The king of War - บทที่ 607 ข้าไม่ยอมแพ้
และในครั้งนี้ ซ่งหวายี่ก็เริ่มไม่มีความสุข แต่เขาไม่ได้ห้ามการตั้งคำถามของซ่งหวาหย่า
อาต๋าก็มองไปที่หยางเฉินแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าคุณบอกเหตุผลไม่ได้ คุณอย่าโทษผมไม่เกรงใจก็แล้วกันนะ!”
หยางเฉินเหลือบมองอาต๋าด้วยความดูถูกแล้วพูดว่า “คนเก่งจริงไม่ได้อยู่ที่คำพูดหรอกนะ และคุณก็เทียบไม่ได้กับสองคนในสังเวียนด้วยซ้ำ”
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ให้เกียรติกัน เขาก็จะไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันอีก
แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง
แม้จะยังไม่เห็นฝีมือของอาต๋า แต่แค่สัมผัสออร่าในตัวของอาต๋า เขาก็รู้ว่าฝีมือของอาต๋านั้นยังเทียบไม่ได้กับสองคนที่อยู่บนสังเวียน
พูดตามตรง ถ้าเปลี่ยนจากไอ้แผลเป็นมาเป็นอาต๋า ด้วยการโจมตีครั้งแรกของชายหัวล้านเมื่อครู่นี้ก็เพียงพอที่จะชกอาต๋าให้ร่วงลงจากเวทีสังเวียนได้แล้ว
ซึ่งคำพูดของหยางเฉินก็ทำให้อาต๋ารู้สึกโกรธมาก
“รนหาที่ตาย!”
อาต๋ามองไปที่หยางเฉินด้วยความโกรธและอยากลงมือทำร้ายเขา
แม้ซ่งหวายี่ก็ไม่พอใจหยางเฉินเหมือนกัน แต่เขาไม่กล้าปล่อยให้หยางเฉินถูกอาต๋าทำร้าย เพราะเขายังไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของหยางเฉิน
“อาต๋า ไว้หน้าผมสักครั้ง!” ซ่งหวายี่รีบเข้ามาแล้วห้ามอาต๋าไว้
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายยี่ คำพูดของคุณเมื่อครู่นี้เพียงพอที่จะทำให้คุณต้องตายหลายครั้งแล้วล่ะ!” อาต๋าพูดอย่างเย็นชา
ซ่งหวาหย่าก็พูดอย่างไม่เกรงใจกันอีก “ฉันเห็นด้วยกับคำพูดก่อนหน้านี้ของคุณนะ คนเก่งไม่ได้เก่งที่ปาก ในเมื่อคุณพูดได้ แล้วทำไมคุณไม่ขึ้นไปสู้กันที่เวทีสังเวียนล่ะ?”
“พี่ชายฉันมองคุณเป็นเพื่อนนะ คุณไม่ช่วยกันก็แล้วไป แต่ทำไมยังพูดจาเย็นชาขนาดนี้ด้วย?”
“คุณไม่รู้เหรอกว่าพวกเราจะต้องเจอกับอะไรถ้าหากพวกเราแพ้ในครั้งนี้!”
จากนั้นดวงตาของซ่งหวาหย่าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาทันที
หยางเฉินไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของเขาจะทำให้ซ่งหวาหย่าถึงกับร้องไห้ได้
เมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาวคนนี้เขาก็เริ่มใจอ่อน
“ผมขอโทษครับ!”
ทันใดนั้น หยางเฉินก็มองไปที่ซ่งหวาหย่าแล้วขอโทษอย่างจริงใจ
และคำขอโทษของเขาทำให้ซ่งหวาหย่ารู้สึกตกใจมาก
แต่เธอได้แต่ปากน้ำตาแล้วมองไปที่หยางเฉินด้วยสายตาเย็นชาและตอบอย่างโกรธเคืองว่า “ฉันไม่รับคำขอโทษของคุณ!”
หยางเฉินสีหน้าขมขื่นทันที
และในขณะนี้ สถานการณ์บนเวทีสังเวียนได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
หลังจากนักสู้ทั้งสองลองเชิงกัน และตอนนี้ทั้งสองก็ได้ระเบิดพลังออกมาอย่างกะทันหัน
ไอ้แผลเป็นพุ่งไปข้างหน้าแล้วชกไปที่กลางอกของไอ้หัวล้าน
แต่ในขณะที่ไอ้แผลเป็นชกไปที่ไอ้หัวล้านนั้น หมัดของไอ้หัวล้านก็ได้สวนกลับไปที่กลางอกของไอ้แผลเป็นเหมือนกัน
เสียงปะทะอย่างดุเดือดดังขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน
ในวินาทีถัดมา ร่างที่แข็งแกร่งทั้งสองต่างคนต่างถอยกลับไป
ไอ้หัวล้านถอยหลังไปสามก้าว แต่ไอ้แผลเป็นกลับถอยหลังไปห้าก้าว แม้ในครั้งนี้ไอ้แผลเป็นเป็นคนโจมตีก่อนด้วย
เมื่อเห็นแบบนี้ ทุกคนก็สามารถมองเห็นความแตกต่างของฝีมือได้
ไอ้หัวล้านเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะนี้ สีหน้าของซ่งหวายี่ก็กลายเป็นความเคร่งขรึม เพราะถ้าหากไอ้หัวล้านชนะ นั่นหมายถึงคู่ต่อสู้ของเขาจะชนะอีกเกม
สำหรับเขาแล้วมันเป็นข่าวร้ายมาก
และในที่สุดอาต๋าก็เริ่มแสดงความประหลาดใจออกมา พลังที่ทั้งสองคนระเบิดออกมาเมื่อครู่นั้นทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่มาก
เขาแทบจะมั่นใจได้ว่า หากหมัดของไอ้แผลเป็นก่อนหน้านี้ชกมาที่เขา เขาไม่มีทางหลบได้อย่างแน่นอน
และถ้าหากไอ้หัวล้านเก่งกว่าไอ้แผลเป็น เมื่อเขาต้องเจอกับไอ้หัวล้าน เขาคงต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่
“มันก็แค่ถอยหลังไปมากกว่าสองก้าวไม่ใช่เหรอ? ใครจะแพ้ใครจะชนะ ไม่เห็นกับตาแล้วใครจะเดาได้ล่ะ?”
ซ่งหวาหย่าพูดขึ้น แต่น้ำเสียงเธอดูไม่มั่นใจเลย
“ผมรู้สึกท้องไส้ไม่ค่อยสบายหน่อย ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
จู่ ๆ อาต๋ากุมท้องด้วยท่าทางเจ็บปวด แล้ววิ่งออกไปก่อนที่ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าจะตอบกลับ
ซึ่งทำให้ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าถึงกับสับสน
อาต๋าที่เพิ่งเสนอตัวจะช่วยพวกเขาในก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับทำท่าเหมือนหนีไปซะแล้ว
ไม่เหมือนปวดท้องเอาซะเลย?
เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจกับความแข็งแกร่งของไอ้หัวล้านที่แสดงให้เห็นบนสังเวียน
“เสี่ยวหย่า เขาเป็นยอดฝีมือที่เธอหามาเหรอ?” ซ่งหวายี่ถามด้วยสีหน้าขมขื่น
ซ่งหวาหย่าถึงกับทำตัวไม่ถูก ได้แต่มองไปที่อาต๋าที่เพิ่งหนีไปแล้วกระซิบเบาๆ “บางที เขาอาจจะปวดท้องแล้วไปเข้าห้องน้ำจริงๆ ก็ได้นะ?”
ซ่งหวายี่ตอบอย่างหงุดหงิดว่า “ถ้ามันกลับมาจริงๆ พี่เชื่อว่าวัวต้องตาย ควายต้องล้มแน่”
เดิมทีเมื่อเห็นความมั่นใจของอาต๋า ซ่งหวายี่ตั้งความหวังสูงมาก นอกจากนี้ อาต๋าที่เห็นฝีมือของไอ้หัวล้าน เขายังดูถูกไอ้หัวล้านอยู่เลย
ซึ่งมันก็ทำให้ซ่งหวายี่รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะนี้ เมื่อเห็นอาต๋าหนีไป เขาถึงรู้ว่ายิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น
ส่วนซ่งหวาหย่าในขณะนี้ดวงตาแดงก่ำเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา และเธอก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “พี่คะ หนูขอโทษ หนูไม่นึกเลยว่ามันจะขี้ขลาดขนาดนี้”
“ช่างเถอะ โทษเธอไม่ได้หรอก เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ อย่างมากสุดเราก็แค่ออกจากบ้านตระกูลซ่ง ด้วยความสามารถในทางธุรกิจของพวกเรา เราไปถึงไหนก็สร้างผลงานให้สำเร็จได้ ไม่ใช่เหรอ?”
ซ่งหวายี่กอดน้องสาวตัวเองไว้แล้วพูดปลอบโยนด้วยความอ่อนโยน
ซึ่งในระหว่างที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ ไอ้หัวล้านก็เป็นฝ่ายชนะแล้ว ส่วนไอ้แผลเป็นก็เสียชีวิตบนสังเวียนทันทีในสภาพที่น่าสยดสยอง
ที่ประลองส่งเสียงเชียร์โห่ร้องดังขึ้น ณ ขณะนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดก็คือไอ้หัวล้าน
แต่จนถึงตอนนี้ ยังมียอดฝีมือหลายคนที่ยังไม่ได้ขึ้นไปบนสังเวียน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเหล่าคนดูทุกคนกำลังรอคนที่แข็งแกร่งกว่าขึ้นมาประลองอยู่
“พี่รอง พี่ก็มาด้วยเหรอเนี่ย! ผมคิดว่าพี่สละสิทธิ์ไปซะแล้ว!”
ในขณะนี้ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบเจ็ดปีเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม และยังมีชายร่างกำยำผู้ซึ่งเป็นชายหัวโล้นที่เพิ่งเอาชนะในการประลองเมื่อครู่นี้เดินตามหลังเขามาด้วย
ซึ่งกฎกติกาของการประลองบนสังเวียนในคืนนี้ง่ายมาก นั่นก็คือการน็อคเอ้าท์อย่างเดียว
แต่ตราบใดที่เป็นผู้ชนะ เขาก็สามารถเลือกได้ว่าจะรับการท้าทายของผู้อื่นต่อ หรือจะเลือกพักผ่อนก็ได้
ซึ่งการประลองก่อนหน้านี้ ไอ้แผลเป็นก็เป็นยอดฝีมือเช่นกัน ดังนั้นไอ้หัวล้านจึงเหนื่อยจากการประลองและเลือกที่จะพักผ่อนก่อน
“ซ่งหวาตง นายอย่าเกินไปนะ!”
ก่อนที่ซ่งหวายี่จะพูด ซ่งหวาหย่าก็ก้าวออกมาแล้วพูดด้วยความโกรธ
ซ่งหวาตงถึงกับหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “เกินไปยังไงล่ะ? ต่อให้จะทำอะไรเกินเหตุ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผมไม่ใช่เหรอ?”
“พวกคุณแพ้มาหลายปีแล้ว ถ้าครั้งนี้ยังแพ้อีก พวกคุณจะไม่มีที่ยืนในครอบครัวตระกูลซ่งอีกต่อไปนะ”
สีหน้าของซ่งหวายี่บูดเบี้ยวทันที ต่อให้เขามีความอดทนมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็เลี่ยงความหงุดหงิดไม่ได้แล้ว
“ซ่งหวาตง หุบปากไปเลยนะ!”
“ต่อให้ข้าถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลซ่งแล้วยังไง เพราะถึงยังไงข้าก็เป็นพี่รองของแกอยู่แล้ว ขอแค่ข้าออกไปตั้งหลักได้ ข้าก็มีโอกาสกลับมาที่ครอบครัวตระกูลซ่งอีกครั้ง”
“ถึงเวลานั้น ต่อให้ข้าจะต้องสละสิทธิ์ในการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด ข้าก็จะโค่นล้มแกให้ได้!”
คำพูดของซ่งหวายี่นั้นเต็มไปด้วยการข่มขู่
และมันก็ได้ผลจริงๆ เพราะสีหน้าของซ่งหวาตงบูดเบี้ยวในทันที
เนื่องจากทายาทผู้มีสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งผู้นำของตระกูลซ่งนั้นน้อยมาก แล้วเขาจะประมาทได้อย่างไร?
ฉะนั้น ถ้าหากซ่งหวายี่ตั้งใจจะโค่นล้มเขา นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในทายาทรุ่นที่สามของตระกูลซ่งนั้น ผู้ที่มีสิทธิ์ในการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลซ่งมีเพียงสามคนเท่านั้น ส่วนสถานะของซ่งหวายี่ในขณะนี้ก็พร้อมที่จะถูกขับไล่ออกจากตระกูลทุกเมื่อ แต่ถ้าเขาจงใจที่จะโค่นล้มซ่งหวาตงให้ได้ นั่นก็แสดงว่าตำแหน่งผู้สืบทอดจะตกอยู่กับบุคคลที่สามเท่านั้น
“ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลแล้วพี่จะทำอะไรได้ล่ะ? คิดจะโค่นผมล้มงั้นเหรอ มีปัญญาไหม?”