The king of War - บทที่ 515 ไปแล้วก็แล้วไป
“เพียงแต่ผมยังไงก็คิดไม่ถึงว่า เสี่ยวเตี๋ยจะไปท้องกับมันได้!”
“แต่ผมยังคงคิดว่า ถึงเสี่ยวเตี๋ยจะท้องกับมันแล้ว ก็จะให้พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้!”
เย่หวูซวงร้องไห้ฟูมฟาย ใช้คำพูดที่ดูจริงใจเอามาก ๆ
คนที่ไม่รู้จริง ต้องเชื่อว่า ที่ทำไป เขาตั้งใจทำเพื่อเย่เสี่ยวเตี๋ยอย่างแท้จริง
“ทำไมพวกเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้?” เย่เสี่ยวเตี๋ยถามตาแดง ๆ
เย่ชังใช้สายตาเย็นเยือกมองเย่หวูซวง รอคำอธิบายจากเขา
คนที่อยู่นอกนั้น ก็ล้วนมองเย่หวูซวงอย่างรอคอย
“เพราะว่า เมียของมัน เป็นลูกสาวในไส้ของอาหญิงเล็ก!”
เย่หวูซวงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
คำพูดนี้ออกมา ทั้งบริเวณโถงงานจัดเลี้ยง เงียบกริบสนิท
วันนี้ที่มางานแซยิดแปดสิบปีของของหัวหน้าบ้านตระกูลเย่ ได้ทำให้พวกเขารู้เรื่องลึก ๆ ของตระกูลเย่ได้อีกมากมาย
เย่เสี่ยวเตี๋ยถึงกับขาอ่อนยืนเซ เรื่องนี้เป็นความลับอย่างมาก นอกจากเย่ม่านกับตัวเองแล้ว จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้กันเลย เย่หวูซวงทำไมจึงไปรู้มาได้?
เย่ชังหน้าบึ้งขึ้นมา บนใบหน้าแสดงออกอย่างหลากรส ถ้าหากจะว่า หยางเฉินเป็นสามีของลูกสาวในไส้ของเย่ม่าน ถ้างั้นลูกสาวเราที่ท้อง จะอยู่ในฐานะอะไร?
แต่เรื่องนี้คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญอยู่ที่สามีของเย่ม่าน ได้ถูกสังหารโดยคนของบ้านตระกูลเย่
แล้วที่หยางเฉินมาร่วมงานฉลองแซยิดบ้านตระกูลเย่ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
จะมาเพื่อแก้แค้นให้พ่อตาของตัวเองหรือเปล่า?
“ท่านอารอง ในเมื่อไอ้หมอนี่เป็นสามีของลูกนอกสมรสของอาหญิงเล็ก การตั้งท้องของเสี่ยวเตี๋ย จะเป็นการตั้งใจแก้แค้นของมันหรือไม่?”
“เพราะฉะนั้นผมจึงได้พยายามขัดขวาง ในเรื่องที่มันจะอยู่กับเสี่ยวเตี๋ย!”
“เรื่องนี้ถึงยังไงก็เป็นเรื่องเกี่ยวถึงชื่อเสียงของอาหญิงเล็ก ฉะนั้นผมจึงได้ปิดเงียบมาตลอด ขอท่านอารองโปรดอภัย!”
เย่หวูซวงพูดด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ
ทั่วบริเวณมีเสียงฮือฮาทั่ว
“ที่แท้ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นผัวของลูกนอกคอกของเย่ม่าน แล้วมาทำลูกสาวเย่ชังท้อง มันผู้ชายกากขยะแท้ ๆ!”
“พวกท่านอาจจะลืมไปเรื่องหนึ่งไหม?ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เย่ม่าน สาวสุดแสนเลอเลิศแห่งตระกูลเย่ ได้หนีตามผู้ชายบ้านนอกคนหนึ่งไป แล้วออกลูกสาวมาคนหนึ่ง”
“ตอนหลัง ผู้ชายคนนั้นได้มาที่ตระกูลเย่ ขอร้องให้ตระกูลเย่ยอมรับให้เขาได้อยู่กับเย่ม่าน”
“แต่ว่า ตระกูลเย่ได้สังหารเขาทิ้ง แล้วไปหลอกเย่ม่านว่า ผู้ชายคนนั้นมารับเงินจากตระกูลเย่ไปก้อนใหญ่หนีจากไปแล้ว”
“เรื่องนี้ได้ทำให้เย่ม่านเป็นโรคซึมเศร้าไประยะหนึ่ง ตอนหลังก็ได้ส่งลูกสาวไปไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และต่อมาอีกให้หลังคนในบ้านตระกูลเย่ก็ได้จัดการให้แต่งงานไปกับทายาทรุ่นหลังในตระกูลฉีที่กำลังเริ่มรุ่ง จนมารู้เรื่องจริงโดยบังเอิญ”
“ไม่คิดว่า เรื่องผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว ลูกสาวนอกสมรสของเย่ม่านได้แต่งงานแล้ว”
เรื่องนี้เคยเป็นเหตุการณ์ที่ครึกโครมมากในสมัยนั้น ฉะนั้นคนรุ่นวัยแก่ในเยี่ยนตู ล้วนจะรู้เรื่องนี้กันดี
เย่ชังมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดูเอาเลย สองตาเขม็งจ้องหยางเฉิน กลับเห็นหยางเฉินอยู่ในท่าทีเรียบสงบเหมือนเดิม สบตากับเขาอย่างไม่เห็นมีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
“ในเมื่อแกเป็นลูกเขยของเย่ม่าน ทำไมถึงได้มายุ่งกับเสี่ยวเตี่ย?อีกทั้งยังมาทำให้หล่อนท้องกับแก?”
เย่ชังแทบจะกัดฟันพูด
เย่เสี่ยวเตี๋ยก็ได้เห็นว่าตอนนี้เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว ให้รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที รีบบอกว่า “คุณพ่อ หนูไม่ได้ท้อง หนูพูดโกหกคุณพ่อไปอย่างงั้นเอง!”
“แกหุบปากไปเลย!”
เย่ชังตวาดดุใส่
เขามั่นใจเป็นแน่ชัดว่า เย่เสี่ยวเตี๋ยได้ท้องกับหยางเฉินจริง มิฉะนั้นเย่เสี่ยวเตี๋ยจะไม่มีทางพูดต่อหน้าธารกำนัลได้ว่าตัวเองตั้งท้อง
เขาเข้าใจในจิตสำนึกของลูกสาวตัวเองดี หล่อนเป็นคนที่มองเรื่องพรหมจรรย์กับชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด มีหรือจะกล้ามาประกาศเรื่องขายหน้าตัวเองแบบนี้ต่อหน้าธารกำนัลได้?
“คุณพ่อ ที่หนูพูดเป็นความจริง หนูไม่เคยมีสัมพันธ์ใด ๆ กับเขาจริง ๆ เมื่อกี้นี้หนูเพียงอยากหยุดการปะทะกันในความขัดแย้งของพวกท่าน ด้วยไม่ทันได้ยั้งคิดอะไรมาก จึงแกล้งหลอกท่านไป”
“ถ้าคุณพ่อไม่เชื่อ เราก็ไปโรงพยาบาลตรวจพิสูจน์กันได้ ให้เป็นอย่างนั้น ท่านจะได้รู้แน่ชัด ว่าหนูท้องหรือไม่ได้ท้อง”
เย่เสี่ยวเตี๋ยพยายามชี้แจง
ถ้าหล่อนรู้ก่อนว่า เรื่องที่หล่อนโกหกเพื่อหวังดีแบบนี้ กลับทำให้เป็นการเอาความเดือดร้อนมาให้หยางเฉินใหญ่โตขนาดนี้ หล่อนจะไม่ทำเด็ดขาดแน่นอน
บนใบหน้าของเย่ชังเต็มไปด้วยความโกรธ ออกคำสั่งโดยตรง “จัดการนำตัวเย่เสี่ยวเตี๋ยออกไปให้พ้น!”
“รับทราบ!”
หญิงรูปร่างสันทัดทะมัดทะแมงสองคนถลันเข้ามา คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาหิ้วปีกเย่เสี่ยวเตี๋ยออกพ้นไปจากโถงงานจัดเลี้ยง
ตั้งแต่ต้นจนตลอด หยางเฉินไม่แสดงทีท่าจะอธิบายชี้แจงใด ๆ
ก็ในเมื่อเย่ชังยืนกรานที่จะเชื่อ เชื่อที่ว่าเย่เสี่ยวเตี๋ยมีท้องกับเขา อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์
“บอกข้ามา ทำไปเพื่ออะไร?”
เย่ชังตวาดถามอีก
“ผมไม่ได้มีสัมพันธ์เกี่ยวอะไรกับลูกสาวคุณทั้งสิ้น เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ!”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าสงบเรียบ พูดต่ออีกว่า “ในเมื่อคุณเป็นคนหูเบาฟังเอาความคนยุง่าย ๆ ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบาย ตระกูลเย่ไม่ต้อนรับผม ผมไปก็แล้วกัน”
พูดจบ หยางเฉินหมุนตัวกลับเตรียมเดินจากไป
“แกหยุดเดี๋ยวนี้!”
เขาเพียงได้หมุนตัว เสียงเย่ชังตะคอกดังตามมาข้างหลัง “แกทำลูกข้าท้องโต แล้วคิดจะเดินออกไปแล้วก็แล้วไปงั้นหรือ?”
หลังจากเสียงเย่ชังดังจบลง ร่างฉกรรจ์สูงใหญ่หลายนายล้อมหยางเฉินกับหม่าชาวไว้ตรงกลาง
แต่ละคนในมือมีคอลท์คอบร้าสั้นกะทัดรัดคนละกระบอก ปากกระบอกปืนดำมะเมื่อมจ่อเล็งไปที่หัวขมองหยางเฉิน
เย่หวูซวงเห็นภาพในฉากนี้ ในใจให้รู้สึกตื่นเต้น เหตุการณ์ที่น่าดูที่สุด กำลังจะเกิดขึ้นแล้วหรือ?
มาได้ถึงขณะนี้ ทั้งหมดล้วนเข้าอยู่ในกรอบการคาดเดาของเขา แม้เมื่อครู่นี้จะมีอุบัติเหตุบ้าง แต่ที่สุดก็ยังคงอยู่ในกรอบแผนที่ตัวเองได้วางไว้
“คุณกำลังเล่นกับไฟอยู่นะ เห็นแก่ลูกสาวคุณที่มาช่วยขวางทางกระสุนปืนให้ผมเมื่อตะกี้นี้ ผมก็จะให้โอกาสคุณครั้งหนึ่ง”
หยางเฉินหยุดชงักหันกลับ หรี่ตามองเย่ชังแล้วพูด
ตอนนี้ ความนิ่งสงบที่หยางเฉินแสดงออก ทำเอาเย่ชังรู้สึกผิดคาดไปทั้งหมด
ที่ยิ่งสร้างความตื่นใจให้เขาคือ ให้แม้กระทั่งหม่าชาวที่อยู่ข้าง ๆ หยางเฉินคนนั้น สายตาที่มองมาที่เขายังเย็นเยือก ในแววตายังส่อถึงความเหยียดแคลน
เหมือนกับกำลังบอกว่า เพียงอาศัยแค่เศษทองแดงกับเหล็กเน่า ๆ พวกนี้ มันทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรอก
“ท่าอารอง ไอ้หมอนี่มันถนัดนักกับเรื่องแสแสร้งแกล้งหลอก ท่านต้องระวังให้จงหนัก อย่าเผลอไปหลงกลมัน”
“แค่เพียงเรื่องที่มันล่อลวงจิตใจของเสี่ยวเตี๋ย มันก็เป็นเหตุผลที่สมควรจะต้องฆ่ามันแล้ว”
“ยังยิ่งกว่านั้น มันเป็นลูกเขยของของไอ้คนนั้น ใครจะไปรู้ได้ว่าที่มันมาเยี่ยนตูนี่ ใช่หรือว่าจะมาแก้แค้นแทนไอ้คนนั้นหรือไม่”
เย่หวูซวงเห็นแววความลังเลในสายตาเย่ชัง จึงโหมใส่ไฟลงไปอีก
หยางเฉินมองไปที่เย่หวูซวงในฉับพลันนั้น เหมือนมองเห็นคนที่ตายแล้ว พูดด้วยสีหน้าไม่แยแสว่า “ถ้าที่บอกว่าเย่ชังกำลังเล่นกับไฟ งั้นแกนี่ ก็คือกำลังเดินอยู่บนปลายแหลมของมีดแล้ว”
ไม่ได้ข่มขู่ แต่ยิ่งหนักกว่าข่มขู่
เย่หวูซวงให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ หยางเฉินฉกาจแกร่งขนาดไหน เขารู้อยู่แจ่มแจ้งแน่นอน ไม่งั้นจะคิดได้หรือที่จะยืมมือหยางเฉิน เพื่อมาฆ่าเย่ชัง?
วันนี้คือโอกาสของเขา ถ้าไม่สำเร็จก็เป็นจบกัน
แม้เป็นไปได้ว่าตัวเองอาจต้องถึงตาย แต่เพื่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูล เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้
“แกยังคิดว่าจะรอดชีวิตไปได้หรือ?”
เย่หวูซวงฝืนทำให้ดูหนักแน่น พูดเสียงเหยียด ๆ
“ไอ้หนู แกคงไม่ได้คิดว่า มือปืนตระกูลเย่ของข้า ล้วนพวกกะเลวกะลาดนะ ระยะห่างแค่นี้ยังฆ่าพวกแกไม่ได้เชียวหรือ?”
เย่ชังพูดด้วยความโกรธ แต่ในใจก็ยังมีรู้สึกหวั่นอยู่
ได้แต่ใช้คำพูดมาข่มความประหม่าของตนไว้