The king of War - บทที่ 54 พ่อตาขี้เมา
ที่ทำให้หยางเฉินแปลกใจมากก็คือ ตั้งแต่หลังจากเขาส่งฉินซีและเสี้ยวเสี้ยวกลับบ้านแล้ว ก็ดึกขนาดนี้แล้ว กลับไม่เห็นฉินต้าหย่งกลับบ้านมาจนถึงตอนนี้
เมื่อครู่ตอนที่ฉินเฟยเคาะประตู โจวยู่ชุ่ยยังคิดว่าเป็นฉินต้าหย่ง สีหน้ายังมืดครึ้มเล็กน้อย หรือว่าระหว่างสามีภรรยาสองคนเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
สามแม่ลูกไม่พูด เขาก็ไม่อยากที่จะถามมาก
พอฉินเฟยจากไป ฉินซีก็กังวลว่าโจวยู่ชุ่ยจะไปหาเรื่องหยางเฉิน ก็หันไปทางหยางเฉินส่งสายตาให้ครั้งหนึ่ง “นายพาเสี้ยวเสี้ยวขึ้นชั้นบนไปก่อนเถอะ! ”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย อุ้มเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมา “ไปเล่นกับพ่อกัน! ”
แต่ก่อนล้วนเป็นคุณน้าเล่นเป็นเพื่อนเธอ วันนี้เป็นคุณพ่อ เด็กหญิงตัวน้อยนั้นดีใจมาก กอดคอของหยางเฉิน ตะโกนอย่างดีใจ “ย่า! ย่า! ย่า! ม้าคุณพ่อรีบวิ่งเร็ว! ”
ฉินซีมองเงาหลังของสองพ่อลูก ในใจทอดถอนใจ ตอนยังเล็ก คุณพ่อฉินต้าหย่งก็เล่นเป็นเพื่อนตนเองเช่นนี้ แต่ว่าคิดถึงตอนนี้ ฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“คุณแม่ คุณแม่แน่ใจว่าต่อไปจะให้หยางเฉินอยู่ในบ้านหรือ? ”
โจวยู่ชุ่ยกำลังมองเครื่องสำอางที่ฉินเฟยนำมา ได้ยินคำพูดของฉินซี หน้าก็ไม่เงยขึ้นมาสักนิด ทางหนึ่งแต่งเครื่องสำอาง ทางหนึ่งเอ่ยตอบ “ในใจของลูก แม่ของลูกไม่มีสัจจะขนาดนั้นเลยหรือ? เขาก็รั้งอยู่ที่นี่แล้ว แม่ยังจะกลับคำได้หรือ? ”
“โอ้! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นของแท้ เครื่องสำอางChanelชุดนี้ใบเสนอราคาอย่างเป็นทางการก็อยู่ที่หกพันเท่านั้น”
เห็นท่าทางเช่นนี้ของโจวยู่ชุ่ย ฉินซีสีหน้าจนปัญญา
ฉินยีดูเหมือนกับดีใจมากที่หยางเฉินสามารถอยู่ที่บ้านนี้ได้ เอ่ยอย่างยินดีว่า “พี่ ยินดีด้วยนะ! พวกพี่ครอบครัวสามคนในที่สุดก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
“ใครอนุญาตให้พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว? ”
โจวยู่ชุ่ยเงยหน้าขึ้นทันที พูดอย่างไม่พอใจประโยคหนึ่ง ไม่รอให้ฉินยีเอ่ยถาม เธอก็พูดขึ้น “ฉันทำความสะอาดห้องเก็บของไว้เรียบร้อยแล้ว ให้หยางเฉินอยู่ที่นั่น”
“คุณแม่ ในเมื่อคุณแม่รับปากให้พี่เขยอยู่ที่บ้านนี้ ก็หมายความว่าคุณแม่ยอมรับเขาแล้ว ก็ให้เขาอยู่ด้วยกันกับพี่สาวเถอะ! ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งยังสามารถทำหลานชายออกมาให้คุณแม่ได้” ฉินยีท่าทางเอาอกเอาใจ บีบนวดไหล่ของโจวยู่ชุ่ย
ฉินซีใบหน้าแดงขึ้น ถลึงตาใส่เธออย่างดุร้ายแวบหนึ่ง “อย่าพูดเหลวไหล! ”
โจวยู่ชุ่ยได้ยินคำพูดของฉินยีก็รีบร้อนแล้ว ลุกขึ้นยืนทันที ชี้ไปที่ฉินซีเอ่ยอย่างโมโหว่า “แม่ขอเตือนลูกนะ ถ้าลูกกล้าให้เขาแตะต้องลูก แม่ก็ไม่มีลูกสาวคนนี้! ”
ฉินซีสีหน้าไร้คำพูด โจวยู่ชุ่ยท่าทางจริงจัง พูดอย่างกับว่าเธออยากจะให้หยางเฉินแตะต้องอย่างนั้นแหละ
แม้จะพูดว่าในใจของเธอมีความรู้สึกที่ดีให้กับหยางเฉินแล้วเล็กน้อย แต่ยังห่างไกลจากเวลาที่ทั้งสองคนสามารถเผชิญหน้ากันได้อย่างตรงไปตรงมา
ตึง! ตึง! ตึง!
ก็เป็นในตอนนี้ ประตูใหญ่ของลานเล็กถูกเคาะดังขึ้นมา
สีหน้าของแม่ลูกสามคนมีความวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย ในเวลาปกติ กลับบ้านมาดึกขนาดนี้ ยังเป็นเสียงจังหวะเคาะประตูเช่นนี้ เป็นได้เพียงฉินต้าหย่ง
“คุณแม่ หนูไปเปิดประตู”
“คุณพ่อ ทำไมคุณพ่อถึงได้ดื่มจนเมาอีกแล้วล่ะ? ” ฉินซีเปิดประตูลานบ้าน เป็นฉินต้าหย่งอย่างที่คิด
ฉินต้าหย่งทั้งตัวมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ในมือยังหิ้วขวดเหล้าขวดหนึ่งไว้ เดินโซเซเข้ามา
ฉินซีล็อกประตูใหญ่ดีแล้ว ก็รีบเข้าไปพยุงฉินต้าหย่ง
“นายคนสารเลวนี้ ทุกวันดื่มจนสภาพเมาหัวราน้ำกลับมา นี่อยากทำให้ฉันทรมานจนตาย นายถึงจะพอใจใช่ไหม? ”
โจวยู่ชุ่ยเห็นสภาพเช่นนี้ของสามี ก็ด่าทอขึ้นมาทันที “ชาติก่อนฉันทำกรรมอะไรไว้มากแค่ไหนกัน ถึงทำให้ฉันพบเจอกับสามีแบบนายเช่นนี้! ”
“คุณแม่ คุณพ่อดื่มจนเมาแล้ว คุณแม่พูดอะไรก็ล้วนไม่ได้ยิน รอพรุ่งนี้เขามีสติมาแล้ว พวกเราต่อว่าเขาด้วยกัน ดีไหม? ” ฉินยีรีบดึงมือของโจวยู่ชุ่ยมาปลอบโยน
“คุณพ่อ คุณพ่อเลิกดื่มได้แล้ว เช็ดเนื้อเช็ดตัวสักหน่อย รีบไปนอนได้แล้ว” ฉินซียกน้ำร้อนกะละมังหนึ่งเข้ามา แย่งขวดเหล้าในมือของฉินต้าหย่งไป
“เอาเหล้าให้ฉัน! เอาเหล้าให้ฉัน! ” ฉินต้าหย่งยื่นมือมาจะแย่งขวดเหล้ากลับ
“เสี่ยวยี เธอมาช่วยฉัน อย่าให้เขาดื่มอีก”
ฉินซีทั้งต้องกดฉินต้าหย่งไว้ ทั้งต้องระวังไม่ให้เขาแย่งขวดเหล้าไป ยุ่งวุ่นวายไปหมดแล้ว รีบร้องขอความช่วยเหลือจากฉินยี
พี่สาวน้องสาวสองคนเปลืองแรงไปมาก ถึงสามารถช่วยเช็ดหน้าเช็ดมือให้ฉินต้าหย่งได้ แต่ฉินต้าหย่งในคืนนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ ตะโกนดังลั่นจะดื่มเหล้าอยู่ตลอด
ชั้นบน เสี้ยวเสี้ยวเดิมทีกำลังเล่นกับคุณพ่ออย่างสบายใจ เสียงตะโกนของฉินต้าหย่งที่ชั้นล่าง ทำให้เธอตกใจจนรีบเข้าไปหลบอยู่ในอ้อมกอดของหยางเฉิน
สัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นเทาของลูกสาว สีหน้าของหยางเฉินก็ค่อยๆ เย็นชาลง
“เสี้ยวเสี้ยว ไม่ต้องกลัว มีพ่ออยู่ ไม่เป็นไรนะ” หยางเฉินกอดเสี้ยวเสี้ยวแน่น พูดอย่างอบอุ่นอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้
“คุณพ่อ คุณพ่อไม่มีทางเป็นเหมือนกับคุณปู่แบบนั้น ที่ดื่มเหล้าทุกวันใช่ไหม? ” เสี้ยวเสี้ยวพลันเงยหน้า ท่าทางกังวลใจ
หยางเฉินรีบส่ายหน้า เอ่ยรับรอง “เสี้ยวเสี้ยววางใจ พ่อไม่มีทางเป็นเหมือนคุณปู่แบบนั้นอย่างแน่นอน”
เสี้ยวเสี้ยวถึงได้ผ่อนคลายลงมาก
หยางเฉินก็ไม่ต้องการสร้างภาระทางจิตใจให้กับเสี้ยวเสี้ยวอีก จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เสี้ยวเสี้ยว ลูกอยากอยู่ในบ้านหลังใหญ่ไหม? ”
“บ้านหลังใหญ่? ใหญ่กว่าบ้านของคุณปู่ทวดไหม? ” เสี้ยวเสี้ยวถามด้วยดวงตากลมโตเปล่งประกาย
หยางเฉินพยักหน้า “ใหญ่กว่าบ้านของคุณปู่ทวดเยอะมาก ยังมีห้องเจ้าหญิงที่เป็นของลูกด้วย ในห้องยังมีของเล่นเยอะแยะเลยนะ ขอเพียงแค่เป็นของที่ลูกอยากได้ ในห้องนี้ล้วนมีทั้งหมด”
ในดวงตาของเสี้ยวเสี้ยวเห็นได้ชัดว่ามีความชอบใจและตื่นเต้น แต่จู่ๆ พลันนึกถึงอะไรได้ขึ้นมา อารมณ์ก็ลดฮวบลงอีกครั้ง ส่ายหน้าเล็กน้อย
หยางเฉินถามอย่างสงสัย “ลูกไม่ชอบอยู่ในบ้านที่เหมือนกับปราสาทแบบนั้นหรือ? ”
เสี้ยวเสี้ยวสีหน้าจริงจังมองหยางเฉิน “หนูชอบปราสาท แล้วก็ชอบของเล่นเยอะๆ แต่ว่าบ้านที่ใหญ่ขนาดนั้น จะต้องใช้เงินมากแน่ๆ หนูไม่อยากให้คุณแม่หาเงินลำบากขนาดนั้น”
เธอยังเด็กขนาดนี้ ก็รู้เหตุผลเช่นนี้แล้ว อารมณ์ของหยางเฉินพลันหนักอึ้งอย่างยิ่ง แล้วก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“เสี้ยวเสี้ยววางใจ วันหน้าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกและคุณแม่อยากได้ พ่อล้วนให้กับพวกเธอ! ” หยางเฉินเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น
ก็เป็นในตอนนี้ ชั้นล่างก็พลันมีเสียงร้องแหลมดังขึ้นเสียงหนึ่ง
“อ๊า! นายที่สมควรตายนี่ ถึงกับกล้าตบฉัน” โจวยู่ชุ่ยตะโกนร้องไห้ เสียงดังมาถึงชั้นบนแล้ว
เสี้ยวเสี้ยวที่เพิ่งจะสงบลง พลันดอกหยางเฉินอย่างแนบแน่นอีกครั้ง “คุณพ่อ หนูกลัว! ”
“เสี้ยวเสี้ยวอย่ากลัว พ่ออยู่นี่นะ” หยางเฉินกอดลูกสาวแน่นอย่างอ่อนโยน
เขาพลันมีความบุ่มบ่ามต้องการพาลูกสาวจากไป แต่เขารู้ ลูกสาวคือชีวิตของฉินซี เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้
“พี่เขย พี่รีบลงมาดูเร็วเข้า! อย่าวุ่นวายสร้างเรื่องเลย” ฉินยีพลันพุ่งเข้ามาในห้อง
ถ้าไม่ใช่ว่ากังวลเสี้ยวเสี้ยวอยู่คนเดียวจะหวาดกลัว เขาก็ลงไปตั้งนานแล้ว
“เธอช่วยฉันดูเสี้ยวเสี้ยวไว้” หยางเฉินลุกขึ้นยืนเดินออกไปจากห้อง
“เธอผู้หญิงแพศยา ทั้งวันก็รู้จักแต่จะหาเรื่อง คิดว่าฉันรังแกได้ง่ายจริงๆ หรือไง? ถ้าไม่ใช่ว่าเพื่อครอบครัวนี้ ฉันเตะเธอออกไปในเท้าเดียวนานแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะขังฉันหรือ? ไสหัวไปให้ฉัน! ”
ฉินต้าหย่งตาแดง ถึงแม้จะพูดไม่ชัด แต่ยังสามารถฟังคำพูดของเขาเข้าใจ
“อ๊า! นายคนสมควรตาย ถึงกับบอกว่าฉันรังแกนาย ฉินต้าหย่ง ยังมีมโนธรรมอยู่ไหม? ปีนั้นเป็นใครที่ไม่รังเกียจทอดทิ้งนาย แต่งให้นาย? หลังจากฉันติดตามนาย นายได้ให้ฉันใช้ชีวิตที่ดีสักวันไหม? ” โจวยู่ชุ่ยก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาเช่นกัน
“คุณพ่อ คุณแม่ พวกท่านเลิกทะเลาะกันได้แล้ว เสี้ยวเสี้ยวจะกลัวนะ! ” ฉินซีสีหน้าวิงวอน เพื่อเกลี้ยกล่อมทั้งสองคน เธอนั้นเหนื่อยมากแล้ว
“ยังมีเชื้อพันธุ์ต่ำต้อยอย่างเธอ ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เธออยากแต่งให้คนไร้ค่านั่น พวกเราจะถูกตระกูลทอดทิ้งหรือ? บริษัทจะถูกตระกูลแย่งชิงไปหรือ? ”
ฉินต้าหย่งไม่ผ่อนปรน พลันพุ่งเข้าไปโจมตีฉินซีอย่างแม่นยำ
ฉินซีใบหน้าตะลึงงัน น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา “คุณพ่อ คุณพ่อพูดกับหนูแบบนี้ได้ยังไงกัน? หนูเป็นลูกสาวของคุณพ่อนะ! ”
“หุบปากให้ฉัน! ”
ฉินต้าหย่งพูดไป ฝ่ามือหนึ่งก็ตบไปทางหน้าของฉินอย่างรุนแรง
หยางเฉินเพิ่งจะเดินออกมาจากห้อง ก็มองเห็นฉากนี้เข้า กลางดวงตามีแสงเย็นเยียบวาบผ่าน ร่างกลายเป็นเงาวูบ ชั่วพริบตานั้นก็ขวางอยู่ที่ด้านหน้าของฉินซีแล้ว
“เพี๊ยะ! ”
เขาจับข้อมือของฉินต้าหย่งไว้อย่างแน่นหนา สีหน้าท่าทางเย็นชาถึงขีดสุด “ถึงแม้ว่าคุณจะเมาแล้ว ก็ไม่อาจลงมือกับเธอ! ”