The king of War - บทที่ 525 หายนะของตระกูลเย่
คนที่เป็นอันดับแปดในสมาคมบูโดอย่างเขา ยังเอาชนะผู้ติดตามของหยางเฉินไม่ได้ แล้วจะฆ่าหยางเฉินได้อย่างไร
เขารู้สึกถึงความกลัวที่อยู่ในใจ คนหนุ่มที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง ทั้งสองคน จะไม่มีเบื้องหลังได้หรือ
ถึงจะเป็นสมาคมบูโด ก็คงไม่สามารถล่วงเกินได้
คิดได้ดังนั้น เขาหันหลังวิ่งหนีอย่างไม่รีรอ
“ล่วงเกินสมาคมบูโด ถึงพวกนายจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ก็ไม่มีทางหนีพ้น!”
ก่อนจะหนีไป ลือเหมิงไม่ลืมทิ้งคำพูดโหดร้ายเอาไว้
แต่ทว่า เขาคิดจะฆ่าหยางเฉิน มีหรือที่หยางเฉินจะปล่อยเขาไป
หม่าชาวกำลังจะตามไป จู่ๆ ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น “ไม่ต้องตามไปแล้ว!”
“พรวด!”
หม่าชาวยังไม่ทันได้ตั้งสติ จู่ๆ ลือเหมิงที่วิ่งไปไกลกว่าสิบเมตร มีท่าทีเหมือนโดนยิง ความเคยชินทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง
เห็นได้ชัดว่า ลือเหมิงตายแล้ว!
หลังจากหม่าชาวอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงส่ายหน้ายิ้มอย่างเศร้าๆ “พละกำลังของพี่เฉิน แข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ”
ขนาดเขาเอง ยังไม่รู้เลย
แต่รู้สึกเหมือนโดนโจมตี ตัวเขาเองต้องสู้สุดชีวิต กว่าจะเอาชนะผู้แข็งแกร่งได้ ส่วนหยางเฉิน ไม่แม้กระทั่งลงจากรถ เขาแค่ดีดนิ้ว คนที่วิ่งไปไกลกว่าสิบเมตรอย่างลือเหมิง ก็ตายเหมือนโดนยิง
โบราณกล่าวไว้ว่า คนฉลาดไม่ต้องทำอะไร แค่วางแผนให้ดี ก็สามารถฆ่าคนได้แล้ว
หยางเฉินไม่ต้องใช้อะไรเลย ก็สามารถฆ่าคนได้อย่างนั้นเหรอ
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเย่ ในเมืองเยี่ยนตู
เย่หวูซวงเดินวนไปวนมาในห้อง นี่เป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่หยางเฉินออกไป
ถ้าให้พูดกันตามเหตุผล ลือเหมิงน่าจะฆ่าหยางเฉินแล้ว
แต่เขายังไม่ได้รับข่าวอะไรเลย จะให้ติดต่อลือเหมิง เขาก็ไม่กล้า
“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ”
เย่หวูซวงพึมพำกับตัวเอง
เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว เขาส่ายหน้า และอดหัวเราะไม่ได้ “ถึงมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน จะสู้ท่านแปดของสมาคมบูโดได้ยังไง”
เวลาผ่านไปทุกวินาที ไม่มีข่าวที่หยางเฉินโดนฆ่า แจ้งกลับมาเลย
ขณะนั้นมีเสียง “ปัง” ดังขึ้น ประตูคฤหาสน์โดนกระแทก ลูกน้องคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ไอ้เลว ใครใช้ให้แกผลีผลามเข้ามา”
เมื่อกี้ เย่หวูซวงตกใจจนสะดุ้งโหยง เขาจึงก่นด่าออกมา
ลูกน้องพูดอย่างหวาดระแวง “คุณชายซวง ครับ ตายแล้ว! เขาตายแล้ว!”
“ตายแล้วเหรอ”
เมื่อได้ยิน เย่หวูซวงถึงกับโล่งอก เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆ ตายแล้ว ในที่สุด หยางเฉินก็ตายแล้ว!”
“แกอวดดีไม่ใช่เหรอ สุดท้ายก็ตาย”
“มาแย่งตำแหน่งเจ้าบ้านกับฉัน แกมีสิทธิ์อะไร”
“เย่ชังถูกปลดออกจากตำแหน่งเจ้าบ้าน เขาไม่มีอำนาจแล้ว!”
“ตอนนี้หยางเฉินโดนฆ่า เย่ม่านไร้ซึ่งอำนาจโดยสมบูรณ์ ต่อไป คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเย่ ก็มีฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
“จะมาสู้กับฉัน พวกแกมีสิทธิ์อะไร”
เย่หวูซวงหัวเราะอย่างเหิมเกริม สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่ครับ คุณชายซวง คนที่ตายไม่ใช่หยางเฉิน แต่เป็นท่านแปด! ท่านแปดของสมาคมบูโดครับ!”
ลูกน้องร้อนใจ และรีบพูดอธิบาย
“อะไรนะ”
“แกพูดอะไร”
“ใครตายนะ”
“ท่านแปดตายแล้วเหรอ”
คนที่เพิ่งหัวเราะอย่างเย่หวูซวง ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เขากำคอเสื้อลูกน้อง และตวาดเสียงดัง
ลูกน้องตกใจจนจะร้องไห้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณ……คุณชายซวง คนที่ตายคือท่านแปด ท่านแปดครับ!”
“รถของหยางเฉิน โดนท่านแปดขวางไว้ระหว่างทาง ผมกลัวว่าจะโดนจับได้ เลยไม่กล้าเข้าใกล้ และมองดูอยู่ไกลๆ”
“แต่ต่อมา รถของหยางเฉินเคลื่อนตัวออกไปก่อน ตอนที่ผมเข้าไป ก็พบว่า ท่านแปดตายแล้ว”
ลูกน้องรีบเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
เย่หวูซวงอึ้งไป เขาทรุดลงนั่งบนโซฟา และพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง ท่านแปดเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับแปด ในสมาคมบูโดเชียวนะ ถึงขนาดที่พูดกันว่า พละกำลังของท่านแปด อยู่ในห้าอันดับของสมาคมบูโด”
“อย่าว่าแต่ห้าอันดับแรกเลย ถึงจะเป็นแปดอันดับแรก ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ แล้ว”
“ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ ทำไมถึงตายได้ล่ะ แถมยังตายคามือคนหนุ่มแค่สองคน”
เย่หวูซวงคิดยังไงก็คิดไม่ออก ลือเหมิงโดนหยางเฉินกับหม่าชาว ฆ่าได้ยังไง
“แกบอกฉันมา ลือเหมิงตายได้ยังไง”
เย่หวูซวงเค้นถาม
ลูกน้องส่ายหน้า “ผมอยู่ไกลมาก จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมตรวจดูศพท่านแปด บนหน้าผากของเขามีรอยเลือดเป็นรู เหมือนโดนปืนยิงหัว”
“ปืนยิงหัวงั้นเหรอ”
เย่หวูซวงพูดอย่างตกใจ จากนั้นเขาก็เข้าใจทันที “ที่แท้ใช้ปืนนี่เอง ฉันว่าแล้ว ไม่งั้นพวกมันคงฆ่าท่านแปดของสมาคมบูโดไม่ได้หรอก!”
“พวกแกกล้าดีจริงๆ กล้ายิงท่านแปดของสมาคมบูโด ฉันจะคอยดู ว่าพวกแกจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหนกัน”
เดิมทีเย่หวูซวงกำลังหวาดกลัวในใจ แต่เพียงชั่วพริบตา ก็รู้สึกโล่งใจ
ถ้าหยางเฉินกับหม่าชาว ใช้พละกำลังของตัวเอง ฆ่าลือเหมิง เขาต้องกลัวแน่ แต่ในเมื่อฆ่าลือเหมิงด้วยอาวุธปืน ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“ปัง!”
ขณะนั้น มีเสียงดังสนั่น จู่ๆ ประตูคฤหาสน์ของเย่หวูซวง พังลงมา
จากนั้น มีชายร่างกายกำยำคนหนึ่ง พุ่งเข้ามา
“แกเป็นใคร กล้าดียังไงถึงบุกรุกเข้ามาในตระกูลเย่!”
เมื่อเย่หวูซวงเห็นคนที่เข้ามา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
เมื่อเขาพูดจบ ก็เห็นว่าข้างหลังของชายร่างกำยำ มีเงาอันคุ้นเคยอยู่ด้วย
“คุณปู่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เย่หวูซวงมอง เย่จี้จงที่ยืนอยู่ด้านหลังชายรูปร่างกำยำ ด้วยสีหน้ามึนงง
“พูดมา ท่านแปดตายได้ยังไง”
เย่จี้จงยังไม่ทันตั้งตัว ชายร่างกำยำก็พุ่งเข้าไป จับคอเสื้อของเย่หวูซวงเอาไว้ เย่หวูซวงเหมือนลูกไก่ ที่โดนยกจนตัวลอย
ตอนนี้ เย่หวูซวงหวาดกลัวถึงขีดสุด ไม่ใช่เพราะชายร่างกายกำยำ หิ้วตัวเขาขึ้นมา แต่เพราะอีกฝ่ายถามว่า ท่านแปดตายได้ยังไง
“เพราะ……เพราะหยางเฉิน!”
เย่หวูซวงพูดอย่างไม่ลังเล
“หยางเฉินเป็นใคร”
ชายร่างกายกำยำตวาดออกมา เขาเหวี่ยงมือ เสียงดัง “พลั่ก” เย่หวูซวงถูกเหวี่ยงไปกระแทกบนโต๊ะชาข้างๆ
และกลิ้งลงมาบนพื้น
เย่หวูซวงกลิ้งจนมึนงงไปหมด เขารู้สึกเหมือนกระดูกทั้งร่างกาย แยกออกจากกัน
เขายังไม่ทันตั้งตัว ก็มีเท้าขนาดใหญ่ เหยียบลงบนหัวเขาอย่างแรง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาต ของชายร่างกายกำยำ ดังขึ้นอีกครั้ง “บอกสิ่งที่แกรู้มาทั้งหมด ไม่งั้น ฉันจะเหยียบหัวแกให้กระจุย!”
พูดจบ ชายร่างกายกำยำก็กดแรงลงไปที่เท้า
“อ๊าก……”
เย่หวูซวงรู้สึกเหมือนกระดูกจะแตก เขาร้องโอดครวญ ด้วยความเจ็บปวด
บดขยี้!
และบดขยี้!
คนในตระกูลเย่ เห็นภาพตรงหน้า ถึงกับขนหัวลุก ชายร่างกายกำยำตรงหน้า โหดเหี้ยมเหลือเกิน พวกเขาไม่สงสัยเลยว่า ถ้าเย่หวูซวงไม่พูดออกมา อีกฝ่ายต้องเหยียบเย่หวูซวงจนตายแน่
“อ๊าก…..พอแล้ว!”
“ฉันบอกแล้ว! ฉันบอกแล้ว! ฉันจะบอกทุกอย่าง!”