The king of War - บทที่ 551 สืบหยางเฉิน
พอได้ยิน ชายหนุ่มไม่กล้าพูดต่อ แต่ในสายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“นายไปสืบใครสักคนให้หน่อย!”
ทันใดนั้น ซุนซวี่ก็สั่งเด็กหนุ่ม
“ใครครับ?”
เด็กหนุ่มถาม
“ชายหนุ่มที่ชื่อหยางเฉิน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเย่ และมีผู้แข็งแกร่งที่ชื่อหม่าชาวตามหลัง”ซุนซวี่พูด
“ครับ!”
เด็กหนุ่มพูดจบ เขาก็จากไปอย่างเงียบๆ
“ถ้าแกเป็นคุณชายมหาเศรษฐีที่มีพื้นเพที่แข็งแกร่งจริงๆ ก็แล้วไป ถือว่าวันนี้ฉันเสียเปรียบเอง แต่ถ้าไม่ใช่ แกต้องตาย!”
ดวงตาของซุนซวี่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง
อีกด้านหนึ่ง ตระกูลหลิน
หลังจากที่หลินเป้ากับหลินเทียนเจ๋อกลับมาตระกูลพวกเขาก็ไม่โกรธเหมือนซุนซวี่ที่ขว้างของไปทุกที่
“พ่อครับ เรื่องของวันนี้ เราห้ามปล่อยมันผ่านไป!”
หลินเทียนเจ๋อกัดฟันพูดว่าเขารู้สึกอึดอัดใจมาก ถ้าไม่ระบาย คงจะอึดอัดมาก
ดวงตาของหลินเป้าฉายแววอาฆาต แต่เขาไม่ได้ใจร้อนเหมือนหลินเทียนเจ๋อ แต่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า:”ชายหนุ่มที่ชื่อหยางเฉิน มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แม้จะแก้แค้น ก็ต้องรอจนกว่าจะรู้ภูมิหลังของเขาให้ดีก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
“ขนาดผู้ติดตามที่อยู่ข้างเขา ยังแข็งแกร่งขนาดนี้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่ถ้าเขาไม่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ มันก็ไม่สำคัญ”
“ฉันยอมรับว่า ผู้ติดตามข้างตัวเขาแข็งแกร่งมาก แต่ในโลกนี้ พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะอยู่ยงคงกระพัน มีคนที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกมากมาย”
“แค่มีเงิน ผู้แข็งแกร่งแบบไหนที่เราไม่สามารถหาได้?”
หลินเทียนเจ๋อพูด
หลินเป้าพยักหน้าเล็กน้อย:”คนที่อยากจะฆ่าหยางเฉินมากที่สุดตอนนี้ คงจะเป็นตระกูลซุน!”
มีแสงประกายในดวงตาของหลอนเทียนเจ๋อ และถามว่า:”พ่อหมายความว่า? เราสามารถใช้มือของตระกูลซุนไปจัดการกับเด็กคนนั้นเหรอ?”
หลินเป้าส่ายหัว:”คราวนี้ เราห้ามหลบซ่อนอีกแล้ว เราต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อล้างแค้น ร่วมมือกับตระกูลซุนตอนนี้ เขาคงจะเต็มใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเทียนเจ๋อก็โกรธเล็กน้อย และกัดฟันพูดว่า:”ซุนซวี่ ไอ้สารเลว ทั้งๆที่คุยกันแล้วว่าจะร่วมมือกันเพื่อจัดการตระกูลเย่ ไม่นึกเลยว่าเขาจะกล้าแอบ ร่วมมือกับเขา ฉันไม่เชื่อใจ!”
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!”
“เด็กที่ชื่อหยางเฉินนั้นไม่ธรรมดาเลย ถ้าเขาแข็งแกร่งจริงๆ ก็แล้วไป ตอนนี้ฉันกลัวว่าเขาจะมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งอะไรแบบนี้”
“เราต้องมีความมั่นใจสุดๆ ถึงจะสามารถเลือกลงมือกับเขา คนแบบนี้ต้องถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว หากให้เขามีโอกาสมีชีวิตอยู่ จะเป็นจุดจบของตระกูลหลิน!”
หลินเป้าเตือน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
วันนี้ หยางเฉินทำให้เขากดดันมาก ๆ เขาแค่ให้ผู้ติดตามคนหนึ่งออกหน้า ก็สามารถทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลใหญ่ของอย่างหลินกับซุนแตกสลาย
“พ่อ ฉันเข้าใจแล้ว!”
แม้ว่าหลินเทียนเจ๋อจะยังคงหงุดหงิดกับการหนีกลางคันของซุนซวี่ แต่ก็เข้าใจสิ่งที่หลินเป้าพูดนั้นเป็นความจริง
แต่ว่า เขายังไม่ได้เริ่มหาซุนซวี่ ซุนซวี่ก็ติดต่อเขามาก่อน
“พี่หลิน ไม่ทราบว่าตอนนี้มีเวลาหรือไม่ ผมอยากพบคุณ”
ซุนซวี่พูดด้วยรอยยิ้ม
ในน้ำเสียงของเขา ไม่มีความโมโหเลยสักนิด ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
หลินเทียนเจ๋อพูดอย่างเย็นชา:”สรรพนามคำว่าพี่หลิน อย่าเรียกเลย ฉันไม่กล้าเป็นพี่น้องกับคุณผู้นำตระกูลซุนอีกแล้ว”
ฟังแล้ว ซุนซวี่ก็ยิ้มพูดอย่างลำบากใจว่า:”พี่หลินยังโกรธอยู่เหรอ?”
“มีอะไรก็ว่ามา!”
หลินเทียนเจ๋อพูดอย่างเย็นชา
แม้ว่าจะร่วมมือกับตระกูลซุน เขาก็ต้องควบคุมสิทธิ์ก่อน
ซุนซวี่พูดว่า:”เมื่อกี้ ฉันได้สืบตัวตนของหยางเฉินแล้ว ปรากฏว่าเขาเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลอวี๋เหวิน และตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในเมืองเจียงโจว มณฑลเจียงผิง”
“นอกจากนี้ ก็ไม่มีตัวตนอื่น ๆ ”
“สำหรับผู้ติดตามหม่าชาว เขากลายเป็นแค่เด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และเขามีภูมิหลังที่ขาวสะอาด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเทียนเจ๋อก็เย้ยหยัน:”ถ้าคุณคิดว่าเขาเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลอวี๋เหวิน ก็ไม่มีอะไรจะพูด เพราะสิ่งที่คุณ ฉันรู้”
พูดจบ หลินเทียนเจ๋อก็วางสายโทรศัพท์โดยตรง
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ซุนซวี่หน้านิ่ง:”หรือว่า นอกจากตัวตนนี้แล้ว หมอนั้นยังมีภูมิหลังอื่น ๆ อีก?”
หลังจากที่ หลินเทียนเจ๋อวางสาย เขาก็เยาะเย้ย:”โง่จริงๆ ถ้ามันเป็นแค่ลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลอวี๋เหวิน จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้ไหม?”
เมื่อเห็นหลินเทียนเจ๋อ วางสาย หลินเป้าก็ขมวดคิ้ว:”แกไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าหลินเป้าโกรธเล็กน้อย เขาได้บอกกับหลินเทียนเจ๋อแล้วว่า เรื่องที่จะสืบหยางเฉินห้ามมีการปกปิดใดๆ หลินเทียนเจ๋อกลับวางสายโทรศัพท์ของซุนซวี่จริงๆ
หลิยเทียนเจ๋อรีบอธิบายว่า:”พ่ออย่าเพิ่งโกรธ ไอ้สารเลวซุนซวี่ ฉันรู้จักดี เขาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ถ้าฉันอดทนฟังเขาพูดไร้สาระ เขาจะคิดว่าเราต้องการความช่วยเหลือจากเขา”
“วันนี้เขาทรยศหักหลัง แต่ถูกลูกน้องของหยางเฉินบังคับให้คุกเข่าขอโทษในที่สาธารณะ ตอนนี้เขาต้องขอให้เราลงมือถึงจะถูก”
“ฉันมีวิธีจัดการกับซุนซวี่ พ่อ ไม่ต้องห่วง ฉันจะสืบภูมิหลังของหยางเฉินเอง”
หลังจากฟังคำอธิบายของหลิยเทียนเจ๋อแล้ว ความโกรธของหลินเป้าก็หายไป และพยักหน้าเล็กน้อย:”ได้ เรื่องนี้ให้แกจัดการเอง จำคำพูดของฉันไว้ ห้ามลงมือก่อนที่จะขุดตัวตนและภูมิหลังของเขาได้”
“ครับพ่อ!”หลินเทียนเจ๋อตอบ
หยาง เฉินไม่รู้ว่าตระกูลหลินและตระกูลซุนได้หาทางทุกทางเพื่อสืบตัวเอง ในเวลานี้ เขาได้พาฉินซีขึ้นเครื่องบินโดยสารกลับไปที่เจียงโจวแล้ว
“ที่รัก วันนี้คุณทำกับตระกูลหลินและตระกูลซุนเช่นนี้ พวกเขาจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน”
บนเครื่องบินโดยสาร ฉินซีพูดด้วยท่าทางกังวล
หยางเฉินแสร้งทำเป็นยิ้มสบายๆ:”ไม่ต้องกังวล ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ ผมเคยโกหกคุณซะที่ไหน?”
หยางเฉินเข้าใจอย่างแน่นอนว่า การขัดใจสองในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูพร้อมกันนั้นอันตรายเพียงใด
แต่แบบนี้มันสำหรับคนธรรมดาเท่านั้นเอง ในสายตาของเขา แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เป็นเพียงตระกูลที่ร่ำรวยที่มีเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาสามารถเอาชนะแปดตระกูล ได้ด้วยเท้าเพียงข้างเดียว
แต่ว่า แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูมีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง และทรัพยากรทางการเงินที่พวกเขาควบคุมก็น่าทึ่งมากเช่นกัน หากสามารถกำจัดตระกูลที่ร่ำรวยใด ๆ ได้ในคราวเดียว เศรษฐกิจของทั้งจิ๋วโจวอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ถึงเวลานั้น คนที่ต้องทนทุกข์ก็คือประชาชน
ในฐานะจอมพลแห่งจิ่วโจว เขาไม่เพียงแต่ปกป้องประเทศนี้ แต่ยังรวมถึงประชาชนในประเทศนี้ด้วย
สามชั่วโมงต่อมา เครื่องบินก็ค่อยๆ ลงจอดที่สนามบินนานาชาติเจียงโจว
ทันทีที่เขาลงจากเครื่องบิน มือถือของฉินซี ก็ดังขึ้นไม่หยุด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเตือนว่ามีสายเรียกเข้า
ทันใดนั้น ฉินซีก็รู้สึกไม่ดี กำลังจะโทรกลับ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นก่อน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินซีถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่สีหน้าของฉินซียิ่งอยู่ยิ่งแย่ สุดท้ายก็พูดว่า:”ได้ ฉันจะกลับบริษัทเดี๋ยวนี้!”
“เป็นอะไรเหรอ?”
เมื่อเห็นฉินซีวางสาย หยางเฉินถามจึง