The king of War - บทที่ 611 ไม่มีการหวนกลับ
อวี๋เหวินปิงที่ถูกหยางเฉินบีบคอไว้ก็เริ่มรู้สึกหายใจลำบาก และความกลัวของความตายนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก
ถ้าเขาไม่ยุยงหยางเฉิน เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร?
แต่ว่า มันสายเกินที่จะเสียใจแล้ว
เขาดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไร้ประโยชน์
ผู้คนที่รู้จักอวี๋เหวินปิงก็คิดว่าหยางเฉินนั้นบ้าไปแล้ว
เมื่อกี้เพิ่งฆ่าซ่งหวาตงไป และตอนนี้ยังคิดจะฆ่าอวี๋เหวินปิงอีกคน
เพราะทั้งสองคนนี้คือคนของตระกูลมหาเศรษฐีจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเชียวนะ!
ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าต่างก็ตกตะลึงอย่างที่สุด หยางเฉินเพิ่งฆ่าซ่งหวาตงไป ซึ่งมันก็เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังจะฆ่าอวี๋เหวินปิงอีกคนด้วย
“อวี๋เหวินปิง คุณควรรู้นะว่าผมอยากรู้อะไร ฉะนั้น ก่อนที่การแข่งขันนี้จะจบลง คุณต้องบอกคำตอบกับผม ไม่เช่นนั้นวันนี้คือจุดจบของคุณ!”
หยางเฉินไม่ได้สนใจใครเลย ได้แต่จับจ้องไปที่อวี๋เหวินปิงที่กำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิตและให้โอกาสเขาเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อเสียงลดลง หยางเฉินเหวี่ยงมือออกไป และเสียง “ปัง” ดังขึ้น อวี๋เหวินปิงเหมือนขยะที่ถูกโยนทิ้งออกไปหลายเมตรและฟาดลงกับพื้นอย่างหนัก
ถึงแม้จะเป็นภาพที่น่าอายมาก แต่สำหรับอวี๋เหวินปิงแล้วนี่คือความปีติยินดีในชีวิตที่เหลือของเขา เพราะอย่างน้อยเขายังมีชีวิตอยู่
ชายชราในชุดจีนมองไปที่หยางเฉินอย่างเคร่งขรึม จากนั้นรีบหันหลังกลับไปหาอวี๋เหวินปิง
เมื่ออวี๋เหวินปิงมองไปที่หยางเฉินอีกครั้ง เขาไม่กล้าท้าทายหยางเฉินอีก และนัยน์ตายังเต็มไปด้วยความกลัว
เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้หยางเฉินจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ขอแค่มีชายชราในชุดจีนคนนี้อยู่ หยางเฉินก็ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก่อนเมื่อครู่นี้ เขาก็ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของหยางเฉิน
ส่วนซ่งหวาเหว่ยก็ได้เห็นฉากนี้อย่างเต็มตา และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมอีกครั้ง
“อะปู้ คุณคิดว่าไอ้หมอนั่นกับคุณ ใครเก่งกว่า?” ซ่งหวาเหว่ยถามขึ้นอย่างกะทันหัน
ชายวัยกลางคนในชุดสามัญชนโบราณส่ายหัวเบาๆ “ถ้าไม่ได้วัดฝีมือกันก่อน ผมไม่กล้าตอบครับ!”
“สิ่งที่เขาทำเมื่อครู่นี้ ผมก็ทำได้!”
“แต่ถ้าต้องวัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วใครจะอยู่ใครจะไป ผมยังตอบไม่ได้ครับ!”
เมื่อฟังคำพูดของอะปู้ ซ่งหวาเหว่ยก็ดูตกใจมาก
อะปู้คนนี้คือผู้แข็งแกร่งที่เขาต้องจ่ายด้วยราคาอันมหาศาลกว่าจะเชิญมาได้ แม้แต่ยอดฝีมือของคนอื่นๆ ในตระกูลซ่งยังไม่กล้าตั้งตัวเป็นคู่ต่อสู้ของอะปู้เลย
แต่วันนี้ ชายหนุ่มที่มีอายุน้อยกว่าสามสิบปีคนนี้กลับทำให้อะปู้ยกย่องได้ นั่นมันไม่ได้หมายความว่าฝีมือของหยางเฉินอยู่เหนือกว่าอะปู้หรือ?
“เพื่อนของน้องรองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!” ซ่งหวาเหว่ยหรี่ตาพูด
ถ้าหากหยางเฉินขึ้นสังเวียนจริงๆ คงจะเป็นเรื่องดีถ้าหากเขาแพ้ให้กับอะปู้ แต่ถ้าหากเขาชนะ กิจการกว่าครึ่งหนึ่งของเขาต้องเสียให้กับซ่งหวายี่อย่างแน่นอน
นี่สำหรับเขาแล้วเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่มาก
แต่ถ้าซ่งหวายี่เป็นฝ่ายแพ้ นับจากวันนี้ไป เขาก็จะไม่มีคู่แข่งในทายาทรุ่นที่สามของตระกูลซ่งอีก
“อะปู้ ครั้งนี้ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ ต้องชนะให้ได้นะ!” ซ่งหวาเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“คุณชายเหว่ยไม่ต้องห่วงครับ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่!” อะปู้ตอบกลับ
ในขณะที่พูดอยู่นั้น การแข่งขันบนเวทีสังเวียนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง และสายตาของทุกคนก็หันกลับมาที่บนเวที
การแข่งขันดำเนินต่อไป ซึ่งฝีมือของผู้เข้าร่วมการแข่งขันก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ และการแข่งขันก็ดุเดือดมากขึ้น
แต่หยางเฉินได้แต่มองไปที่บนเวทีการแข่งขันเหมือนคนไร้อารมณ์ความรู้สึก
ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าที่อยู่ข้างหยางเฉินไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงเหลือบมองไปที่เขาเป็นครั้งเป็นคราว
“คุณหยาง เดี๋ยวคุณจะเข้าร่วมการแข่งขันไหมคะ?”
แต่ในที่สุดซ่งหวาหย่าก็ถามเขา
เธอรู้ว่าซ่งหวายี่อยากถามมานานแล้ว แต่ไม่กล้าถามสักที
ซ่งหวายี่ถึงกับตกใจ แต่เมื่อไม่เห็นความโกรธบนใบหน้าของหยางเฉินแล้ว เขาถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความคาดหวังอีกครั้ง
ด้วยฝีมือที่หยางเฉินแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ ถ้าเขายอมเข้าร่วมการแข่งขันด้วย เขาจะมีโอกาสสูงมากในการเอาชนะคนของซ่งหวาเหว่ย
และถ้าหากเอาชนะได้ สถานะของเขาในตระกูลซ่งก็จะสูงขึ้น หรือกระทั่งทำให้ซ่งหวาเหว่ยไม่อาจเทียบกับเขาได้
หยางเฉินเหลือบมองไปที่ซ่งหวาหย่า เขาเห็นเพียงความคาดหวังและการวิงวอนอยู่ในดวงตาเธอ
ซ่งหวายี่ก็เช่นเดียวกัน เขาคาดหวังและวิงวอนในตัวของหยางเฉินมาก
“คุณหยางครับ ผมรู้ว่ามันจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ถ้าผมจะขอให้คุณช่วยลงแข่งด้วย แต่การแข่งขันในเวทีนี้มันสำคัญต่อผมมากเลยนะครับ”
“ถ้าคุณคว้าชัยชนะให้ผมได้ นับจากวันนี้ไป ชีวิตของซ่งหวายี่คนนี้ก็จะเป็นของคุณ!”
ซ่งหวายี่พูดอย่างจริงจัง
สำหรับตระกูลมหาเศรษฐีอย่างตระกูลซ่งนั้น พวกเขามีเพียงผู้ชนะเท่านั้น แต่ไม่มีผู้แพ้
เพราะจุดจบของการพ่ายแพ้ก็คือหายนะ ซึ่งเป็นไปได้สูงมากว่าต้องเผชิญกับความตาย
ยังไงเขาก็เป็นคู่แข่งของซ่งหวาเหว่ยแล้ว ที่ผ่านมาก็สะสมเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่าง และถ้าหากเขาเป็นผู้แพ้ ซ่งหวาเหว่ยจะต้องฆ่าเขาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภายหลังอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่ตกอยู่ในภัยอันตราย รวมไปถึงน้องสาวของเขาด้วยที่ต้องตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้น การแข่งขันในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับเขา เขาต้องชนะ หรือไม่ก็ยอมเผชิญกับความตายได้ทุกเมื่อ
“แต่ผมเพิ่งฆ่าทายาทของตระกูลซ่งไปนะ แล้วคุณมาขอผมไปช่วยคุณแบบนี้ ไม่กลัวตระกูลซ่งจะหาเรื่องคุณเหรอ?”
หยางเฉินไม่ได้ให้คำตอบเขาทันที แต่กลับถามด้วยรอยยิ้ม
ซ่งหวายี่รีบตอบทันที “เรื่องนี้ซ่งหวาตงเป็นคนหาเหาใส่หัวเอง จะโทษผมไม่ได้ แต่ถ้าตระกูลซ่งจะคิดบัญชีกับผมจริงๆ ผมคงต้องยอมรับชะตากรรมแล้วล่ะ!”
นี่ก็คือความโศกเศร้าของผู้แย่งชิงอำนาจของเหล่ามหาเศรษฐี เพราะเมื่อเข้าร่วมการแย่งชิงอำนาจเมื่อไหร่ เขาจะต้องสู้ให้ถึงที่สุด นอกเสียจากจะตายก่อน
และซ่งหวายี่ก็ไม่มีโอกาสหวนกลับแล้ว
“ถ้าคนของซ่งหวาเหว่ยลงแข่ง ผมก็จะลงแข่งด้วย!” ในที่สุดหยางเฉินก็รับปาก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าก็ตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา และทั้งสองก็รีบแสดงความขอบคุณอย่างไม่หยุด
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ชมการแข่งขันต่อไป
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องวีไอพีสุดหรูที่อยู่ชั้นบนสุดของคลับหวงจิน
อวี๋เหวินปิงนอนอยู่เตียงผู้ป่วยและยังมีหมอที่กำลังตรวจสภาพร่างกายให้เขา
เมื่อกี้นี้เขาถูกหยางเฉินโยนทิ้งเหมือนขยะชิ้นหนึ่ง และร่างกายของเขากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง จึงทำให้เขารู้สึกว่าอวัยวะร่างกายของเขาพังไปหมดแล้ว
“ไม่ต้องกังวลครับ ร่างกายของคุณไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากมายครับ”
หลังจากตรวจสภาพร่างกายเสร็จ หมอก็พูดกับเขา
อวี๋เหวินปิงจึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เดิมทีเขาหยิ่งจองหองมาก แต่ในเวลานี้เขาจะกล้ามีการเจตนาฆ่าหยางเฉินได้อย่างไรอีก สายตาของเขาเหลือเพียงความกลัวเท่านั้น
“ท่านถังครับ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกคุณปล่อยผมไปเถอะนะ!”
อวี๋เหวินปิงก็พูดด้วยสีหน้าความอ้อนวอนอย่างกะทันหัน
และคนที่เขาวิงวอนนั้น ก็คือชายชราในชุดจีนราชวงศ์ถังที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเหมือนบอดี้การ์ดของเขา
ชายชราในชุดจีนขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “อย่าลืมนะ ถ้าไม่ใช่ข้า แกคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว”
“พวกคุณจะจัดการมันก็จัดการกันเองสิ ผมก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่งที่ไม่มีปัญญาไปสู้กับเขาด้วยซ้ำ!”
อวี๋เหวินปิงแทบจะร้องไห้ออกมา เมื่อกี้เขาเกือบถูกหยางเฉินฆ่าไปแล้ว และเขาก็กลัวมากด้วย
“ผ๊วะ!”
ชายชราในชุดจีนตบหน้าอวี๋เหวินปิงแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้เหลือขอ!”
“ถ้าไม่ใช่เห็นแก่แม่ของแก ข้าคงจะตบแกให้ตายไปนานแล้ว!”
“สำหรับแกแล้ว หยางเฉินก็เป็นแค่หินลับคมชิ้นหนึ่ง มีเพียงคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะทำให้แกแข็งแกร่งขึ้นได้”
“อย่าลืมไปสิ ในตัวแกยังมีสายเลือดตระกูลเดอะคิงอยู่ครึ่งหนึ่ง ก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งนแกยังสู้ไม่ได้ แล้วแกมีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นราชาของตระกูลเฉาได้?”