The king of War - บทที่ 593 เสียใจก็สายไปแล้ว
พอได้ยิน ซุนกว่างสับสนถึงที่สุดแล้ว คุกเข่าแทบเท้าซุนซวี่โดยตรงก่อนจะขอร้องอ้อนวอนขึ้นมา “เจ้าบ้านครับ ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ครับ ขอคุณให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมไปจากตระกูลซุนไม่ได้จริงๆ ครับ!”
“ตอนนี้ผมยังมีหนี้บ้านสามล้าน ถ้าไปจากตระกูลซุนแล้ว จ่ายคืนไม่ไหวจริงๆ ครับ!”
“เดี๋ยวผมต้องแต่งงานแล้วด้วย ไม่มีโอกาสทำงานที่ตระกูลซุน ผมจะแต่งงานยังไงครับ?”
ซุนซวี่พูดอย่างโมโห “หุบปาก! แกกล้าพูดจาเหลวไหล ฉันจะเอาแกไปให้ปลากิน!”
คนชั่วยังต้องเอาคนชั่วกว่ามาจัดการ ซุนกว่างรีบหุบปากลงทันที
เขากลอกลูกตาวนรอบหนึ่ง ตบหน้าหลิวเถียนไปอีกทีหนึ่ง “เพราะแกนังโง่คนนี้ ถ้าไม่ใช่แกล่วงเกินคุณฉินเข้า ฉันจะโดนไล่ออกจากตระกูลซุนยังไง?”
“แกยังไม่รีบไปขอให้คุณฉินอภัยให้อีก ขอให้เธอช่วยแกขอร้องเจ้าบ้านซุน?”
หลิวเถียนรีบอ้อนวอนทางฉินซีอีกครั้ง “ฉินซี ในเมื่อเจ้าบ้านซุนฟังคำพูดของคุณหยางขนาดนี้ เธอก็ช่วยขอร้องให้ฉันหน่อยเถอะ!”
“ขอเพียงคู่หมั้นฉันไม่ถูกไล่ออกจากตระกูล ต่อไปเธอก็คือผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ของฉัน ฉันจะปฏิบัติต่อเธออย่างดีแน่”
“เธอเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่พวกเราเคยเรียนที่เดียวกันมาสี่ปีนะ ช่วยฉันอีกครั้งเถอะ!”
ครั้งนี้ ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว ในสายตาไม่พอใจอยู่บ้างอย่างชัดเจน
สุภาษิตว่าเอาไว้ถูกแล้ว ให้โอกาสครั้งแรกครั้งที่สองไม่มีครั้งที่สามอีก เธอได้ขอร้องเพื่อหลิวเถียนไปสองครั้งแล้ว สองคนนี้ยังไม่ยอมพอแบบคาดไม่ถึง
“หลิวเถียน เธอยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่ได้ทวงหาความรับผิดชอบของเธอ แต่กลับช่วยขอร้องให้เธอสองครั้ง เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ถึงช่วยเหลือเธอ ตอนนี้เป็นเจ้าบ้านซุนอยากลงโทษพวกเธอ ไม่เกี่ยวกับฉัน!” ฉินซีพูดอย่างไม่พอใจ
“ฉินซี เธอเห็นคนเดือดร้อนแล้วจะไม่ช่วยจริงๆ เหรอ?”
น้ำเสียงของหลิวเถียนเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดีขนาดเมื่อสักครู่นั้น พูดจาแบบโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ถ้าไม่ใช่เธอ พวกฉันจะโดนเจ้าบ้านซุนลงโทษได้ยังไงกัน?”
“ฉันไม่สน เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะเธอ ต้องเป็นเธอมาแก้ไขมัน วันนี้เธอช่วยก็ช่วย ไม่ช่วยก็ต้องช่วย!”
ฉินซีโกรธไม่เบา เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าใจ“ได้คืบจะเอาศอก”ตามความเป็นจริงว่าเป็นแบบไหนกัน
เธอมองข้ามความขุ่นเคืองในอดีต และพูดแทนหลิวเถียนสองครั้งแล้ว
ปัจจุบันนี้ สิ่งที่ได้กลับมาคือความหยาบคายและการไม่สำนึกบุญคุณเช่นนี้
“ที่รัก ตอนนี้คุณรู้แล้วสินะ ทำไมตอนแรกผมไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป?”
หยางเฉินจับมือของฉินซีไว้ พูดด้วยท่าทางอ่อนโยน “นี่คือความโลภของมนุษย์ ตอนที่คุณตกอับ ไม่ว่าใครก็อยากเหยียบย้ำซ้ำเติมคุณให้หนัก แต่รอเมื่อคุณก้าวหน้า ก็เข้ามาใกล้ก่อนเอง และเรียกร้องเอาจากคุณ”
“ถ้าพวกเขาได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการ คุณก็เป็นคนดี ถ้าไม่ได้ คุณก็เป็นคนเลว”
“คนเราทิ้งจิตใจที่ดีงามไปไม่ได้ แต่ว่าจะใจดีกับทุกคนก็ไม่ได้อีก เพราะบนโลกใบนี้ มีคนที่เหมือนพวกไร้ยางอายสองคนนี้อยู่มากมาย”
หยางเฉินพูดมาถึงตอนสุดท้าย ในสายตามีความคมกริบนิดๆ แวบผ่าน
นี่เองฉินซีถึงเข้าใจขึ้นทันที เพราะเหตุนี้ตอนแรกหยางเฉินถึงรับปากคำขอร้องของเธอ คืออยากให้เธอเห็นด้านอัปลักษณ์ของหลิวเถียนและซุนกว่างชัดเจน
“ที่รัก ฉันเข้าใจแล้ว คุณสบายใจได้เลย ต่อไปนี้ ความใจดีของฉัน มีให้เพียงคนที่คุ้มค่าต่อฉันเหล่านั้นเท่านั้น” ฉินซีพูดด้วยท่าทางจริงจัง
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นมองทางซุนซวี่แล้วบอกว่า “สองคนนี้ อยากจะจัดการอย่างไร แล้วแต่นาย!”
พูดจบ หยางเฉินจับมือของฉินซีไว้ เดินไปยังโรงแรมเยี่ยนตู
พนักงานต้อนรับที่หน้าประตู ตอนที่มองเห็นหยางเฉินยื่นบัตรเชิญออกมา ท่าทางเคารพนบนอบ รีบพูดทันที “ยินดีต้อนรับคุณลูกค้าผู้มีเกียรติค่ะ เชิญพวกคุณทางนี้ค่ะ!”
ภายใต้การนำทางของพนักงานต้อนรับ หยางเฉินและฉินซีเข้าสู่ห้องประมูลอย่างราบรื่น
ด้านหลังยังมีเสียงร้องไห้ตะโกนขอโทษของหลิวเถียนลอยมา เพียงแต่ครั้งนี้ ฉินซีไม่ได้ใจอ่อนเมตตาไปแต่อย่างใดอีก ต่อให้ซุนซวี่อยากฆ่าหลิวเถียน ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอทั้งนั้น
“เอาพวกโง่สองคนนี้ หักแขนขาจนพิการก่อน จากนั้นบอกครอบครัวของพวกมันให้มารับไป จำกัดเวลาพวกมันภายในสามวัน ให้ทั้งครอบครัวพาเจ้าโง่สองคนนี้ ไสหัวออกไปจากเมืองเยี่ยนตู!”
ซุนซวี่สั่งการกับบอดี้การ์ดสองคนที่ด้านหลัง
“เจ้าบ้านครับ ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ครับ”
“ว่าตามแบบนั้นที่ท่านพูดก่อนหน้านี้ ผมกับหลิวเถียนจะไสหัวไปจากเมืองเยี่ยนตูเดี๋ยวนี้ ชาตินี้จะไม่เหยียบเข้ามาที่เมืองเยี่ยนตูอีกเด็ดขาดครับ”
“พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
ซุนกว่างรีบบอกทันที หมุนตัวอยากจะออกไป
“อยากไปตอนนี้ ก็สายไปแล้ว!”
ซุนซวี่พูดจาเย็นชา โบกมือขึ้นโดยตรง “ลงมือ!”
ไม่นาน หน้าประตูโรงแรมเยี่ยนตูที่กว้างโล่ง มีเสียงร้องคำรามที่น่าเวทนาสองเสียงดังขึ้น
หลังจากหยางเฉินพาฉินซีเข้าไปในงานประมูล การประมูลที่ดินเพิ่งจะเริ่มต้น ผู้จัดประมูลเดินขึ้นเวลาแล้ว
“พี่เฉิน ทางนี้ครับ!”
ลั่วปิงโบกมือไปยังหยางเฉินแล้ว
“สวัสดีครับคุณฉิน!”
รอหยางเฉินและฉินซีเดินเข้ามา ลั่วปิงรีบกล่าวทักทายอย่างเคารพ
ฉินซีพยักหน้านิดหน่อย “สวัสดีค่ะประธานลั่ว!”
ในใจฉินซีทอดถอนใจครู่หนึ่ง ช่วงเวลานั้นที่หยางเฉินเพิ่งกลับมาเจียงโจว ฉินซีเพื่อจะสร้างเครือข่ายกับลั่วปิงให้ได้ เปลืองแรงไปมากมาย แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
ปัจจุบันนี้ ลั่วปิงอยู่ต่อหน้าเธอ เคารพนอบน้อมถึงเพียงนี้
แน่นอนเธอรู้ว่า ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะผู้ชายข้างกายตนเองคนนี้
ในเวลานี้เอง การประมูลเริ่มต้นแล้ว!”
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน สวัสดียามบ่ายครับ ผมเป็นผู้จัดประมูลในวันนี้……”
ผู้จัดประมูลแนะนำตนเองก่อนแล้ว จากนั้นถึงเริ่มแนะนำสภาพรายละเอียดของที่ดินผืนแรก
“ที่คุณมา เพื่อประมูลเหรอ?”
หยางเฉินสอบถามเสียงเบาๆ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่หน้าประตู ฉินซีถูกหลิวเถียนหัวเราะเยาะ ก็เพราะฉินซีอยากจะเข้างานประมูล แต่ว่าไม่มีบัตรเชิญ
ฉินซีพยักหน้านิดหนึ่ง เอ่ยปากบอกว่า “ฉันคิดจะเอาสำนักงานใหญ่ของซานเหอกรุ๊ป ย้ายมาที่เมืองเยี่ยนตู เลยอยากซื้อที่ดินผืนหนึ่งก่อน ถือว่าเป็นก้าวแรกของซานเหอกรุ๊ปก้าวสู่เมืองเยี่ยนตู”
ซานเหอกรุ๊ปเดิมทีบุกเบิกด้านที่ดินและสิ่งก่อสร้างเป็นหลัก ฉินซีอยากบุกเข้าสู่เมืองเยี่ยนตู จึงต้องเตรียมตัวให้ดีจริงๆ
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “เขตชานเมืองทิศใต้ที่ดินผืนนั้น ผมตัดสินใจจะเอาชนะมาให้ได้แน่นอน คุณสามารถเลือกที่ดินเลขที่8 ระยะห่างจากเขตชานเมืองทิศใต้ใกล้ที่สุดได้”
ในเมื่อหยางเฉินแน่ใจ อยากพัฒนาเขตชานเมืองทิศใต้ที่ดินผืนนั้นสุดกำลัง สร้างเมืองแห่งหนึ่งขึ้น ย่อมชัดเจนเป็นธรรมดาว่า ที่ดินบริเวณข้างเคียงเขตชานเมืองทิศใต้ ในอนาคต ต้องเป็นที่ดินล้ำค่าผืนหนึ่งแน่นอน
ฉินซีมองหยางเฉินอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง ย่อมรู้สึกถึงอะไรได้แล้ว จึงพยักหน้าไป
“ต่อจากนี้ ที่จะประมูลคือที่ดินเลขที่8 ราคาประมูลเริ่มต้นที่สามร้อยล้าน แข่งประมูลรอบนี้ เริ่มตอนนี้!”
ไม่นาน ผู้จัดประมูลเริ่มการประมูลของที่ดินเลขที่8
“สามร้อยห้าสิบล้าน!”
ผู้จัดประมูลพึ่งพูดจบ มีคนเสนอราคาทันที
“สี่ร้อยล้าน!”
ตามมาด้วย มีคนเสนอราคาอีก
ฉินซีเดิมคิดว่า ที่ดินราคาเริ่มต้นประมูลสามร้อยล้านผืนนี้ ห้าร้อยล้านก็ถึงขีดสุดแล้ว ใครจะรู้ เพียงแข่งประมูลสองครั้ง ก็เพิ่มไปหนึ่งร้อยล้าน
“สี่ร้อยสิบล้าน!”
“สี่ร้อยสามสิบล้าน!”
……
“สี่ร้อยเจ็ดสิบล้าน!”
หลังถึงราคาสี่ร้อยล้าน คนที่เข้าร่วมแข่งประมูล เห็นได้ชัดน้อยลงอยู่มาก
ตอนที่มีคนเสนอราคาสี่ร้อยเจ็ดสิบล้านออกมา ไม่มีเสียงคนอื่นอีก เห็นได้ชัดว่า ราคานี้ สำหรับผู้คนมากมาย ถึงขีดสุดแล้ว กำไรในนั้นก็จะน้อยลงมาก
“ซ่งแซ่กรุ๊ป สี่ร้อยเจ็ดสิบล้าน ขอโทษนะครับ ยังมีใครอยากเสนอราคาแข่งต่อไปหรือไม่?”
ผู้จัดประมูลถามขึ้นเสียงดัง