The king of War - บทที่ 590 ที่รักเขาตบฉัน
หยางเฉินไม่รู้ว่าฉินซีกลับมาที่นี่ได้อย่างไร ดังนั้นจึงพูดสั่งลั่วปิงว่า “นายเข้าไปก่อน!”
“ครับ!” ลั่วปิงหมุนตัวเข้าไปในห้องประชุมแล้ว
หยางเฉินยังไม่ได้เดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงที่หยอกล้อของผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มคนนั้นดังขึ้น “ฉินซี ซานเหอกรุ๊ปเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ทำไมมีสิทธิ์มาประมูลแข่งขันกับบริษัทใหญ่พวกนั้นที่เมืองเยี่ยนตูได้ล่ะ?”
“จะว่าไป ไม่มีบัตรเชิญ เดิมทีเข้าไม่ได้นะ เธอมาเสียเที่ยวเปล่าๆ ทำไมกันล่ะ? ฉันขอเตือนเธอนะว่ากลับไปอยู่บ้านเกิดจะดีกว่า เมืองเยี่ยนตูไม่ใช่ใครก็มีสิทธิ์มากันได้” ได้ยินคำพูดของผู้หญิงสวยหยาดเยิ้ม ฉินซีสีหน้าดูแย่มาก พูดเสียงเย็นชา “ฉันมีสิทธิ์มาที่เมืองเยี่ยนตูหรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอมั้ง?”
“แน่นอนว่าไม่เกี่ยว นี่ไม่ใช่ว่าฉันเป็นห่วงเธอจะทำเกินตัวจนอัปยศอดสู เลยเตือนเธอเอาไว้ล่วงหน้าก่อนสักหน่อยเหรอ?”
ผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มหัวเราะชอบใจพูดว่า “ฉันก็แค่นิสัยตรงไปตรงมา ฉินซีเธออย่าถือสากับฉันนะ!”
ผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มชื่อว่าหลิวเถียน เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับฉินซี เป็นคนที่เมืองเยี่ยนตู
สมัยที่อยู่มหาวิทยาลัย ยังเป็นเพื่อนร่วมห้องพักในมหาวิทยาลัยกับฉินซีด้วย ให้ความสำคัญกับการแต่งหน้ามาก ไม่แต่งหน้าก็ไม่สามารถออกจากหอพักได้
เกือบจะทุกวัน แค่เวลาที่ใช้ไปกับการแต่งหน้า อย่างน้อยต้องสองชั่วโมง
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีความมั่นใจในตัวเองมาก มักรู้สึกว่าตนเองถึงเป็นคนที่สวยที่สุด
ดังนั้นในใจจึงแฝงความคิดอิจฉาต่อฉินซีที่เกิดมาสวยโดยธรรมชาติมาโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องใดล้วนอยากเปรียบเทียบกับฉินซี
“ฉินซี ได้ยินว่าเธอแต่งงานแล้ว? ยังมีลูกแล้วด้วย?”
“นี่เธอไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเลยนะ ไม่ว่ายังไง ก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาสมัยเรียนสี่ปี เธอแต่งงานก็ไม่ชวนฉันไป”
“ถ้าไม่ใช่ฉันรู้มาจากปากคนอื่นว่าเธอแต่งงานแล้ว ก็คงไม่รู้เลยล่ะ!”
เห็นได้ชัดว่าหลิวเถียนมีเจตนาร้าย ในสายตายังมีการยั่วยุระดับหนึ่ง ยิ้มกริ่มถามว่า “ฉันได้ยินคนพูดว่า สามีของเธอเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน กินดื่มล้วนพึ่งเธอเลี้ยงดู? คงไม่ใช่เรื่องจริงมั้ง?”
ฉินซีกำลังอยากจะอธิบาย หลิวเถียนก็พูดต่อไปอีก “ใช่แล้วฉินซี เกือบลืมแนะนำให้เธอรู้จักเลย คนนี้คือซุนกว่างคู่หมั้นของฉัน เขาเป็นคนของตระกูลซุน หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเลยนะ!”
ซุนกว่างดูขึ้นมาเหมือนอายุสี่สิบแล้ว ถึงแม้ไม่ได้มากมายนัก แต่ว่าก็หัวล้านแล้ว หน้ามันเยิ้มเต็มไปหมด มองแล้วยังเป็นพวกมั่วโลกีย์เกินควร
เวลานี้ ดวงตาที่หดหู่คู่หนึ่ง จ้องฉินซีอย่างเร่าร้อน
“สวัสดีครับ คนสวย!”
ซุนกว่างยื่นมือข้างหนึ่งออกไปยังฉินซีก่อน
ฉินซีขมวดคิ้วแน่น ไม่ได้ยื่นมือไป แต่ว่าพูดจาเรียบๆ “สวัสดีค่ะ!”
เห็นฉินซีไม่ได้ยื่นมือออกมา ในสายตาซุนกว่างมีความไม่พอใจนิดๆ แวบผ่าน หรี่ตาบอกว่า “คนสวย ตระกูลซุนของฉันอยู่ที่เมืองเยี่ยนตู ยังมีอำนาจในการพูดอยู่มาก ถ้าเธอมีอะไรตรงไหนต้องการฉันให้ช่วยเหลือ เอ่ยปากมาได้ทันที”
ตามมาด้วย เขาพูดเสริมอีก “โดยเฉพาะ เธอกับคู่หมั้นฉันเป็นเพื่อนสมัยเรียนกัน”
สีหน้าหลิวเถียนจึงดูดีขึ้นมามาก กอดแขนของซุนกว่างเอาไว้อย่างแนบชิดมาก พูดจาแบบหวานชื่น “ที่รัก คุณดีจังเลย! จุ๊บ!”
ขณะพูด ยังจูบหน้ามันเยิ้มของซุนกว่างไปทีหนึ่งด้วย
“ฉินซี ฉันบอกเธอไว้นะ ที่สามีฉันมาวันนี้ เป็นตัวแทนของตระกูลซุนมา เมืองเยี่ยนตูเขตชานเมืองทิศใต้มีที่ดินผืนหนึ่ง เป็นที่จะประมูลปิดท้ายในวันนี้ ว่ากันว่าแค่ราคาเริ่มต้นก็ตั้งสองพันล้าน สามีฉันต้องเอาชนะมาให้ได้”
หลิวเถียนทำท่าทางมั่นใจว่าจะชนะได้
“งั้นขอให้พวกเธอโชคดีนะ!”
ฉินซีเดิมอยากจะสู้สักหน่อย แต่ว่าตอนนี้ เธอไม่อยากโต้เถียงอะไรกับผู้หญิงประเภทนี้ขึ้นกะทันหัน
“ที่รัก!”
ในเวลานี้ เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นฉับพลัน
ตอนที่ฉินซีมองเห็นหยางเฉิน ทำหน้าตกใจ “ที่รัก คุณมาได้ยังไงกัน?”
“ผมมาร่วมการประมูลที่ดินผืนนั้นของเขตชานเมืองทิศใต้เมืองเยี่ยนตู”
หยางเฉินยิ้มตอบไป
ฉินซีตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะเมื่อสักครู่ หลิวเถียนก็พูดว่า ซุนกว่างเป็นตัวแทนตระกูลซุนมาแข่งประมูลที่ดินผืนนี้
“ฉินซี เขาคือสามีที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนนั้นของเธอ?”
ทันใดนั้นหลิวเถียนทำท่าทางอยากหัวเราะแต่กลั้นเอาไว้ ชี้ไปยังหยางเฉินแล้วถามขึ้น
ฉินซีมองหลิวเถียนอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นควงแขนของหยางเฉินไว้แล้ว “เขาคือสามีของฉัน มีปัญหาเหรอ?”
“หึ!”
ในที่สุดหลิวเถียนยังกลั้นไม่ไหว ส่งเสียงหัวเราะออกมา
แกล้งทำท่าทางกลั้นหัวเราะไว้ด้วย เอ่ยปากพูดไปด้วย “สามีเธอยังตลกเสียจริงนะ เขาบอกว่าเขามาเข้าร่วมแข่งประมูลที่ดินผืนนั้นของเขตชานเมืองทิศใต้”
“หรือว่าเขาไม่รู้ว่า ราคาเริ่มต้นของที่ดินผืนนั้น อยู่ที่สองพันล้านเหรอ?”
“แม้แต่บัตรเชิญของงานประมูลเธอยังไม่มี ส่วนเขาเป็นสามีแต่งเข้าบ้านผู้หญิงที่ต้องพึ่งพาเธอเลี้ยงดู เขาจะเอาอะไรไปแข่งประมูลที่ดินผืนนั้น?”
“เดิมทีฉันได้ยินคนอื่นบอกว่าสามีเธอคือพวกสวะ ยังสงสัยอยู่บ้าง ด้วยสายตาของเธอ ทำไมถึงสนใจสวะคนหนึ่งได้? วันนี้พอได้เจอ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
พูดจบ หลิวเถียนอดไม่ไหวหัวเราะเสียงดังขึ้นมา รอยยิ้มดูเกินความจริงไปมาก
หยางเฉินขมวดคิ้วแล้ว หรี่ตามองหลิวเถียนทีหนึ่ง
ฉินซีก็สีหน้าอึมครึมเช่นกัน พูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “หลิวเถียน เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เรียนที่เดียวกันมา ฉันจะไม่ถือสาหาความกับเธอ แต่เธอไม่สามารถเหยียดหยามสามีฉันได้ ตอนนี้เธอรีบขอโทษเขาซะ!”
เมื่อสักครู่ หลิวเถียนพูดมากขนาดนั้น ฉินซีสามารถทนรับได้ แต่ว่าตอนนี้หลิวเถียนเหยียบย่ำหยางเฉิน เธอทนไม่ไหวแล้ว
“ฉันไม่ได้พูดอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ?”
หลิวเถียนไม่เสแสร้งแล้ว หัวเราะเยาะ “ฉินซี เธอโง่หรือเปล่า? ให้ฉันไปขอโทษสวะคนหนึ่ง?”
ฉินซีโมโหจนใกล้จะบ้าแล้ว
“ที่รัก ตอนนี้คุณอยากจะตบหล่อนสักทีใช่ไหม?” หยางเฉินถามขึ้นกะทันหัน
ฉินซีพยักหน้าโดยจิตใต้สำนึก แต่ว่าไม่นานก็มีสติกลับมา รีบพูดทันที “หยางเฉิน คุณอย่าทำอะไร……”
“ป้าบ!”
เพียงแต่เธอพูดออกมาสายไปเสียแล้ว ชั่วขณะที่เธอพยักหน้านั้น หยางเฉินก็พุ่งเข้าไปทางหลิวเถียน ตบบนหน้าของหลิวเถียนไปทีหนึ่ง
“แก แกไอ้สารเลว นึกไม่ถึงกล้ามาตบหน้าฉัน!”
มุมปากหลิวเถียนมีรอยเลือดออกนิดหน่อย ชี้หน้าหยางเฉินตะโกนด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ
หยางเฉินพูดจาเรียบเฉย “เธอปากเสียเกินไป สั่งสอนเธอเล็กน้อยก่อน ถ้ายังกล้าไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวอีก งั้นก็ได้เพียงให้บทเรียนที่ใหญ่กว่านี้กับเธอ”
หลิวเถียนกำลังอยากจะแสดงอารมณ์ ทันใดนั้นก็สบสายตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้นของหยางเฉินเข้าพอดี หล่อนตกใจจนรีบเก็บคำพูดที่ยังไม่ได้พูดออกมากลับไปทันที ในสายตายังมีความหวาดกลัวระดับหนึ่ง
“ที่รัก เขาตบฉัน!”
หลิวเถียนกอดแขนของซุนกว่างไว้ ร้องไห้พลางพูดขึ้น
บนหน้าซุนกว่างไม่มีหวั่นไหวสักนิด หรี่ตาจ้องหยางเฉิน พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ไอ้หนุ่ม แกตบผู้หญิงของฉันแล้ว ฉันต้องการคำอธิบายของแก ไม่เกินไปหรอกมั้ง?”
“แกอยากจะเอาคำอธิบายอะไร?” หยางเฉินถามแบบเสียงเย็นชา
สายตาที่ชั่วร้ายของซุนกว่าง มองฉินซีแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดจาแบบความหมายลึกล้ำ “ให้ผู้หญิงของแกมาอยู่เป็นเพื่อนฉันคืนหนึ่ง ฉันจะคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้”
“ที่รัก เขาตบคู่หมั้นของคุณนะ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?” หลิวเถียนทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“หุบปาก!”
ซุนกว่างตะคอกใส่ ทำเอาหลิวเถียนตกใจสั่นทั้งตัว ไม่กล้าพูดอะไรอีก หน้าดูไม่ได้รับความเป็นธรรมเต็มที่
แวบแรกที่มองเห็นฉินซี ซุนกว่างก็เกิดเจตนามักมากขึ้นแล้ว ตอนนี้หยางเฉินตบหน้าหลิวเถียน เป็นโอกาสของซุนกว่างพอดี
“นี่แกกำลังวอนหาที่ตาย!”
แรงอาฆาตแค้นในสายตาหยางเฉินเปล่งประกาย พูดจาเย็นชา “ฉันเตือนแกว่า โทรศัพท์หาซุนซวี่ก่อนจะดีกว่า”