The king of War - บทที่ 559 การตัดสินใจที่อยากลำบาก
แต่เขาจะทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงเขาจะเกลียดอวี๋เหวินเกาหยาง เกลียดตระกูลอวี๋เหวิน แต่ก่อนที่แม่เขาจะเสีย ก็เคยบังคับให้เขาสาบานว่าชีวิตนี้จะไม่ไปหาอวี๋เหวินเกาหยางหรือตระกูลอวี๋เหวินเพื่อแก้แค้นเด็ดขาด
เขายังคงจำได้ ก่อนที่แม่ของเขาจะสิ้นใจ เธอได้กำมือของเขาไว้แน่นๆ และพูดทั้งน้ำตาว่า “เฉิน ถือว่าแม่ขอร้องล่ะนะไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ลูกก็ห้ามไปแก้แค้นกับเขาเด็ดขาด ไม่ว่ายังไง เขาก็คือคนที่ให้ชีวิตกับลูกมา”
“แม่สามารถเกลียดเขาได้ เกลียดในความโหดเหี้ยมและไร้เยื่อใยของเขา เกลียดเขาที่ยอมละทิ้งเราสองแม่ลูกเพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล ลูกเองก็สามารถเกลียดเขาได้ แต่ห้ามไปแก้แค้นเขา เพราะเขาคือพ่อของลูก การที่ลูกไปแก้แค้นเขา มันก็ถือเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรมมาก!”
“แม่ต้องการให้ลูกสาบานต่อหน้าแม่ สาบานว่าชีวิตนี้จะไม่ไปแก้แค้นอวี๋เหวินเกาหยางเด็ดขาด!”
ถึงเวลาจะผ่านไปตั้งหลายปี แต่คำพูดของผู้เป็นแม่ก็ยังฝังลึกอยู่ในใจไม่จางหาย
ด้วยเหตุนี้ ถึงเขาจะมีกำลังมากพอที่จะทำลายตระกูลอวี๋เหวินลงได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้แก้แค้นกับตระกูลอวี๋เหวินสักที
“หยางเฉิน นี่แกฟังอยู่รึเปล่า? ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ตอนนั้นฉันไม่ควรไล่แกกับแม่ออกจากตระกูลเลยจริงๆ ถ้าแกยอมให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง ฉันก็ไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด ฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ แกอย่าฆ่าอวี๋เหวินปิงเลยนะ ฉันขอร้องล่ะ!”
น้ำเสียงของอวี๋เหวินเกาหยางสะอื้นจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
อวี๋เหวินปิงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าหยางเฉิน ก็กำลังทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า เพื่อเขาแล้ว อวี๋เหวินเกาหยางจะยอมทำตัวสงบเสงี่ยม จนถึงขั้นขอร้องอ้อนวอนแบบนี้
หยางเฉินหายใจเข้าลึกๆ แล้วแววตาก็ดูขัดขืนและเจ็บปวดขึ้นมา
การกระทำทุกอย่างที่อวี๋เหวินปิงทำไปในวันนี้ มันได้แตะต้องจุดเดือดของเขาเข้าแล้ว มีเพียงความตายเท่านั้น ถึงจะสามารถล้มล้างความแค้นในใจของเขาได้
“หยางเฉิน ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันยังไม่เคยเห็นพ่อของเราขอร้องให้ใครมาก่อนเลย ฉันรู้ว่าแกโกรธแค้นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนมาก แต่ไม่ว่ายังไง พ่อก็ยังเป็นพ่ออยู่ดี พี่น้องก็ยังคงเป็นพี่น้อง ความผูกพันทางสายเลือดที่เรามี ต่อให้ตายไปก็ยังตัดมันไม่ขาดอยู่ดี”
“หรือแกจะสามารถทนดูพ่อของเราทำตัวต้อยต่ำเพื่อขอร้องแกรึไง?”
อวี๋เหวินปิงพูดพร้อมกัดฟันแน่น
สีหน้าของหยางเฉินมีแต่ความเจ็บปวด ทางหนึ่งก็อวี๋เหวินปิงที่จ้องที่จะฆ่าตัวเอง ส่วนอีกทางก็เป็นอวี๋เหวินเกาหยางที่กำลังขอร้องตัวเองอย่างไม่ยอมหยุด
ตอนแรกเขาก็คิดว่าตัวเองจะสามารถใจแข็งโดยการฆ่าอวี๋เหวินปิงอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว แต่พออวี๋เหวินเกาหยางมาขอร้องตัวเองแบบนี้ เขาถึงได้รู้ตัวว่า ตัวเองนั้นไม่ได้ใจแข็งขนาดนั้น
คำพูดก่อนตายของแม่ มันวนเวียนอยู่ในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าห้ามเขาไปแก้แค้นตระกูลอวี๋เหวินเด็ดขาด แล้วถ้าเขาฆ่าอวี๋เหวินปิงไปล่ะ มันจะถือเป็นการแก้แค้นมั้ย?
แต่ว่า เป็นอวี๋เหวินปิงที่มาหาเรื่องเขาก่อน เอาคนสำคัญของเขามาข่มขู่เขา ถ้าเขายอมปล่อยอวี๋เหวินปิงไป ถ้าเกิดมีครั้งต่อไปอีกล่ะจะทำยังไง?
เขาไม่สามารถปกป้องคนสำคัญที่อยู่รอบตัวได้ตลอดเวลา ถ้าอวี๋เหวินปิงเข้ามาอีกรอบ เกรงว่ามันจะไม่ได้โชคดีอย่างในครั้งนี้แล้ว
ในหัวของเขา จู่ๆ ก็มีใบหน้าของฉินฉีปรากฏขึ้น ต่อด้วยใบหน้าของเสี้ยวเสี้ยว รวมถึงใบหน้าของฉินยีด้วย
จากนั้นก็มองไปยังฉินต้าหย่งที่หมดสติอยู่ข้างๆ ตอนนี้กำลังเจ็บหนักไปทั้งตัว แล้วหัวใจของหยางเฉินก็ค่อยๆ เย็นชาลงไป
“ผมเตือนคุณไปนานแล้ว ถ้าตระกูลอวี๋เหวินมีเรื่องอะไรก็ให้มาหาเขาได้เลยไม่มีปัญหา แต่กับคนที่อยู่รอบตัวผม มันถือเป็นจุดเดือดของผม ใครที่แตะต้อง ตายสถานเดียว!”
หยางเฉินพูดพร้อมกัดฟันแน่น ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว
อวี๋เหวินปิงทำหน้าหวาดกลัว เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าทั้งๆ ที่ตัวเองคุกเข่าขอร้องอยู่ตรงพื้นแล้ว อวี๋เหวินเกาหยางก็ขอร้องแล้ว หยางเฉินก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไปอีก
“หยางเฉิน ฉันขอร้องล่ะ แกอย่าฆ่าอวี๋เหวินปิงเลยนะ ฉันขอร้องแกจริงๆ!”
อวี๋เหวินเกาหยางที่รู้สึกร้อนรนได้ตะโกนออกมาทันที
แต่หยางเฉินก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ วางสายไปทันที แล้วเดินเข้าไปหาอวี๋เหวินปิงทีละก้าวทีละก้าว
อวี๋เหวินปิงสั่นเทาไปทั้งตัว เขาพยายามถอยหลังพร้อมกับพูดด้วยความร้อนรนว่า “หยางเฉิน ฉันเป็นพี่ชายของแกนะ แกจะฆ่าฉันไม่ได้!”
จนถึงตอนนี้ อวี๋เหวินปิงถึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เมื่อก่อน มีแต่เขาเท่านั้นที่ควบคุมชีวิตของคนอื่นไว้ในกำมือ แต่มาวันนี้ ชีวิตของเขากลับตกไปอยู่ในกำมือของคนอื่นแทน
ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่า คนตัวเล็กๆ ที่เคยตกมาอยู่ในกำมือของเขานั้น ในใจมันหวาดกลัวแค่ไหน
โจวยู่ชุ่ยที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นได้ตกใจจนช็อกไปนานแล้ว เธอรู้จักฐานะของอวี๋เหวินปิงดี เขาเป็นถึงผู้สืบทอดของหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู แต่ตอนนี้กลับมาคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ใต้เท้าของหยางเฉิน
ลูกเขยที่เธอเคยดูถูกมานานหลายปี ลูกเขยที่ส่งเธอเข้าคุกด้วยตนเอง
นึกย้อนถึงสิ่งแย่ๆ ที่เธอเคยทำกับหยางเฉิน จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่า หยางเฉินในอดีตนั้นมีความเมตตาแค่ไหน ถ้าเขาต้องการฆ่าเธอจริงๆ ต่อให้เธอมีสิบชีวิตก็คงไม่พอให้หยางเฉินฆ่าอยู่ดี
“หยางเฉิน แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ แกห้ามฆ่าฉันเด็ดขาด บางทีแกอาจจะยังไม่รู้ตัวตนของฉันอีกตัวตนก็ได้”
“แม่ของฉันเป็นคนของราชวงศ์แห่งจิ่วโจว ในตัวของฉันยังมีเลือดของราชวงศ์แห่งจิ่วโจวไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่งถ้าแกฆ่าฉันไป มันก็เท่ากับแกได้ล่วงเกินราชวงศ์แห่งจิ่วโจวเข้าแล้ว”
“ต่อให้เป็นแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ยังต้องฟังคำสั่งของราชวงศ์แห่งจิ่วโจว ส่วนแม่ของฉัน ก็คือคนของราชวงศ์แห่งจหนันโจว ถ้าแกกล้าฆ่าฉัน ก็เท่ากับแกฆ่าคนราชวงศ์แห่งจหนันโจวไป พวกเขาไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน”
อวี๋เหวินปิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แล้วพูดถึงอีกหนึ่งตัวตนของเขาออกมา
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ราชวงศ์แห่งจิ่วโจวเคยมีอยู่ด้วยกันเก้าเขตใหญ่ๆ ก็เท่ากับมีราชวงศ์ใหญ่ๆ อยู่ด้วยกันเก้าราชวงศ์เมื่อระยะเวลาค่อยๆ ผ่านไป ราชวงศ์แห่งจิ่วโจวที่เคยมีอำนาจล้นฟ้า อำนาจของบางราชวงศ์ก็ค่อยๆ ลดทอนไป
เนื่องจากบางราชวงศ์ที่อำนาจถูกลดทอนมากเกินไป จึงทำให้ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะใช้ชื่อของราชวงศ์ต่อไป ส่งผลให้ถูกปลดออกจากตำแหน่งของราชวงศ์ไป
ราชวงศ์ยังไงก็คือราชวงศ์ มีรากฐานที่มีมาอย่างยาวนาน ต่อให้ไม่มีสิทธิ์ใช้ชื่อของราชวงศ์แล้ว แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ตระกูลทั่วไปจะมาต่อกรด้วยได้
ทว่า ในตอนนี้ สี่ราชวงศ์ที่ถูกตัดออกจากราชวงศ์แห่งจิ่วโจว เพื่อให้แบ่งแยกชนชั้นที่ชัดเจน สี่ตระกูลใหญ่ที่ถูกตัดออกจากราชวงศ์แห่งจิ่วโจวก็ขนานนามตัวเองว่า ตระกูลเดอะคิงแห่งจิ่วโจว
ดังนั้น ถ้าสี่ตระกูลเดอะคิงหรือห้าราชวงศ์ปรากฏตัวมาตอนนี้
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็ตาม มันก็ไม่ใช่ระดับที่แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูจะสามารถเทียบเคียงได้เลย ต่อให้เป็นตระกูลที่อ่อนแอที่สุดในสี่ตระกูลเดอะคิงก็ตาม ก็ยังสามารถกดดันแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้
สำหรับคนทั่วๆไป จะรู้แค่ว่าแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูนั้นเป็นตระกูลที่อยู่บนจุดสูงสุดของจิ่วโจว แต่มีเพียงคนระดับแปดประตูแห่งเยี่ยนตูเท่านั้นถึงจะรู้ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลเดอะคิงกับราชวงศ์แล้ว แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูนั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ส่วนเรื่องฐานะที่แท้จริงของแม่อวี๋เหวินปิงนั้น หยางเฉินได้รู้มานานแล้ว
เพียงแต่ มันไม่ใช่ตระกูลราชวงศ์ที่อวี๋เหวินปิงพูดถึง แต่เป็นหนึ่งในสี่ของตระกูลเดอะคิงเท่านั้น
แววตาของหยางเฉินเย็นเยือกราวกับหิมะ ไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว มีเพียงจิตสังหารอันแรงกล้าที่พลุกพล่านไปมา
“แล้วคุณรู้รึเปล่า ว่าผมเป็นใคร?”
จู่ๆ หยางเฉินก็ได้ถามออกมา
ทันทีที่หยางเฉินได้จัดการกับมือปืนที่เขาพามาไปอย่างรวดเร็วนั้น อวี๋เหวินปิงก็รู้ตัวแล้วว่าหยางเฉินต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
ในตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ในใจของของอวี๋เหวินปิงก็เหลือแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น
เขาไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของหยางเฉิน แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่า ต่อให้เป็นแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็ไม่สามารถทำอะไรหยางเฉินได้ ไม่อย่างนั้นอวี๋เหวินเกาหยางคงไม่มาอ้อนวอนหยางเฉินหรอก