ใจร้อนจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆสินะ”
หม่าชาวก็หัวเราะและพูดขึ้น “ในสายตาของเขา คุณเป็นคนที่เป็นภัยต่อตำแหน่งของเขานะครับ”
หยางเฉินขำพรืด “แค่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลอวี๋เหวินแห่งเมืองเยี่ยนตู ฉันไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก แต่ในเมื่อนายกลัวว่าฉันจะแย่งนายขนาดนั้น ฉันก็เล่นกับนายหน่อยแล้วกัน”
“พี่เฉินคิดจะสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลอวี๋เหวินแล้วหรอครับ?” หม่าชาวถาม
หยางเฉินส่ายหัว ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแต่เอ่ยบอก “ไปคลับเมืองหลวง”
ยี่สิบนาทีต่อมา ภายในคลับเมืองหลวง รถไมบัคสีดำคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าประตูช้าๆ
ร่างของชายหนุ่มสองคนเดินออกมาจากรถ
คนแรกที่นำมาตัวสูงโปร่ง ใส่เสื้อคลุมสีดำ ที่ขาใส่รองเท้าบูทยาวทหาร บุคลิกโดดเด่น