The king of War - บทที่ 5071 หลอกล่อศัตรูให้ถลำลึก3
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5071 หลอกล่อศัตรูให้ถลำลึก3
แม้จะรู้ว่าเซียวชูหรันนั้นแต่งงานแล้ว แต่แมทธิว ปีเตอร์สันก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ ในความคิดของเขา คือใช้คำว่าพาร์ทเนอร์มาชักจูงให้เซียวชูหรันเข้ามาที่บริษัทของตัวเองก่อน หากเป้าหมายนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ เขาก็จะมีโอกาสค่อยๆลงมือกับเซียวชูหรันได้ในที่สุด
เนื่องด้วยอำนาจและอิทธิพลของอ้ายอี้คังในวงการนี้ สถานะการเป็นพาร์ทเนอร์นั้นจึงมีค่ายิ่งในแวดวงออกแบบทั้งหมด นักออกแบบสาวรุ่นใหม่ๆ ต่างก็วาดหวังที่จะได้รับโอกาสแบบนี้ ดังนั้นเขามั่นใจว่ายังไงเซียวชูหรันก็ต้องหวั่นไหวอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า เขาคาดคิดไม่ถึง ว่าเซียวชูหรันจะเมินเฉยและไม่ได้สนใจกับข้อเสนอที่เขายื่นให้นี้เลยสักนิด
นอกจากนี้ เซียวชูหรันไม่เพียงไม่สนใจ แต่เธอกลับยังยึดมั่นในตัวสามีที่เป็นแค่คนดูฮวงจุ้ยคนนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำเอาแมทธิว ปีเตอร์สันรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
เขาคิดว่า หากตัวเองต้องการจะหลอกล่อเซียวชูหรันให้มาที่บริษัทของตัวเองได้ สิ่งแรกที่ต้องทำ นั่นก็คือทำให้เซียวชูหรันได้ตระหนักรู้ ว่าสามีของเธอนั้น เป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวง
ดังนั้น เขาจึงหันมองไปยังเอมิลี่ที่คอยยุแยงตะแคงรั่ว แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม“เอมิลี่ อย่าพูดแบบนี้ ผมว่าคุณเซียวเธอเป็นคนซื่อตรง ไม่มีทางจะหลอกคุณอย่างแน่นอน”
พูดจบ เขาก็หันมองไปที่เย่เฉิน แล้วเปลี่ยนบทสนทนา พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม“ไม่แน่คุณเซียวเธอก็คงเป็นเหยื่อเหมือนกัน ถูกคนหลอกแล้วก็ยังไม่รู้ตัว ”
เอมิลี่รับรู้ได้ว่าเจ้านายนั้นยังไม่คิดยอมแพ้ที่จะปล่อยเซียวชูหรันไป ก็จึงพูดเสริมด้วยรอยยิ้ม“ท่านประธานพูดถูก!ฉันคิดว่าชูหรันก็น่าจะถูกหลอกเหมือนกัน!”
แมทธิว ปีเตอร์สันมองไปที่เซียวชูหรัน ยิ้มให้อย่างสุภาพแล้วกล่าว“คุณเซียว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเรา ก็คือบริษัทการลงทุนฉางหลงในวอลล์สตรีต และบริษัทการลงทุนฉางหลงนี้ ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจกองทุนเงินร่วมลงทุนสำหรับสตาร์ทอัพของตระกูลเฟ่ย หรือจะพูดว่า ตระกูลเฟ่ยนั้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเรา ถึงคุณหนูเฟ่ยเธอจะไม่รู้จักผม แต่ผมเชื่อว่าหากผมแนะนำตัวเองกับเธอ ก็น่าจะเป็นเพื่อนกับเธอได้ เมื่อครู่คุณบอกว่าคุณหนูเฟ่ยเป็นลูกค้าของสามีคุณ ถึงผมจะไม่ได้มีข้อสงสัยใดๆ แต่เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเซียวไม่ได้ถูกหลอก ผมสามารถช่วยคุณพิสูจน์กับคุณหนูเฟ่ยได้”
เมื่อเย่เฉินได้ยินคำนี้ ก็เค้นเสียงหึในลำคอ โบกมือแล้วพูดว่า“ช่างมันเถอะช่างมัน คุณหนูเฟ่ยเธอยุ่งขนาดนี้ เรื่องแค่นี้อย่าไปรบกวนเธอเลย ”
เย่เฉินแสร้งพูดปฏิเสธ เจตนาทำทีเป็นยอมจำนนให้กับแมทธิว ปีเตอร์สัน เขารู้จักคนแบบนี้ดี เมื่อไรก็ตามที่ให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชนะ เขาก็กล้าที่จะทุ่มหมดหน้าตัก วิธีการนี้ เรียกว่าหลอกล่อศัตรูให้ถลำลึก
เป็นไปตามคาด
ทันทีที่แมทธิว ปีเตอร์สันได้ยินเย่เฉินพูดว่าช่างมัน ตัวเองก็ฮึกเหิมขึ้นมา พูดอย่างเคร่งขรึม“คุณผู้ชายท่านนี้ ตอนนี้คุณหนูเฟ่ยอยู่ที่นี่ หากคุณหนูเฟ่ยเป็นลูกค้าของคุณจริง คุณก็ควรไปทักทายเธอสักหน่อยไหม?และคุณหนูเฟ่ยก็ถือเป็นหนึ่งในเจ้านายของผม ผมไปทักทายเธอก็เป็นเรื่องที่สมควร ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นการรบกวนอะไร อย่างนั้นแล้วเราไปทักทายเธอด้วยกันดีกว่า”
เย่เฉินโบกมือ“ช่างมันเถอะ จะไปทักทายคุณไปเองคนเดียวเถอะ ผมไม่ไปดีกว่า”
การแสดงออกของเย่เฉิน ทำเอาแมทธิว ปีเตอร์สันยิ่งมั่นใจว่าเย่เฉินนั้นเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋นคนไปทั่ว ดังนั้นเขาก็จึงหัวเราะหึ แล้วกล่าว“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมไปทักทายคุณหนูเฟ่ยเธอก่อนแล้วกัน”
พูดจบ เขามองไปยังเอมิลี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วกำชับ“เอมิลี่ คุณอยู่เป็นเพื่อนคุณเซียวกับสามีเธอก่อน ”
เอมิลี่เข้าใจในทันที ว่าเจ้านายตัวเองกำลังให้เธอคอยจับตาดูเย่เฉินเอาไว้ อย่าให้เขาหนีไปไหน ก็จึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ท่านประธานไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะอยู่ที่นี่กับพวกเขาไม่ไปไหนแน่นอนค่ะ ”