The king of War - บทที่ 596 คุณชายยี่นัดทานข้าว
หยางเฉินพยักหน้า “เขาไม่ได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราชัดเจนดี ดังนั้นถึงจงใจลองเชิงดู นายบอกไปว่าทำงานให้ฉัน ทำให้เขารู้อะไรทั้งหมดแล้ว”
พอได้ยิน ลั่วปิงทำหน้าตำหนิตนเอง รีบพูดว่า “ท่านประธาน ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว!”
หยางเฉินพูดแบบไม่สนใจ “ไม่เป็นไร! สถานะในตอนนี้ของฉัน ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ไปเถอะ!”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ภายใต้การนำของลั่วปิง หยางเฉินจับมือของฉินซีไว้ เดินไปยังชั้นสูงสุดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสำนักงานใหญ่โดยตรง
ระหว่างทาง ตอนที่ผู้คนมากมายมองเห็นลั่วปิงมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินตามหลังมา ล้วนทำท่าทางตื่นตกใจ
สามารถทำให้ลั่วปิงปฏิบัติเช่นนี้ได้ มีเพียงชายหนุ่มลึกลับคนนั้นที่อยู่เบื้องหลังเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
“ท่านประธาน ในที่สุดก็เอาที่ดินผืนนั้นของเขตชานเมืองทิศใต้มาครองได้ สำหรับการก่อสร้างของเมืองจิ่วโจว ผมทำแผนโครงการไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรก ต่อไปนี้ ผมจะใช้ระดับความเร็วที่สุด ดำเนินการพัฒนาโครงการนี้ครับ”
มาถึงห้องทำงานที่ชั้นบนสุด ลั่วปิงพูดด้วยอารมณ์ฮึกเหิม
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันให้ความสนใจโครงการนี้มาก ต่อไปนี้ การก่อสร้างของเมืองจิ่วโจว ก็คืองานสำคัญที่สุดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป”
ลั่วปิงรีบพูดรับประกัน “ท่านประธานวางใจได้ครับ ภายในสามปี เมืองจิ่วโจวของเขตชานเมืองทิศใต้ รับรองว่าสร้างเสร็จแน่นอนครับ!”
หยางเฉินส่ายหน้า “ที่ฉันต้องการไม่เพียงแค่เมืองหนึ่งแห่งที่เขตชานเมืองทิศใต้ในเยี่ยนตู แต่ว่าเมืองเก้าแห่งในเก้าภูมิภาค เริ่มสร้างพร้อมกัน ภายในสามปี ฉันอยากมองเห็นเมืองจิ่วโจวที่สมบูรณ์แบบทั้งเก้าแห่ง!”
พอได้ยิน ชั่วขณะนั้นลั่วปิงตกใจ “ท่านประธาน ผมแนะนำว่าสร้างที่เดียวก่อนดีกว่า รอเมืองแห่งนี้ที่เยี่ยนตูสำเร็จแล้ว พวกเราค่อยสร้างเมืองที่อื่นอีกครับ”
“ทั้งเก้าแห่ง ก้าวหน้าไปพร้อมกัน!” หยางเฉินพูดอย่างแน่วแน่
ลั่วปิงไม่พูดต่ออีก ในใจรู้สึกประทับใจ นี่คือหยางเฉินเชื่อใจเขา ถึงให้เขาสร้างทั้งเก้าแห่งพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน ภาระบนไหล่ของเขายิ่งหนักอึ้งเพิ่มขึ้นแล้ว
เขารู้แจ่มแจ้งมาก ถ้าเกิดเมืองจิ่วโจวประสบความสำเร็จ อนาคต เมืองจิ่วโจวจะโด่งดังไปทั้งจิ่วโจว ส่วนมูลค่าของทั้งเก้าแห่ง ก็จะพุ่งไปถึงจุดสูงสุด
ถึงแม้ฉินซีจะไม่รู้แผนโครงการโดยรวมของเมืองจิ่วโจว แต่ว่าจากการพูดคุยของหยางเฉินและลั่วปิง เธอก็รู้สึกได้ถึงงานก่อสร้างอลังการของโครงการนี้
ในใจเธอเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ จนกระทั่งวินาทีนี้ เธอถึงสำนึกได้ หยางเฉินร่ำรวยกว่าในจินตนาการเธออย่างมาก
วันนี้เพิ่งจ่ายเงินเจ็ดพันล้านซื้อที่ดินร้อยไร่ของเขตชานเมืองทิศใต้มา ต่อจากนี้ยังอยากสร้างเมืองแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะไม่เพียงแค่เมืองเดียว แต่เป็นเก้าแห่ง
ถ้าเกิดเมืองเก้าแห่งสร้างสำเร็จ จะนำความฮือฮามากมายมาให้ ฉินซีสามารถคาดการณ์ได้เลย
ถึงตอนนั้น เกรงว่าฐานะทางสังคมของหยางเฉิน จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
ตามมาด้วย หลังจากหยางเฉินจัดการงานบางส่วนให้ลั่วปิงแล้ว ถึงพาฉินซีออกไป
“ที่รัก วันนี้คุณสอนให้รู้จักมองคนเป็น และยังพาฉันมาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป แถมอยู่ต่อหน้าฉัน ยังปรึกษาหารือโครงการของเมืองจิ่วโจวกับประธานลั่วด้วย น่าจะมีเหตุผลมั้ง?” ฉินซีถามขึ้นกะทันหัน
หยางเฉินไม่ได้ปิดซ่อน พยักหน้าแล้ว ขับรถไปพลางพูดว่า “คุณเป็นภรรยาของผม ตอนนี้ทุกอย่างที่ผมครอบครอง ล้วนเป็นของพวกเราครอบครองด้วยกัน”
“เมื่อกี้คุณได้ยินแล้ว ต่อจากนี้ ลั่วปิงจะรับผิดชอบการก่อสร้างเมืองจิ่วโจว ผมหวังว่า คุณจะสามารถค่อยๆ รับช่วงเยี่ยนเฉินกรุ๊ป”
“คงมีสักวันหนึ่ง เยี่ยนเฉินกรุ๊ปยังต้องมอบไว้ในมือคุณ”
หยางเฉินพูดด้วยความจริงใจ เห็นได้ชัดว่าวางแผนไว้แต่แรก
ภายในฉินซีตกใจยกใหญ่ เธอนึกไม่ถึงว่า หยางเฉินอยากมอบเยี่ยนเฉินกรุ๊ปมาให้เธอดูแล
สำหรับเธอนั้น เยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็คือยักษ์ใหญ่
“หยางเฉิน คุณไม่ใช่กำลังล้อฉันเล่นหรอกมั้ง?”
ฉินซีพูดอย่างตกใจ “สามารถดูแลซานเหอกรุ๊ปให้ดีได้ ฉันก็รู้จักพอมากแล้ว มอบเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ฉัน ฉันกลัวทำของคุณพัง ไม่ว่ายังไง นี่คือสิ่งเตือนใจเพียงหนึ่งเดียวที่แม่คุณทิ้งไว้ให้คุณบนโลกนี้”
หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย “มีผมอยู่ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปนับวันเพียงจะพัฒนายิ่งดี ด้วยความสามารถด้านธุรกิจของคุณ มีแต่จะเพิ่มความก้าวหน้าของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป”
มองท่าทางจริงจังของหยางเฉิน ฉินซีก็ใจเต้นเร็วมาก สมัยมหาวิทยาลัยเธอก่อตั้งซานเหอกรุ๊ปแล้ว พอจะพิสูจน์ได้ถึง ความสามารถด้านธุรกิจของเธอ
เพียงแค่ เดินมาตลอดทาง ล้วนพึ่งตัวเธอเอง และไม่มีใครนำทางเธอ
เยี่ยนเฉินกรุ๊ปในฐานะกิจการชั้นนำในประเทศ คนมีความสามารถมากมาย ถ้าฉินซีเข้าสู่สำนักงานใหญ่ นับวันเพียงจะยิ่งดีเลิศ
“นอกจากคุณแล้ว ผมยังคิดจะให้พ่อและเสี่ยวยีเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ด้วย มอบบริษัทให้พวกคุณ ผมถึงวางใจได้”
หยางเฉินพูดขึ้นทันใด
สำหรับฉินซีแล้ว ฉินต้าหย่งและฉินยีเป็นความผูกพันทางสายเลือดที่ชาตินี้เธอไม่มีทางละทิ้ง ถ้าต้องเข้ามาสำนักงานใหญ่จริง จำเป็นต้องพักยาวที่เมืองเยี่ยนตู
ถ้าฉินต้าหย่งและฉินยียังอยู่เจียงโจว พวกเขาอยากเจอหน้ากันอีกคงยาก
ฉินซียิ้มกริ่มจ้องหยางเฉินไว้แล้วถามว่า “คุณช่วยฉันแย่งซานเหอกรุ๊ปกลับมา จัดให้เสี่ยวยีมารับผิดชอบที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว และให้พ่อดูแลบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ ก็เพื่อวันนี้ ถูกไหม?”
หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธ หัวเราะแล้ว “นอกจากพวกคุณแล้ว จะมีสักกี่คนกัน ที่ผมสามารถเชื่อใจได้?”
ในใจฉินซีประทับใจ เธอรู้ชัดเจนดี หยางเฉินให้พวกเขาสามคนครอบครัวเข้ามาสู่สำนักงานใหญ่ นี่คือความเชื่อใจมหาศาล
“เรื่องพูดโน้มน้าวเสี่ยวยีกับพ่อ ยกให้คุณแล้วล่ะ” หยางเฉินหัวเราะแล้วบอกอีก
“ได้ค่ะ ท่านประธาน ฉันรับรองว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์ค่ะ!”
ฉินซีพูดจาอย่างจริงจัง
พูดจบ เธอเองก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ หยางเฉินก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาแล้วเช่นกัน
ช่วงบ่าย หยางเฉินอยู่บ้านพักผ่อนเป็นเพื่อนฉินซี ช่วงหนึ่งทุ่ม เขาพาฉินซีไปที่ร้านอาหารจินสุ่ยแล้ว
ถึงแม้คนที่ซ่งหวายี่เชื้อเชิญไปคือหยางเฉิน แต่เพื่อความปลอดภัย หยางเฉินยังพาฉินซีไปอยู่ข้างกายด้วย
ร้านอาหารจินสุ่ย เป็นร้านอาหารห้าดาวระดับชั้นนำของเมืองเยี่ยนตู ตอนที่หยางเฉินและฉินซีมาถึง หน้าประตูก็มีรถหรูสารพัดจอดอยู่เต็ม
“คุณหยาง! คุณฉิน!”
ทั้งสองคนเพิ่งลงรถ เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
ก็คือซ่งหวายี่ เพิ่งลงจากรถเช่นกัน
เพียงแต่ เขาไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังยังมีหนุ่มสาวสามสี่คนตามมาด้วย
หยางเฉินพยักหน้านิดหนึ่ง ถือว่าเป็นการทักทายแล้ว
“ทุกท่าน ท่านนี้คือยอดฝีมือที่ผมอยากแนะนำให้พวกคุณรู้จัก คุณหยาง!”
ซ่งหวายี่หัวเราะแนะนำไปยังหนุ่มสาวเหล่านั้น
“คุณชายยี่ ในบรรดาคนหนุ่มสาวของเมืองเยี่ยนตู ความสามารถของคุณแกร่งที่สุด ในคนรุ่นเดียวกัน ใครจะกล้าเรียกตัวว่ายอดฝีมือต่อหน้าคุณ?”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทำผมเดรดล็อก หัวเราะแล้วพูดขึ้น
“ใช่ด้วย ด้วยความสามารถของคุณชายยี่ ใครกล้าเรียกว่าเป็นยอดฝีมือ?” คนอื่นต่างประจบสอพลอ
ซ่งหวายี่หัวเราะส่ายหน้าแล้ว “พวกคุณนี่คือไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าเหรอ เทียบกับคุณหยาง ผมยังไม่นับว่าเป็นอะไรจริงๆ”
พูดจบ เขาพูดต่อไปอีก “เอาล่ะ ไม่พูดกันแล้ว พวกเราเข้าไปคุยกันดีกว่า”
ภายใต้การนำของซ่งหวายี่ คนกลุ่มหนึ่งตามเข้าไปในร้านอาหาร
ในห้องอาหารที่กว้างใหญ่ หน้าโต๊ะอาหารแบบหมุนขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง รวมทั้งหยางเฉินและฉินซีอยู่ด้านในด้วย มีทั้งหมดแปดคน
เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้ที่ซ่งหวายี่พามา ล้วนสนิทใกล้ชิดกับเขามาก ไม่อย่างนั้นจะถูกเขาพามาทานข้าวได้อย่างไร?
“มา ผมขอเคารพทุกท่านก่อนแก้วหนึ่ง!”
ซ่งหวายี่คึกคักมาก ในฐานะคุณชายตระกูลซ่ง ไม่มีวางมาดสักนิด ลุกขึ้นเทเหล้าเองเลย
ชายหนุ่มสี่ห้าคนนั้น เหมือนเคยชินกันแล้ว ไม่มีใครแย่งทำเช่นกัน
มองเห็นฉากนี้ ความรู้สึกของหยางเฉินมีต่อซ่งหวายี่ กลับเปลี่ยนไปมาก
นอกจากที่งานประมูลก่อนหน้านี้ ตอนพวกเขาจับมือกัน ซ่งหวายี่ใช้แรงลองเชิงดู ซ่งหวายี่ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรเกินเหตุ การแสดงออกกลับมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย