The king of War - บทที่ 568 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
จากนั้นเธอก็เกาะแขนของหม่าชาวแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ!”
หยางเฉินกับฉินซีก็จับมือกันแล้วเดินออกไปพร้อมกัน
จนกระทั่งพวกเขาออกไปจนหมด หลินเจียวจึงจะลุกขึ้นอย่างน่าสมเพชละกัดฟันพูดว่า “อ้ายหลิน ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่!”
เมื่อพูดจบ เธอก็หันเดินจากไปโดยที่ไม่คำนึงถึงเถียนซินหยู่เลยแม้แต่น้อย
เหล่าพนักงานร้านค้าก็ตกใจกันหมด เพราะหลินเจียว เถียนซินหยู่ถึงต้องถูกหักแขนและขา แต่หลินเจียวกลับไม่สนใจแฟนและทิ้งให้อยู่ตามลำพังแบบนี้?
ส่วนหยางเฉินทั้งสี่คนก็ออกจากร้านเสื้อผ้านั้นไปแล้ว
“พี่อ้ายคะ ผู้ชายเมื่อกี้เขาคือคนของตระกูลเถียนจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเลยนะ ถ้าทำกับเขาแบบนี้ พวกเขาจะมาหาเรื่องตระกูลอ้ายไหม?”
ระหว่างทางกลับ ฉินซียังคงรู้สึกหวาดผวาและถามอย่างกังวล
แต่อ้ายหลินยิ้มตอบว่า “ทหารมาก็ใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน อีกอย่างแฟนของเธอก็เก่งขนาดนี้ แค่ตระกูลเถียนจะกลัวทำไมล่ะ?”
“พี่เฉิน ฉันพูดถูกไหม? ถ้าตระกูลเถียนมาหาเรื่องตระกูลอ้ายจริงๆ คุณคงไม่ยืนดูนิ่งๆ หรอกใช่ไหม?” อ้ายหลินถามด้วยรอยยิ้ม
หยางเฉินส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลือก “ทำไมผมเหมือนถูกระรานยังไงไม่รู้แหะ?”
ในขณะที่พูดอยู่ เขาก็มองไปที่หม่าชาวที่กำลังขับรถอยู่
หม่าชาวดูเหมือนจะรู้สึกบางอย่าง เขาจึงผงะไปและอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “พี่เฉิน พี่คงไม่ได้คิดว่าผมกับพี่อ้ายกำลังรวมหัวกันระรานพี่อยู่นะ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ? ตอนนี้เอ็งมีแฟนก็ทิ้งพี่ชายแล้ว พี่ชายจะไปสำคัญกว่าแฟนได้ไง ว่าไหม?”
หยางเฉินยิ้มพูด
“พี่เฉิน ผมสาบานว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลยนะครับ ผมกับอ้ายหลินไม่เคยคิดจะระรานพี่เลยนะ……”
หม่าชาวรีบอธิบายและอ้ายหลินก็ตีหน้าซื่อต่อ “หม่าชาว นี่คุณหมายความว่าไง? หรือคุณคิดว่าคู่หมั้นของคุณไม่สำคัญเท่าพี่เฉิน?”
“อ้ายหลิน ผมเปล่านะ ผม……ผม……”
หม่าชาวกำลังจะอธิบาย แต่เขาก็ตระหนักว่าสิ่งที่เขาจะพูดนั้นล้วนผิดไปหมด และมันก็ทำให้เขาถึงกับเหงื่อแตก
“ฮ่า ๆ……”
อ้ายหลินอดขำไม่ได้แล้ว และหยางเฉินกับฉินซีก็หัวเราะออกมา
และในขณะนี้ หม่าชาวถึงรู้ตัวว่าเขากำลังถูกอำอยู่
แต่จากนั้น สีหน้าของอ้ายหลินก็กลับคืนสู่ปกติ และเธอพูดอย่างจริงจังว่า “คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะ ชาตินี้ ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากใจระหว่างการที่จะเลือกฉันกับพี่เฉิน”
“เพราะสำหรับคุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือพี่เฉินก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ โดยเฉพาะพี่เฉินที่เคยช่วยชีวิตคุณมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว”
“หรือจะบอกได้ว่า ถ้าไม่มีพี่เฉิน คุณคงตายในสนามรบไปนานแล้ว!”
“ในเมื่อฉันเลือกที่จะอยู่เคียงข้างคุณ ฉันนั้น ชาตินี้เราก็เป็นทหารของพี่เฉิน!”
อ้ายหลินพูดอย่างจริงจัง ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น หม่าชาวก็ดูจริงจังและในขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก
ฉินซีเองก็รู้สึกซาบซึ้งไปด้วย ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดง เธอรู้ดี การที่คนอย่างอ้ายหลินกับหม่าชาวจะภักดีต่อหยางเฉินขนาดนี้ หยางเฉินต้องแลกมาด้วยชีวิตของเขา
แม้เธอจะไม่รู้ว่าหยางเฉินต้องเจออะไรในชายแดนเหนือ แต่เธอรู้ดีว่าห้าปีที่หยางเฉินเป็นทหารในชายแดนเหนือเขาต้องลำบากอย่างแน่นอน
ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์ที่ยากลำบากของเขา ปัจจุบันเขาจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างไร?
หยางเฉินยิ้มพูด “เอาล่ะ อย่าพูดให้หนักใจกันอีกเลย พี่อ้าย คุณไม่คิดจะโทรหาตระกูลอ้ายของคุณหน่อยเหรอ? เมื่อกี้หม่าชาวเพิ่งหักแขนขาทายาทของตระกูลเถียนไปนะ”
อ้ายหลินยิ้มพูดอย่างขมขื่น “ฉันว่าตระกูลอ้ายน่าจะรู้แล้วล่ะ? ฉันเดาว่าอีกไม่เกินห้านาทีเขาก็จะโทรหาฉันละ”
ทันทีที่พูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“พ่อของฉัน!”
อ้ายหลินมองไปที่โทรศัพท์อย่างจำใจ
“พ่อคะ มีอะไรหรือเปล่า?”
อ้ายหลินถามในสาย
“ไอ้ลูกสาวดื้อรั้น เธอกลับมาที่บ้านด่วนเลยนะ!”
เสียงตะคอกของอ้ายหมิงซวี่พ่อของอ้ายหลินได้ดังขึ้นในสาย
“พ่อคะ พวกเขามาหาเรื่องหนูก่อนนะ มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?” อ้ายหลินอธิบาย
“คนตายแล้ว เธอยังกล้ามาถามว่ามันรุนแรงไหมงั้นเหรอ?”
อ้ายหมิงซวี่ตะคอกด้วยความโมโห “ภายในสิบนาที เธอกลับมาให้ถึงนะ ไม่อย่างนั้นเธออย่ากลับมาบ้านตระกูลอ้ายอีก!”
เมื่อพูดจบอ้ายหมิงซวี่ก็ตัดสายทิ้งทันที
อ้ายหลินได้แต่จ้องโทรศัพท์อย่างงุนงงและด้วยสีหน้าว่างเปล่า “เถียนซินหยู่ ตายแล้ว!”
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเถียนซินหยู่จะตายหลังจากที่พวกเขาออกมาได้ไม่นาน
หม่าชาวที่ได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกตกใจมาก “ผมแค่หักแขนขาของเขา คงไม่ถึงแก่ชีวิตหรอกนะ!”
ส่วนฉินซีเพิ่งได้สัมผัสกับแวดวงที่แท้จริงของหยางเฉิน ในขณะนี้ เธอหน้าซีดและพูดพึมพำว่า “ตายเลยเหรอ?”
ในโลกของเธอ การฆ่าคนนั้นอยู่ห่างไกลจากวิถีชีวิตของเธอมาก แต่ในวันนี้มันกลับเกิดขึ้นใกล้ตัวเธอ
อ้ายหลินขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ตระกูลเถียนคือหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ถ้าทายาทของพวกเขาตายจริงๆ พวกเขาต้องมาหาตระกูลอ้ายถึงที่แน่ ครั้งนี้คงต้องเพิ่งคุณแล้วล่ะ”
อ้ายหลินมองไปที่หยางเฉิน
แม้เธอจะเป็นคนของตระกูลอ้าย แต่เธอต่อต้านการแต่งงานเพื่อครอบครัวของเธอมาก และที่ผ่านมาเธอได้แต่ตั้งใจทำงานในสายอาชีพการแพทย์ของเธอ ซึ่งไม่ค่อยได้สนใจเรื่องราวของตระกูลอ้ายมากนัก
แต่ในครั้งนี้ คนที่ตายคือคนของตระกูลเถียน ดังนั้นด้วยอิทธิพลของตระกูลอ้ายเพียงลำพังคงไม่อาจต่อกรกับตระกูลเถียนได้
อีกอย่าง แม้สาเหตุการตายของเถียนซินหยู่คือหม่าชาว แต่ความเป็นจริงแล้วก็คือเรื่องความคับข้องใจระหว่างเธอกับหลินเจียวเท่านั้น
ดังนั้น ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นเพราะเธอ และเธอต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุด
แต่สำหรับหยางเฉินแล้ว ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ที่ดีของเขากับอ้ายหลิน แค่ความสัมพันธ์ของเขากับหม่าชาว เขาก็ทนนิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
“เรื่องนี้เป็นความผิดของตระกูลเถียนอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าตระกูลเถียนยอมจบเรื่องนี้ เราก็แล้วไป แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมจบ ผมก็จะถามพวกเขาเหมือนกันว่าเรื่องที่พวกเขาพยายามฆ่าน้องชายผมจะเอายังไง?” หยางเฉินพูดขึ้น
“ขอบคุณมากนะ!”
อ้ายหลินยิ้มพูดต่อ “งั้นฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”
“พี่เฉิน ผมขอส่งอ้ายหลินกลับไปนะครับ!” หม่าชาวพูด
หยางเฉินยิ้มตอบ “มีแฟนก็ลืมพี่ชายนะ รีบไปเถอะ!”
ในขณะนี้พวกเขาได้เดินทางไปที่บ้านใหม่ในเยี่ยนตูของหยางเฉินแล้ว หลังจากที่หยางเฉินกับฉินซีลงจากรถ หม่าชาวก็ส่งอ้ายหลินกลับไป
“ที่รัก เรื่องนี้คงไม่กระทบต่องานแต่งของหม่าชาวกับพี่อ้ายใช่ไหม?”
ฉินซีถามด้วยความเป็นห่วง
หยางเฉินส่ายหัวตอบ “ไม่ต้องห่วงนะ งานแต่งของพวกเขาจะจัดขึ้นในปลายปีนี้อย่างแน่นอน!”
แต่ในใจเขากลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
ในเยี่ยนตู สำหรับครอบครัวใหญ่อย่างตระกูลอ้ายนั้น พวกเขามักจะให้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของครอบครัว
ซึ่งในวันนี้ เหตุผลที่ตระกูลอ้ายยินยอมและสนับสนุนให้หม่าชาวกับอ้ายหลินแต่งงานกัน ก็เพราะพวกเขาเห็นถึงภูมิหลังที่ทรงอิทธิพลของหม่าชาว และพูดเขาก็เข้าใจด้วยว่ามีคนที่น่ากลัวอย่างหยางเฉินอยู่เบื้องหลังด้วย
หากวันหนึ่งมีคนสัญญาจะให้ผลประโยชน์ที่มากกว่านี้ ตระกูลอ้ายจะไม่ลังเลที่จะยุติและยกเลิกงานแต่งของอ้ายหลินกับหม่าชาวโดยทันที
ในเวลาเดียวกัน ศพร่างหนึ่งนอนอยู่ภายในคฤหาสน์หลังหนึ่งในพื้นที่ของคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งด้วยสไตร์คลาสสิก
ซึ่งด้านในคฤหาสน์นั้น ยังมีผู้คนมากมายที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ