The king of War - บทที่ 557 หักมุมมาแล้ว
ลูกโม่หกนัด ตอนนี้มีกระสุนอยู่สองนัด โอกาสตายมีเพียงแค่หนึ่งในสามเท่านั้น
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าดวงของแกมันจะแข็งสักแค่ไหน?”
อวี๋เหวินปิงพูดออกมาด้วยความขบขัน
พอเห็นอวี๋เหวินปิงใส่กระสุนเข้าไปในปืนลูกโม่ หยางเฉินก็ยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ เหมือนกำลังเยาะเย้ยการกระทำของอวี๋เหวินปิงอยู่
“เสร็จรึยัง? ถ้าเสร็จแล้ว งั้นผมขอต่อเลยละกัน!” หยางเฉินถามไปด้วยรอยยิ้ม
ในสายตาของเขานั้น อวี๋เหวินปิงเป็นคนที่ได้ตายไปแล้ว
ตอนนี้รอแค่ฉินยีได้รับการช่วยเหลือ เขาก็จะสามารถลงมือได้ทันที
ส่วนฉินต้าหย่งก็ไม่รู้ว่าถูกแขวนไปนานเท่าไหร่ ตอนแรกก็ถูกทำร้ายจนสาหัส จนตอนนี้ได้หมดสติไปแล้ว
“ต่อเลย!”
อวี๋เหวินปิงกัดฟันแล้วพูดออกมา
ตามแผนที่เขาวางไว้ หยางเฉินน่าจะถูกเขาเล่นงานจนตายแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่า หยางเฉินจะดวงดีถึงขนาดนี้ยิ่งติดต่อกันยี่สิบกว่าครั้ง ก็ยังยิงไม่ติดเลยสักนัด
“แต็ก!”
“แต็ก!”
……
หยางเฉินปั่นลูกโม่อย่างรวดเร็ว ลั่นไก ทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
พริบตาเดียว ก็ยิงไปอีกสิบกว่าครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเลยสักครั้ง
ในที่สุดอวี๋เหวินปิงก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ อัตราการตายหนึ่งส่วนสาม ยิงไปสิบกว่านัดก็ยังไม่ติด มันต้องมีความผิดปกติแน่นอน
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เขาตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน แล้วสั่งคนให้เอาปืนลูกโม่กลับไป ตรวจดูรอบหนึ่ง
“คุณชายปิง ปืนกระบอกนี้ปกติดีนะครับ”
หลังจากลูกน้องตรวจดูเสร็จ ก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึก
สีหน้าของอวี๋เหวินปิงดูแย่มาก ตอนแรกก็คิดว่าปืนมันมีปัญหา แต่ความจริงแล้ว ปืนมันไม่ได้มีปัญหาเลยสักนิด
หรือจะบอกว่า ดวงของเขาจะดีขนาดนั้นจริงๆ?
“นี่แกทำได้ยังไง?”
อวี๋เหวินปิงจ้องมองหยางเฉินอยู่นาน แล้วพูดออกมาอย่างกะทันหัน
คนที่เคยเป็นผู้สืบทอดของตระกูลอวี๋เหวินอย่างเขา มันก็แสดงว่าเขาไม่ใช่คนที่โง่เง่า เคยเห็นอะไรมามากมาย และรู้ด้วยว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่แค่ไหน มีคนที่พิเศษมากมายดำรงอยู่
ถึงเขาจะไม่อยากเชื่อว่าหยางเฉินเป็นคนแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้ หยางเฉินก็ยังยืนเป็นๆ อยู่ตรงนี้ มันจึงทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้จริงๆ
ในตำนานบอกว่า ในเกมรัสเซียนรูเล็ตนั้น พวกคนที่เล่นปืนมาเป็นเวลานานแค่อาศัยควบคุมแรงขณะหมุนลูกโม่ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าเวลาที่ตัวเองลั่นไก จะต้องหลีกเลี่ยงจากกระสุนได้อย่างแน่นอน
เขาสงสัยว่า หยางเฉินน่าจะเป็นคนจำพวกนั้น
หยางเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณคงไม่คิดว่าผมกำลังโกงอยู่ใช่มั้ย?”
” ปืนกระบอกนี้เป็นของคุณ กระสุนคุณก็เป็นคนใส่เอง ถ้ามันจะมีปัญหาจริง มันก็ควรจะเป็นฝั่งคุณต่างหากที่เล่นตุกติก”
“แน่นอน ถ้าคุณเล่นไม่ไหว ก็สามารถยิงผมให้ตายได้เลย และเรื่องก็ไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้ด้วย”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าที่ใจเย็น ไม่เหมือนคนที่ถูกบังคับให้เล่นเกมรัสเซียนรูเล็ตเลยสักนิด
อวี๋เหวินปิงไม่ได้พูดอะไร เอาแต่จ้องมองไปยังหยางเฉิน เผื่อจะเห็นอะไรจากแววตาของหยางเฉินบ้าง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องผิดหวังก็คือ หยางเฉินดูใจเย็นมาก ไม่ได้ดูโมโหเหมือนตอนที่เพิ่งหาเขาเจอเลย
จู่ๆเขาก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น ในตอนนั้นเอง มือถือของหยางเฉินก็ได้ดังขึ้น
พอมีเสียงดังขึ้น สายตาทุกคู่ต่างก็จ้องมองไปที่หยางเฉิน ชายฉกรรจ์หลายคนที่ถือปืนไว้ หันปากกระบอกปืนจ่อมาที่หัวของหยางเฉินอย่างพร้อมเพรียงกัน
แต่แล้วเสียงมือถือก็ได้ดังขึ้นสั้นๆ เพียงไม่กี่วิ และได้เงียบไป
แล้วเห็นมุมปากของหยางเฉินค่อยๆ แย้มขึ้น ยิ้มออกมาอย่างขบขัน ลมปราณที่รุนแรงได้เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของเขา
ในตอนนี้ อวี๋เหวินปิงรู้สึกแค่ว่ามันหนาวไปทั้งตัวหนาวไปจนถึงกระดูก เหมือนกำลังถูกสัตว์ป่าตัวหนึ่งจ้องมองอยู่ขนลุกไปทั่วร่าง
“เล่นเกมต่อเดี๋ยวนี้!”
อวี๋เหวินปิงพยายามทำใจให้เย็น
“แต็ก!”
หยางเฉินหมุนลูกโม่ ทันใดนั้นปากกระบอกปืนก็เปลี่ยนทิศ ชี้ตรงไปยังข้างๆ ของฉินต้าหย่ง ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่กำลังเอาปืนจ่อไปที่หัวของฉินต้าหย่งไว้
“ปั้ง!”
เสียงปืนดังขึ้น ชายฉกรรจ์ที่เอาปืนจ่อหัวฉินต้าหหย่งมาโดยตลอดก็ได้ล้มไปตามเสียง
สิ่งที่เกิดขึ้นมันกะทันหันมาก ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าหยางเฉินจะยิงใส่คนของพวกเขา ประเด็นคือ ก่อนหน้านี้ที่ยิงไปหลายสิบนัดมันยิงไม่ติดเลยสักนัด ตอนนี้ทันทีที่เล็งไปยังคนของอวี๋เหวินปิง เสียงปืนก็ดังขึ้น
เพียงชั่วพริบตา สิ่งที่ทำให้อวี๋เหวินปิงกลัวก็ได้เกิดขึ้น
ในจังหวะที่เสียงปืนดังขึ้น ร่างกายของหยางเฉินก็เคลื่อนไหวเป็นภาพซ้อนแล้วพุ่งออกไป
“ตุบตุบตบ!”
อวี๋เหวินปิงรู้สึกเหมือนตาลายไปแวบหนึ่ง เขาเห็นเหล่ามือปืนที่ตัวเองจ้างมาด้วยเงินก้อนใหญ่ กำลังถูกซัดปลิวไปทีละคนทีละคน
มือปืนเจ็ดแปดคน แม้แต่โอกาสที่จะเหนี่ยวไกยังไม่มี แม้แต่โอกาสที่จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นยังไม่มี ชั่งพริบตาเดียว นอกจากอวี๋เหวินปิง มือปืนคนอื่นต่างก็ล้มลงพื้นไปหมดแล้ว
อวี๋เหวินปิงนั้นช็อกไปอย่างสมบูรณ์ คนที่เป็นถึงอดีตผู้สืบทอดแห่งตระกูลอวี๋เหวินอย่างเขา ยอดฝีมือแบบไหนที่เขาไม่เคยเจอบ้าง?
โดยเฉพาะพวกมือปืนที่เขาพามาด้วย ต่างก็เป็นมือปืนที่ยังไม่เคยพลาดเป้า ไม่เพียงเท่านั้น การต่อสู้ตัวต่อตัวของพวกเขายังอยู่ในระดับที่สุดยอดอีกด้วย
แต่ว่าตอนนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดที่เขาภูมิใจหนักหนา กลับไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ก็ต้องลงไปนอนอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบของอาคารที่ถูกทิ้งร้างเสียแล้ว
หลังจากที่หยางเฉินจัดการกับพวกมือปืนแล้ว จึงมาถึงที่ข้างกายของฉินต้าหย่ง แล้วค่อยๆ เอาของออกมาอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่ตรวจดูคร่าวๆ ก็พบว่า ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ค่อนข้างสาหัส และหมดสติไปแล้ว
“ตอนนี้ ถึงตาคุณแล้ว!”
หลังจากมั่นใจว่าฉินต้าหย่งไม่ได้เป็นอะไรมาก หยางเฉินจึงได้รู้สึกโล่งอก พร้อมกับจิตสังหารที่เอ่อล้นอยู่ในแววตา
“หยางเฉิน แกอย่าลืมนะ ว่าน้องเมียของแกถูกฉันจับตัวเอาไว้แล้ว ถ้าแกกล้าทำอะไรฉัน แม่นั่นก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว”
หลังจากที่ช็อกไปพักหนึ่ง อวี๋เหวินปิงก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว ถึงจะยังรู้สึกตกใจอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้
ก่อนที่หยางเฉินจะมา อวี๋เหวินเกาหยางตั้งใจโทรมาหาเพื่อเตือนเขาโดยเฉพาะ ว่าห้ามไปยุ่งกับคนของหยางเฉินเด็ดขาด และยังบอกว่าหยางเฉินไม่ได้มีดีเท่าที่เห็น
ตอนแรก อวี๋เหวินปิงก็ไม่ได้เชื่อ เขาคิดว่าอวี๋เหวินเกาหยางแค่ต้องการปกป้องชีวิตของหยางเฉินเท่านั้นถึงได้พูดแบบนั้นกับตน
ตอนนี้ เขาเข้าใจแล้ว เกรงว่าอวี๋เหวินเกาหยางจะรู้นานแล้วว่าหยางเฉินนั้นไม่ใช่คนธรรมดา
ทว่า เขาก็ไม่ได้ฟังคำเตือนของอวี๋เหวินเกาหยาง ขอแค่หยางเฉินตาย เขาก็จะกลายเป็นลูกชายของอวี๋เหวินเกาหยางแต่เพียงผู้เดียวและยังคงมีโอกาสที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดแห่งตระกูลอวี๋เหวินกลับมาเหมือนเดิม
“อวี๋เหวินปิง คุณไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ ทั้งๆ ที่ผมความสามารถที่จะจัดการกับคนพวกนี้ได้ แล้วทำไมถึงไม่ยอมลงมือสักที แต่กลับต้องรอจนถึงเมื่อกี้ถึงจะลงมือล่ะ?”
หยางเฉินถามพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ
อวี๋เหวินปิงช็อกไปทันที จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อกี้หยางเฉินได้ยินเสียงมือถือดังขึ้นแล้วดับไป เขาถึงตัดสินใจลงมือทันที
หรือจะบอกว่า เสียงมือถือที่ดังขึ้นมันเป็นการส่งสัญญาณอย่างนั้นเหรอ?
“นี่แกหมายความว่ายังไง?”
อวี๋เหวินปิงโมโหขึ้นมาทันที
“คุณเป็นคนที่ฉลาดขนาดนั้น ไม่น่าจะนึกไม่ออกหรอกมั้ง?” หยางเฉินพูดออกมาอย่างขบขัน
อวี๋เหวินปิงนั้นร้อนรนขึ้นมาทันที รีบหยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรออกไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับสายสักที ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าคนของตัวเองน่าจะโดนเล่นงานไปแล้ว
“แกไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือคนของคุณชายปิงแห่งหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู แล้วแกยังไม่รีบปล่อยฉันอีกเหรอ?”
“ไม่อย่างนั้น คุณชายปิงไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่”
ในทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงเอะอ่ะโวยวายดังมาจากชั้นล่าง
จากนั้น ก็ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งพาผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา
ปรากฏว่าเป็นเฉียนเปียวที่กำลังคุมตัวโจวยู่ชุ่ยขึ้นมา