The king of War - บทที่ 518 ยากที่จะตัดสินแพ้ชนะ
“ถึงแม้คนที่เข้ามาในตระกูลเย่ จะมีอำนาจหรือต่ำต้อยเพียงใด ก็ต้องใช้นามสกุลเย่!”
เย่จี้จงพูดด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก
หยางเฉินเข้าใจทันที มิน่าล่ะ ตาเฒ่านี่ยังไม่เคยเจอฉินซี แต่ก็เปลี่ยนนามสกุลให้เธอแล้ว ที่แท้เพราะเหตุผลนี้นี่เอง
“ตระกูลเย่เป็นใครไม่ทราบ ถึงมาบอกให้พี่เฉินเปลี่ยนนามสกุล”
หม่าชาวที่ยืนอยู่ข้างหลังหยางเฉิน ทนดูไม่ได้อีกต่อไป เขาพูดอย่างโมโห
“ก็แค่หมาตัวหนึ่ง กล้ามายุ่งกับการตัดสินใจของฉันเหรอ”
จู่ๆ แววตาอันแหลมคมของ เย่จี้จง ก็มองไปยังหม่าชาว และพูดอย่างโมโห “ตบปากเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเขาพูดจบ ก็มีผู้แข็งแกร่งในชุดดำเดินออกมาจากข้างหลังเขา ชายคนนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็พุ่งไปข้างหน้าหม่าชาว
ขณะเดียวกันเขาก็ง้างมือขึ้น ไม่มีความเมตตาแม้แต่น้อย และกำลังจะตบไปที่ปากของหม่าชาว
“พรึบ!”
เมื่อฝ่ามือตบลงมา กลับได้ยินเพียงเสียงลม
ถึงหม่าชาวจะเตรียมตัวเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังตกใจกับความน่ากลัวของผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่
จะตอบโต้กลับก็ไม่ทันแล้ว เขาทำได้เพียงขยับเท้าตามสัญชาตญาณ และหลบฝ่ามือของผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่
“หา?”
ปฏิกิริยาของหม่าชาว เหนือความคาดหมายของผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่ เขาอุทานออกมา จากนั้นจึงหมุนตัวอย่างรวดเร็ว และตบลงไปอีกครั้ง
“ไสหัวไป!”
หม่าชาวตวาดออกมา และเหวี่ยงหมัดออกไป
“ตุ้บ!”
เสียงดังสนั่น
ขณะที่ทุกคำกำลังตกตะลึง หมัดของหม่าชาวชกไปที่ฝ่ามือผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่
ต่อมาทั้งสองคนต่างถอยไปข้างหลัง
สิ่งที่น่าตกใจคือ การถอยหลังของทั้งสองคนเหมือนกันเป๊ะ
เมื่อเห็นดังนั้น เย่จี้จงเพิ่งรู้ว่า ชายหนุ่มที่ติดตามหยางเฉินมาตลอด คือคนมีฝีมือขนาดนี้
เรียกได้ว่าผู้คุ้มครองข้างกายหยางเฉิน แข็งแกร่งพอๆ กับผู้แข็งแกร่งชุดดำคนนั้น
และนี่คือผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเชียวนะ แต่หม่าชาวแค่คนมีฝีมือที่มาจากเมืองเล็กๆ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
แต่ในช่วงเวลาสำคัญ การต่อสู้ของทั้งสองคน กลับเหนือความคาดหมายของ เย่จี้จง
ใบหน้าเคร่งขรึมของผู้แข็งแกร่งชุดดำ ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มอายุ 20 กว่าปี จะรับฝ่ามือของเขาได้ ถึงตัวเองจะไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด แต่ฝ่ามือของเขา สามารถฆ่าคนธรรมดาได้สบายๆ
ชายหนุ่มคนนี้อายุยังน้อย แต่สามารถรับฝ่ามือเขาได้ อีกทั้งยังมีความรู้สึกบางอย่าง ชายหนุ่มตรงหน้า ยังไม่ได้ใช้แรงออกมาทั้งหมด
“นี่……เป็นไปได้ยังไง”
ตอนนี้ เย่ชังเบิกตาโต แววตาหวาดกลัวเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เมื่อกี้เขาเห็นความแข็งแกร่งของหม่าชาว ขนาดผู้แข็งแกร่งสี่คน ที่พอมีฝีมือข้างกายเขา ยังโดนหม่าชาวจัดการอย่างง่ายดาย
แต่ผู้แข็งแกร่งชุดดำเมื่อกี้ เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ที่คอยคุ้มครองเย่จี้จงมาตลอด ฝีมือของเขาแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยเขาก็ยังไม่เคยเห็นใครที่พอจะสู้กับผู้แข็งแกร่งชุดดำ ได้อย่างสูสีเลย
แต่ชายหนุ่มตรงหน้า กลับทำได้
ความตกใจในใจของเย่จี้จง ถึงขีดสูงสุด แต่สีหน้าของเขายังราบเรียบ
“ไอ้หนุ่ม เมื่อกี้ฉันประมาทไปหน่อย ครั้งนี้ฉันจะทุ่มสุดตัว!”
แววตาของผู้แข็งแกร่งชุดดำฮึกเหิม เมื่อพูดจบ เขาพุ่งเข้าไปหาหม่าชาวอย่างรวดเร็ว
หม่าชาวสีหน้าจริงจัง เขารู้สึกถึงความน่าเกรงขามจากตัวผู้แข็งแกร่ง ความฮึกเหิมในตัวเขาพลุ่งพล่าน
“ในเมื่อนายอยากสู้ ฉันจะสนองให้!”
หม่าชาวแสยะยิ้ม จากนั้นก็เด้งตัวจากพื้น พื้นหินอ่อนสุดหรูใต้เท้าของเขา แตกร้าวเป็นรูปใยแมงมุม
จากนั้นร่างของเขาก็หายวับไป
“พลั่ก พลั่ก พลั่ก!”
เพียงพริบตา หม่าชาวต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งชุดดำ เสียงหมัดกระแทกเข้ากับร่างกาย ดังขึ้นไม่หยุด
อีกทั้งการต่อสู้ที่ต่อเนื่อง พละกำลังของทั้งสองคน ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
นี่เป็นการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบ แขกที่มาร่วมงาน ต่างพากันเบิกตาโต ไม่มีใครละสายตาออกจากทั้งสองคน
ปกติคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้ระดับนี้ ไม่ง่ายกว่าจะได้เห็นสักครั้ง ยังไงก็ต้องดูให้สะใจ
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน หยางเฉินยังคงนั่งเฉยๆ อยู่ที่เดิม เขาหันหลังให้ทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กัน ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
หลังจากที่เย่จี้จงมองการต่อสู้ของทั้งสองคน เขาเพิ่งสังเกตเห็นหยางเฉิน ที่กำลังนั่งรินชาให้ตัวเอง และจิบมันอย่างช้าๆ สีหน้าของเขาดูมีความสุข
สีหน้าหยางเฉิน ไม่มีแม้แต่ความกลัวและกังวล ราวกับไม่กลัวว่าหม่าชาวจะแพ้
ยิ่งทำให้เย่จี้จงตกใจเข้าไปใหญ่ ถ้าตอนนี้เขายังคิดว่าหยางเฉิน เป็นแค่คนธรรมดา ที่มาจากเมืองเล็กๆ เขาคงโง่จริงๆ
คนหนุ่มที่มีคนคุ้มครองฝีมือแข็งแกร่ง จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง
การที่เขาคิดว่าหม่าชาวฝีมือแข็งแกร่ง ก็เพราะว่าผู้แข็งแกร่งชุดดำ ก็มีฝีมือเช่นเดียวกัน
และตอนนี้การต่อสู้ของทั้งสองคน แทบจะพอๆ กัน เดาไม่ออกว่าใครจะแพ้ชนะ
จู่ๆ เย่จี้จงรู้สึกสับสนในตัวหยางเฉิน โดยเฉพาะความนิ่งที่เขาแสดงออกมา
คนแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนโง่ ที่ไม่รู้จักความแข็งแกร่งของตระกูลเย่ ก็คือคนที่มั่นใจ จนไม่เกรงกลัวอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่า หยางเฉินไม่ใช่คนโง่
หรือว่าข่าวที่เขาได้รับมาทั้งหมด มีความผิดพลาด
หยางเฉินไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เห็น
แต่นอกจากลูกที่ถูกตระกูลอวี๋เหวินทอดทิ้ง เขามีดีอะไรให้ตัวเองมองเป็นอย่างอื่นอีกเหรอ
ถึงหยางเฉินจะควบคุมเมืองเจียงผิงและหนันยังที่มีอำนาจ แต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาตระกูลเย่
ขณะที่เย่จี้จงสงสัยว่าตัวเอง ยังไม่รู้จักหยางเฉินมากพอ หม่าชาวสู้กับผู้แข็งแกร่งชุดดำอย่างบ้าคลั่ง
การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ความสามารถของทั้งสอง ต่างเข้าใกล้ขีดสูงสุด
“นายมีความสามารถแค่นี้เหรอ”
ทั้งสองแยกกัน หลังจากปะทะ หม่าชาวแสยะยิ้มเย้ยหยัน เขายิ้มและถามขึ้น
สีหน้าของผู้แข็งแกร่งชุดดำเคร่งขรึมจนน่ากลัว คนที่เป็นผู้คุ้มครองเย่จี้จงอย่างเขา ต้องมาต่อสู้กับคนอายุ 20 กว่าปีนานขนาดนี้
“แกกำลังยั่วโมโห จุดจบของแกจะสาหัสมาก บางทีอาจถึงตายก็ได้!”
ผู้แข็งแกร่งชุดดำพูดอย่างเย็นชา
หม่าชาวหัวเราะคิกคัก “ถ้าต้องมีคนตาย คนนั้นต้องเป็นนาย!”
“แกอยากตายเหรอ!”
ผู้แข็งแกร่งชุดดำโดนยั่วโมโห แววตาฉายแววอาฆาต เขาขยับเท้า ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าไปหาหม่าชาว
“ตอนแรกฉันคิดว่าแค่โง่ เป็นกบในกะลามานาน คงจะไม่เคยมีโอกาสต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงสินะ”
หม่าชาวเหวี่ยงหมัด พลางพูดเยาะเย้ย “ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉันจะให้นายมีโอกาสได้เห็นก็แล้วกัน!”
สิ่งที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งชุดดำตะลึงก็คือ เหมือนหม่าชาวเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พละกำลังบนตัวเขาพลุ่งพล่านออกมา
ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความเร็วของหม่าชาว เหนือกว่าเขาทุกอย่าง