The king of War - บทที่ 608 ตกตะลึงกันทั้งสนาม
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซ่งหวาตงก็พูดด้วยความโกรธ “ซ่งหวายี่ ในเมื่อคุณกล้าขู่ผม ผมก็จะเตือนคุณไว้ก่อนเหมือนกัน ถ้าผมได้รับตำแหน่งผู้สืบสกุล ผมจะไม่ให้คุณมีจุดยืนในเมืองเยี่ยนตูอีกต่อไป!”
เดิมทียังตกใจกับคำขู่ของซ่งหวายี่ แต่เมื่อคิดว่าซ่งหวายี่ที่ถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป
ซ่งหวายี่เหลือบมองไปที่ซ่งหวาตงด้วยสายตาเย็นชา “รอดูก็แล้วกัน!”
“ได้สิ รอดูก็แล้วกัน!” ซ่งหวาตงก็พูดด้วยความโกรธ
จากนั้นเขาหันหลังแล้วเตรียมจะจากไป แต่ทันทีที่หันกลับไปเขาก็ชนเข้ากับหยางเฉิน ซึ่งมันทำให้เขาโกรธมากขึ้น และเขาก็ยกมือขึ้นเพื่อจะตอบหน้าหยางเฉิน “แมร้งเอ๊ย กล้ามาเกะกะกู ไปตายซะ!”
“ซ่งหวาตง แกกล้าเหรอ!”
ซ่งหวายี่ตะโกนเสียงดังและสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ซ่งหวาหย่าก็เบิกตากว้างเช่นกัน แม้เธอจะไม่ชอบหยางเฉินมาก แต่เมื่อเทียบกับซ่งหวาตงแล้ว เธอเกลียดซ่งหวาตงมากกว่า เพราะถึงอย่างไรแล้ว หยางเฉินก็เป็นเพื่อนของซ่งหวายี่อยู่ดี
แต่ซ่งหวาตงที่ตั้งใจจะต่อกรกับซ่งหวายี่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วเขาจะยอมฟังคำพูดของซ่งหวายี่ได้อย่างไร เขาจึงง้างมือแล้วตบออกไปอย่างรุนแรง
ซ่งหวาหย่าทนดูไม่ได้และถึงขั้นต้องหลับตาลง
“ผัวะ!”
เสียงตบดังสนั่นขึ้น ทุกคนเห็นเพียงหยางเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม แต่กลับเป็นซ่งหวาตงที่ถูกตบกระเด็นออกไป
สำหรับชายร่างใหญ่หัวโล้นที่ยืนอยู่ข้างซ่งหวาตงกลับไม่รู้ตัวอะไรเลย เขาไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าหยางเฉินจะกล้าลงมือทำร้ายซ่งหวาตง
และหลังจากตกใจอยู่สักพัก ไอ้หัวล้านก็ตะโกนอย่างเสียงดัง “ไอ้หนู แกกล้าเตะต้องคุณชายตงงั้นเหรอ อยากตายนักใช่ไหม!”
จากนั้น เขากำหมัดแล้วชกไปที่กลางหน้าของหยางเฉินอย่างรุนแรง
ในฐานะผู้ชนะในเกมที่แล้ว เขาจึงเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
ซึ่งในขณะที่ไอ้หัวล้านกำลังจะมีเรื่องกับหยางเฉินนั้น ผู้ชมมากมายก็ไม่สนใจการแข่งขันบนสังเวียนอีก แต่กลับหันมองไปที่ไอ้หัวล้าน
“ผ๊วะ!”
หยางเฉินไม่ได้ลงมือทำร้ายใคร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วคว้าแขนของไอ้หัวล้านไว้เบาๆ
ในขณะนี้ ผู้ชมมากมายถึงกับตกตะลึง
แม้แต่ไอ้หัวล้านยังรู้สึกตกใจ เดิมทีคิดว่าเขาจะชกหน้าหยางเฉินได้สบาย แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือ หมัดอันรุนแรงของเขากลับถูกหยางเฉินสกัดกั้นได้อย่างง่ายดาย
เป็นไปได้ไง?
“อยากตายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชาและน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยพลังแห่งการสังหาร
“ไอ้หนู ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
ไอ้หัวล้านตะโกนพูดด้วยความโกรธ สองตาของเขาจ้องเขม็งไปที่หยางเฉิน ซึ่งการที่ถูกหยางเฉินบีบข้อมือไว้แบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้าและรู้สึกโกรธจนลุกเป็นไฟ
“ฆ่ามันซะ! เป่าหัวมันให้เละไปเลย!”
ในเวลานี้ ซ่งหวาตงก็ลุกขึ้นจากพื้นด้วยใบหน้าที่ยังมีรอยตบอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็ตวาดใส่ไอ้หัวล้าน
จนกระทั่งตอนนี้ ซ่งหวาหย่าจึงจะรู้สึกถึงความผิดปกติ เธอจึงเบิกตากว้างแล้วมองไปที่หยางเฉินที่กำลังบีบข้อมือของไอ้หัวล้านด้วยความตกใจ
ซ่งหวายี่เองก็เอะใจเหมือนกัน เขารู้ว่าภูมิหลังของหยางเฉินนั้นไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าหยางเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ซึ่งผลงานของไอ้หัวล้านบนเวทีสังเวียนก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาหมดหวังไปแล้ว แต่ในขณะนี้ เขากลับเห็นหยางเฉินบีบแขนของไอ้หัวล้านอย่างง่ายดาย
ทั้งหมดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าไอ้หัวล้าน
“รีบจัดการมันสิ!”
“ผมสั่งให้คุณระเบิดหัวมัน คุณก็รีบจัดการมันสิ!”
“ถ้ายังไม่รีบจัดการ เงินค่าตอบแทนที่คุยกัน คุณจะไม่ได้รับสักเหรียญ!”
เมื่อเห็นไอ้หัวล้านไม่ยอมทำอะไรสักที ซ่งหวาตงก็ตวาดออกมาด้วยความโกรธและเอาเงินค่าตอบแทนมาขู่ไอ้หัวล้าน
เขาเป็นถึงคุณชายของตระกูลซ่ง แต่กลับถูกหยางเฉินตบในที่สาธารณะแบบนี้ ซึ่งมันเป็นความอัปยศสำหรับเขามาก ดังนั้นการฆ่าหยางเฉินเท่านั้นถึงจะทำให้เขาสงบความโกรธลงได้
ไอ้หัวล้านรู้สึกขมขื่นใจมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากฆ่าหยางเฉิน แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉินเลยด้วยซ้ำ
“ไอ้หนู แกยอมข้าหน่อย แล้วข้าจะให้แกห้าล้าน”
ไอ้หัวล้านรู้ว่าเขาสู้หยางเฉินไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้และใช้เสียงกระซิบที่ได้ยินเพียงแค่สองคนพูดกับหยางเฉิน
“ห้าล้านงั้นเหรอ? ข้อเสนอที่ดีนะ!”
หยางเฉินถึงกับหัวเราะออกมาโดยที่ไม่ระงับเสียงของตัวเองและพูดในที่สาธารณะอย่างเสียงดังว่า “ห้าสิบล้าน ผมจะไว้ชีวิตคุณ!”
ซึ่งคำพูดนี้ของหยางเฉินทำให้ผู้ชมถึงกับตกตะลึง และทุกคนก็หันมองมาที่เขาด้วยความตกใจ
แม้แต่ไอ้หัวล้านก็ตกใจมากเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าหยางเฉินจะพูดความลับระหว่างพวกเขาต่อหน้าสาธารณะแบบนี้
“ไปตายซะ ไอ้หนู!”
ไอ้หัวล้านโกรธจนสุดขีด จากนั้นเขากำหมัดแล้วชกไปที่กลางหน้าของหยางเฉินด้วยมืออีกข้างหนึ่งของเขา
เมื่อเห็นไอ้หัวล้านระเบิดอารมณ์อีกครั้ง บรรยากาศในงานก็ครึกครื้นอย่างเต็มที่ และผู้ชมทั้งหมดต่างก็ตะโกนส่งเสียงเชียร์ขึ้น
ซ่งหวาตงก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วตะโกนออกมาอย่างเสียงดังว่า “ดี! ฆ่ามันซะ! เอามันให้ตาย!”
“บูม!”
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เมื่อเห็นหมัดของไอ้หัวล้านกำลังจะกระแทกเข้ากับใบหน้า
หยางเฉินก็ยกเท้าขึ้นอย่างกะทันหัน ตามด้วยเสียงที่ดังสนั่นขึ้น ทุกคนเห็นเพียงร่างกำยำของไอ้หัวล้านกระเด็นออกไปเป็นสิบเมตร
“บูม!”
ตามด้วยเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของไอ้หัวล้านก็กระแทกเข้ากับกรงเหล็กรอบสังเวียนอย่างจัง
แม้แต่นักสู้ในสังเวียนทั้งสองก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
ซึ่งฝีมือของไอ้หัวล้านนั้นพวกเขาต่างก็เห็นกับตาแล้ว แต่ ณ เวลานี้ ไอ้หัวล้านกลับถูกคนคนหนึ่งเตะจนปลิวไปไกลขนาดนี้
แล้วคนที่เตะไอ้หัวล้านต้องแข็งแกร่งสักแค่ไหน?
ซ่งหวายี่ที่กังวลมาตลอดก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะหยางเฉินที่นิ่งเฉยมาตลอด เมื่อถึงคราวที่ต้องลงมือ เขาถึงกับทำให้ยอดฝีมือของซ่งหวาตงต้องหมดอนาคตไป
ซ่งหวาหย่าก็ตกตะลึงมาก ความหมองคล้ำในดวงตาอันงดงามของเธอก็ค่อยๆ จางหาย
ทุกคนในงานรู้สึกอึกอักไปชั่วครู่ แต่ฉากที่ดุเดือดนี้ก็ทำให้เสียงเชียร์โห่ร้องดังสนั่นขึ้นและก้องกังวานไปทั่วเวทีมวย
ซ่งหวาตงถึงกับทึ่ง เพราะผู้แข็งแกร่งที่เขาพามานั้นตั้งใจจะติดอันดับหนึ่งในสามของสนามมวยนี้ แต่ทำไมถึงพ่ายแพ้ง่ายๆ แบบนี้ล่ะ?
ประเด็นคือแพ้อย่างน่าอนาถด้วย
เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉินแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่มีโอกาสต่อกรได้เลย
ซึ่งผู้แข็งแกร่งบนเวทีสังเวียนทั้งสองที่เห็นแบบนี้ ต่างก็สละสิทธิ์กันทันที
ในการแข่งขันชิงแชมป์ประจำปีนี้ จะไม่มีอันดับที่สองหรือสาม แต่มีเพียงแชมป์ตำแหน่งเดียวเท่านั้น
ด้วยพลังความแข็งแกร่งหยางเฉินนั้น สามารถฆ่าพวกเขาได้ภายในไม่กี่วินาทีแน่นอน ดังนั้นต่อให้พวกเขาเอาชนะทุกคนในงานก็ไม่อาจเอาชนะหยางเฉินคนนี้ได้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วพวกเขาจะสู้กันอีกทำไม?
“ในเมื่อคุณคิดจะฆ่าผม แต่คุณกลับถูกผมฆ่าก่อน ตระกูลซ่งคงจะโทษอะไรผมไม่ได้สินะ?”
หยางเฉินพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน และสายตาที่มองซ่งหวาตงก็เหมือนกำลังมองดูคนตายคนหนึ่ง
ผู้ชมโดยรอบต่างตะลึงงันกันหมด เพราะพวกเขารู้ดีถึงสถานะตัวตนของซ่งหวาตง แต่หยางเฉินคนนี้กลับขู่ฆ่าเขาได้?
ซ่งหวายี่ก็กังวลเช่นกัน แม้การตายของซ่งหวาตงจะไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่หยางเฉินเป็นคนที่เขาพามาด้วย ฉะนั้นเขาจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
“คุณหยางครับ ในเมื่อหมารับใช้ของมันตายแล้ว คุณฆ่ามันไปก็ไร้ประโยชน์นะครับ” ซ่งหวายี่รีบพูดขึ้น
หยางเฉินไม่ได้สนใจเขา ได้แต่จ้องไปที่ซ่งหวาตงอย่างเย็นชา
สำหรับคนที่ต้องการจะคร่าชีวิตของเขานั้น เขาไม่เคยเมตตาเลยสักคน
เมื่อกี้นี้ซ่งหวาตงเองที่เข้ามาชนหยางเฉิน แต่เขากลับจะขู่ฆ่าหยางเฉิน คนแบบนี้อยู่ไปก็เปลืองออกซิเจนเสียเปล่า
ซึ่งในขณะนี้ จิตสังหารในตัวของหยางเฉินก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ซ่งหวาตงถึงกับสั่นไปทั้งตัว ในขณะนี้ เขารู้สึกว่าเขากำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องมองและไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่นิด เพราะถ้าหากเขาขยับตัวก็จะถูกสัตว์เดรัจฉานฉีกเป็นชิ้นๆ