The king of War - บทที่ 609 ท้าทายตระกูลซ่ง
“สุภาพบุรุษท่านนี้ครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมต้องขอโทษแทนน้องสามของผมแล้วนะครับ โปรดอย่าถือสาเขาเลยครับ!”
ในเวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับชายวัยกลางคนในชุดสามัญชนโบราณ
ด้วยคำพูดของเขา มันได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซ่งหวาตงคนนี้
ซ่งหวาตงเรียกซ่งหวายี่ว่าพี่รอง แล้วชายหนุ่มคนนี้เรียกซ่งหวาตงว่าน้องสาม ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงสถานะของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
“พี่ใหญ่ ช่วยผมด้วย!”
เมื่อซ่งหวาตงเห็นชายหนุ่มคนนั้น เขาแทบจะร้องไห้ออกมาและรีบร้องขอความช่วยเหลือ
“พี่ใหญ่ครับ!”
ซ่งหวายี่ก็เดินเข้ามาทักทาย
แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับ ได้แต่จับจ้องไปที่หยางเฉิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอคำตอบจากหยางเฉิน
และหยางเฉินก็ไม่รีบร้อนจะลงมือกับใคร เขาได้แต่มองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ออร่าของชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีคนนี้แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปมาก นอกจากนี้ ในร่างของชายวัยกลางคนในชุดสามัญชนโบราณที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็แผ่ออร่าของความแข็งแกร่งออกมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง
ณ เวลานี้ การแข่งขันบนเวทีสังเวียนของคลับหวงจินยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีใครมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นด้านล่างเวทีนี้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันบนสังเวียนเลย
“ซ่งหวาเหว่ย ลูกชายคนโตของทายาทรุ่นที่สามในตระกูลซ่ง!”
“ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่มีโอกาสที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบสกุลของตระกูลซ่งมากที่สุด”
“สามปีติดต่อกันแล้วที่คนของเขาได้รับรางวัลสามอันดับแรกในคลับหวงจิน”
“และถ้าหากไม่มีเหตุสุดวิสัย ครั้งนี้คนของเขาก็จะอยู่ในสามอันดับแรก ส่วนเขาก็ได้รับการสถาปนาให้เป็นผู้สืบสกุลในรุ่นที่สามของตระกูลซ่งในปีนี้”
ผู้คนมากมายรู้จักสถานะตัวตนของซ่งหวาเหว่ยและเริ่มซุบซิบกันไม่หยุด
“หวายี่ ยังไม่รีบแนะนำสุภาพบุรุษท่านนี้ให้พี่รู้จักอีก?” ซ่งหวาเหว่ยพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
ซ่งหวายี่ถึงจะตั้งสติได้และรีบพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ครับ ท่านนี้คือเพื่อนของผม แกชื่อหยางเฉินครับ”
จากนั้นก็แนะนำกับหยางเฉินว่า “คุณหยางครับ ท่านนี้ชื่อซ่งหวาเหว่ย เป็นพี่ชายคนโตของผมเองครับ!”
“คุณหยางครับ คุณปล่อยน้องสามผมไปสักครั้ง ถือว่าผมติดหนี้บุญคุณของคุณ จากนี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณในเมืองเยี่ยนตู คุณสามารถมาขอความช่วยเหลือจากผมได้” ซ่งหวาเหว่ยพูดอย่างมั่นใจ
จากนั้น ก่อนที่จะได้รับการยินยอมจากหยางเฉิน เขาก็หันไปออกคำสั่งกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา “พาหวาตงไป!”
“ครับ!” ชายวัยกลางคนในชุดสามัญชนโบราณรีบก้าวออกมาข้างหน้า
แต่ก่อนที่เขาจะมาถึงตัวของซ่งหวาตง หยางเฉินก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินแล้วพูดกับซ่งหวาเหว่ยอย่างติดตลกว่า “น้องสามคุณจะฆ่าผม แต่คุณเอาน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ นี้มาแลกกับชีวิตงั้นเหรอ?”
“ก็คุณฆ่านักมวยของเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” ซ่งหวาเหว่ยยังคงใจเย็นและพูดอย่างเฉยเมย
“ถ้าผมเป็นคนธรรมดาทั่วไป ผมว่าคงถูกน้องสามคุณฆ่าไปแล้วล่ะ?”
“ตอนเขาพยายามจะฆ่าผม คุณไม่ได้ปรากฏตัว แต่รอจนกว่าผมกำลังจะฆ่าเขา คุณถึงได้ปรากฏตัวออกมา”
“แล้วตอนนี้คุณยังขอให้ผมไว้ชีวิตเขา คุณคิดว่ามันเหมาะสมไหมล่ะ?”
หยางเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
ซ่งหวาเหว่ยเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปรกติ และคำพูดของหยางเฉินก็ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้น
“แล้วต้องทำยังไงคุณหยางถึงจะปล่อยน้องชายผมไปล่ะครับ?”
ซ่งหวาเหว่ยรู้สึกถึงภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของหยางเฉิน เขาจึงถามอย่างจริงจัง
“สำหรับคนที่จงใจจะฆ่าผมนั้นมีสองประเภท หนึ่งคือฆ่าผมให้ตาย สองคือถูกผมฆ่าตาย!”
หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา
ทันทีที่พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปเหยียบหน้าอกของซ่งหวาตง
“พี่ใหญ่ ช่วยผมด้วย!”
เมื่อสัมผัสถึงแรงอันทรงพลังจากเท้าของหยางเฉิน ในที่สุดซ่งหวาตงก็เชื่อแล้วว่าหยางเฉินกล้าที่จะฆ่าเขาจริงๆ และเขาก็รู้สึกหวาดกลัวในทันใด
“ปล่อยเขานะ!”
ซ่งหวาเหว่ยพูดอย่างเย็นชาและไฟแห่งความโกรธก็เปล่งประกายใจดวงตาของเขา
“ถ้าผมไม่ปล่อยล่ะ?”
หยางเฉินยิ้มพูด และขาที่เหยียบอยู่บนหน้าอกของซ่งหวาตงจู่ๆ ก็เปลี่ยนตำแหน่งไปเหยียบอยู่ที่หัวของซ่งหวาตง
“โอ๊ย……พี่ใหญ่ครับ ช่วยผมที……ช่วยด้วย……”
ซ่งหวาตงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
และสีหน้าของซ่งหวาเหว่ยก็บูดเบี้ยวอย่างดูไม่ได้ หยางเฉินกำลังท้าทายเขาชัดๆ
“คุณหยางครับ ผมขอร้องแล้วล่ะ ปล่อยเขาไปสักครั้งเถอะครับ!” ซ่งหวายี่ก็เริ่มกังวลและขอร้องอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากหยางเฉินฆ่าซ่งหวาตง ตระกูลซ่งของเขาก็จะเป็นศัตรูกับหยางเฉินอย่างไม่รู้จบสิ้น
และนี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุด
สีหน้าของซ่งหวาหย่าก็เฉื่อยชา แม้เธอจะกังวล แต่เธอไม่ได้คิดจะให้หยางเฉินปล่อยซ่งหวาตงไป เพราะในความคิดเธอ ซ่งหวาตงที่รังแกซ่งหวายี่มาตลอดก็สมควรตายแล้ว
เธอได้แต่มองไปที่หยางเฉินด้วยแววตาอันร้อนแรง
ผู้ชายแบบนี้แหละ เป็นผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด
ผู้ชมจำนวนมากเลิกดูการแข่งขันบนสังเวียน แต่กลับมองไปที่หยางเฉิน เมื่อการแข่งขันบนเวทีต้องเทียบกับหยางเฉินกับตระกูลซ่งแล้ว เห็นได้ชัดว่าเรื่องของหยางเฉินน่าสนใจกว่า
“ผมเดิมพัน 10 ล้าน ไอ้หมอนั่นไม่กล้าฆ่าซ่งหวาตงหรอก!”
“ผมเดิมพัน 30 ล้าน มันจะฆ่าซ่งหวาตงแน่!”
“ผมเดิมพัน 50 ล้าน ไอ้หมอนั่นต้องถูกคนของซ่งหวาเหว่ยฆ่าอย่างแน่นอน!”
……
กระทั่งถึงตอนนี้ ผู้คนก็เริ่มวางเดิมพันว่าหยางเฉินจะกล้าสังหารซ่งหวาตงหรือไม่
“คุณต้องเข้าใจก่อนนะ ตระกูลซ่งของเราคือหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ถ้าทายาทในสายเลือดตรงต้องตายไป คุณรู้ไหมว่าคุณจะต้องเผชิญกับอะไร?” ซ่งหวาเหว่ยพูดสั้นๆ และนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยการข่มขู่
หยางเฉินได้แต่ยิ้มตอบ แต่เท้าที่เหยียบอยู่บนศีรษะของซ่งหวาตงก็เริ่มบดขยี้อย่างกะทันหัน
ในขณะนี้ ศีรษะของซ่งหวาตงเสียดสีกับพื้นต่อหน้าทุกๆ คนที่กำลังจับตามองอยู่
เสียดสี!
และเสียดสีไปเรื่อย ๆ!
ผู้คนที่รู้จักซ่งหวาตงถึงกับตกใจและคิดว่าหยางเฉินบ้าไปแล้ว ทำไมถึงกล้าทรมานคนของตระกูลซ่งต่อหน้าซ่งหวาตงแบบนี้ นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!
และในขณะนี้ เสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดของซ่งหวาตงก็ดังไปทั่วทั้งเวทีมวย
“โอ๊ย ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ปล่อยผมไปเถอะครับ วันหลังผมไม่กล้าเดินชนคุณอีกแล้ว ผมจะเดินอ้อมคุณครับ!” ซ่งหวาตงถึงกับร่ำไห้วิงวอนขอความเมตตา
และสีหน้าของซ่งหวาเหว่ยก็น่าเกลียดจนถึงขีดสุด การที่ซ่งหวาตงวิงวอนขอความเมตตาแบบนี้ มันไม่ใช่แค่การทำให้เขาเสียหน้า แต่ทำให้คนทั้งตระกูลซ่งต้องอับอายขายหน้าไปด้วย
“แต่เสียดายนะ ในโลกนี้ไม่มียาแก้รักษาโรคเสียใจภายหลัง”
หยางเฉินพูดด้วยเสียงทอดถอนใจ
เมื่อเสียงพูดของเขาลดลง เท้าของเขาก็ขยับออกจากศีรษะของซ่งหวาตง และทุกคนก็คิดว่าเขาปล่อยซ่งหวาตงไปแล้ว
ซ่งหวาตงจึงรีบล้มลุกคลุกคลานเพื่อไปหาซ่งหวาเหว่ย
“บูม!”
แต่ในขณะที่เขาวิ่งออกไป ทันใดนั้นก็เหมือนมีรถบรรทุกหนักชนเข้าจากด้านหลัง และในขณะที่ทุกคนตะลึงงันกันอยู่ ร่างของซ่งหวาตงก็กระเด็นออกไปหลายเมตร
ในระหว่างที่เขาลอยอยู่บนอากาศนั้น เขากระอักเลือดอย่างเต็มปาก และหลังจากที่ร่วงหล่นไปบนพื้นเขาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก
“ตายแล้ว?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง มีคนเริ่มตั้งสติจากอาการตกใจได้และพูดด้วยความเหลือเชื่อ
ซ่งหวายี่ก็แข็งทื่อไปทั้งตัว และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อเช่นกัน
และดวงตาอันงดงามของซ่งหวาหย่าก็เต็มไปด้วยความตกใจ เธอได้แต่เอามือปิดปากไว้เพราะกลัวจะกรี๊ดลั่นออกมา
ส่วนใบหน้าอันหล่อเหล่าของซ่งหวาเหว่ยก็เต็มไปด้วยความโกรธ การฆ่าซ่งหวาตงต่อหน้าเขานั้น ไม่ใช่แค่การดูถูกเขา แต่เป็นการท้าทายคนทั้งตระกูลซ่ง
ถ้าไม่ให้หยางเฉินชดใช้ในเรื่องนี้ เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนอีก
ภาพของหยางเฉินที่เตะซ่งหวาตงกระเด็นทำให้ติดตาทุกคน
และหลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ ฉากที่เดือดพล่านก็ทำให้เสียงตะโกนโห่ร้องและเสียงเชียร์ดังก้องไปทั่วทั้งเวทีมวย