The king of War - บทที่ 630 จองหองมาก
“ผู้นำอวี้เหวิน!ผู้นำตระกูลเย่!ผู้นำตระกูลหวง!พวกคุณมาได้ยังไงครับ?มาที่ตระกูลซ่งของผม ทำไมไม่บอกกับผมก่อนล่ะครับ ผมจะได้เตรียมตัว ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี”
ซ่งชิงซานพูดพลางหัวเราะเสียงดัง ราวกับไม่เห็น เหล่าการ์ดรักษาความปลอดภัยที่นอนกองอยู่ที่พื้น
อวี้เหวินเกาหยางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน“ผู้นำตระกูลซ่งไม่ต้องการพูดพร่ำทำเพลง ที่เรามาวันนี้ เพื่ออะไร คุณน่าจะรู้ดีมั้ง?”
เย่ม่านกับหวงเทียบเชิงมองไปที่ซ่งชิงซานอย่างเย็น ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
ซ่งชิงซานรู้สึกเพียงน้อยใจ แต่เมื่อเห็นมีเศรษฐีสามตระกูลที่มีฐานะเท่าเทียมกับตระกูลซ่ง อีกทั้งยังร่วมมือกัน ต่างทำเพื่อชายหนุ่มคนเดียวกัน
ถ้าเขาจะต่อกรกับอีกฝ่าย เกรงว่าวันนี้คงจะเป็นวันสิ้นลงของตระกูลซ่ง
“ผู้นำตระกูลอวี้เหวิน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน หยางเฉินเป็นลูกชายของคุณ ถ้าผมรู้ ผมคงจะไม่เป็นปริปักษ์กับเขาอย่างแน่นอน!”
ซ่งชิงซานฝืนยิ้ม แล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่น
“ไม่รู้งั้นหรอ?”
เย่ม่านพูดอย่างเย้ยหยัน“ตระกูลซ่งของคุณมันโง่รึไง?ก่อนที่จะลงมือ ถึงไม่สืบตัวตนของอีกฝ่ายก่อนน่ะ?”
หวงเทียบเชิงพูดอย่างประหม่าว่า“วันนี้ผมจะพูดไว้ตรงนี้ ถ้าตระกูลซ่งกล้าแตะต้องคุณหยางแม้แต่นิดเดียว ตระกูลหวงของผมจะเอาเรื่องมันทั้งตระกูล และจะให้ตระกูลซ่งชดใช้!”
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของอวี้เหวินเกาหยาง หรือเย่ม่านและหวงเทียนเชิง ล้วนเป็นภัย ต่อซ่งชิงซานอย่างมาก
เหงื่อบนหน้าผากของเขาผุดขึ้น จนถึงตอนนี้ เขาพึ่งรู้ตัวว่า ตัวเองประเมินหยางเฉินต่ำเกินไป อีกทั้งยังเป็นการประเมินต่ำเกินไป
เขารู้เพียงแค่ว่าหยางเฉินเป็นลูกชายที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลอวี้เหวิน แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นลูกชายของอวี้เหวิน ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นหยางเฉินเป็นลูกเขยของเย่ม่าน
อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงของหวงเทียบเชิง เรียกหยางเฉินว่าคุณหยาง แล้ววางตัวต่ำมาก ทำให้ซ่งชิงซานร้อนรนมากยิ่งขึ้น
เพียงแต่ ถ้าวันนี้เขายอมก้มหัวจริงๆ ในภายภาคหน้า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสามตระกูลนี้ เขาจะไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้อีก
เนื่องจาก หลานชายของเขา ตายอยู่ในมือของหยางเฉิน และซ่งหวาเหว่ย ก็ถูกหยางเฉินข่มขู่ ถูกบีบบังคับให้เขาคลานออกจากคลับหวงจิน นี่เป็นการกระทำที่ตบหน้าตระกูลซ่ง
“ทำไม?ผู้นำตระกูลซ่งไม่คิดจะไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งใช่ไหม?”
เมื่อเห็นซ่งชิงซานมีที่ท่าทีลังเล เย่ม่านจึงถามอย่างเย้ยหยัน
ซ่งชิงซานมองไปที่เย่ม่านแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็ตกไปอยู่ที่อวี้เหวินเกาหยาง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า“ผู้นำตระกูลอวี้เหวิน ผมไม่เข้าใจจริงๆ หยางเฉินเป็นแค่ลูกชายที่ถูกตระกูลอวี้เหวินทอดทิ้ง ในเมื่อทอดทิ้งไปแล้ว ทำไมต้องสนใจเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย?”
อวี้เหวินเกาหยางขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลอวี้เหวินของผม มันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”
ซ่งชิงซานยิ้มอย่างเก้อๆ แล้วมองไปที่เย่ม่านพลางถามขึ้นมาว่า“จากที่ผมรู้มา ผู้นำตระกูลเย่ไม่มีลูกสาว หยางเฉินจะเป็นลูกเขยของคุณได้ยังไง?”
“เรื่องส่วนตัวของผมเย่ม่าน ผู้นำตระกูลซ่งเข้ามาสนใจได้เมื่อไรกันหรอครับ?”เย่ม่านถามอย่างเย้ยหยัน
สีหน้าของซ่งชิงซานอับอายเล็กน้อย เขาไว้หน้าอวี้เหวินเกาหยาง นั่นเป็นเพราะถึงแม้อวี้เหวินเกาหยางจะอายุน้อย แต่กลับมีชื่อเสียงมานานแล้ว และได้สืบทอดตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูลตั้งแต่เนิ่นๆ
แต่ว่าเย่ม่าน จากมุมมองของเขา เป็นแค่คนรุ่นหลัง ยังเป็นแค่ผู้หญิง ไม่มีอะไรให้น่ากลัวเกรง
ถึงในใจของเขาจะไม่สบอารมณ์อย่างไร แต่ก็ระเบิดมันไม่ได้
“ผู้นำตระกูลหวงล่ะ?มาที่ตระกูลซ่งของผมทำไมครับ?”ซ่งชิงซานมองไปที่หวงเทียนเชิง
หวงเทียนเชิงมองไปที่ซ่งชิงซานเหมือนคนโง่คนหนึ่ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า“ผมขอเตือนคุณนะ อย่าถามให้มากความดีกว่า คุณหยางน่ะ ไม่ใช่คนที่ตระกูลซ่งจะล่วงเกินได้”
ซ่งชิงซานถึงกับเงียบขรึมทันที จากปฏิกิริยาของทั้งสามคน เขารู้แล้วว่า ถ้าขืนยังแก้แค้นหยางเฉินต่อไป ไม่มีหวังอะไรด้วยซ้ำ
ขอแค่เขากล้าแตะต้องหยางเฉิน เมื่อสามตระกูลเศรษฐีตรงหน้าร่วมมือ ก็สามารถจัดการตระกูลซ่งได้แล้ว
“ได้ ผมยอมแพ้!”
หลังจากที่ซ่งชิงซานเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา
“พ่อครับ!”
เพียงแต่เมื่อคำพูดของเขาถูกปล่อยออกมา ก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาว่า“ไอ้เด็กนั่น มันฆ่าลูกชายผม หลานของคุณพ่อนะครับ!ทำไมพ่อถึงยอมแพ้ล่ะ?”
คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่นเขาคือซ่งคางลูกชายคนเล็ก เขาเป็นพ่อของซ่งหวาตงที่ถูกหยางเฉินฆ่า
“หุบปาก!”
ซ่งชิงซานตะคอก
เขาอยากฟาดฝ่ามือไปตบจริงๆ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ยังกล้าแสดงออกถึงความอาฆาตที่มีต่อหยางเฉิน นี่มันคือการรนหาที่ตายไม่ใช่หรอ?
ซ่งคางตาแดงกำ กัดฟันกรอดพูดขึ้นมาว่า“ถ้าวันนี้พวกเรายอมแพ้ ต่อไป ในบรรดาแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ใครก็สามารถเหยียบเราได้ใช่ไหม?”
“ฉันบอกให้แกหุบปากไง!”
ซ่งชิงซานฟาดฝ่ามือตบลงไป ที่ใบหน้าของซ่งคาง แล้วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว“ถ้าแกยังกล้าพูดจาเพ้อเจ้ออีกล่ะก็ ฉันจะให้แกไสหัวออกไปจากตระกูลซ่ง!”
คราวนี้ ซ่งคางไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
อวี้เหวินเกาหยางกับเย่ม่าน และหวงเทียบเชิง มองด้วยสายตาเย็นชา
ในขณะเดียวกัน ที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ซ่งหวาเหว่ยพูดด้วยสีหน้าจองหองว่า“ฉันให้เวลาหยางเฉินห้านาที ภายในเวลาห้านาที ถ้าเขายังไม่ไสหัวออกมา หลังจากวันนี้ไป ที่เยี่ยนตูจะไม่มีเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอีกต่อไป!”
“จองหองจริงๆ!”
ในตอนที่ซ่งหวาเหว่ยปล่อยคำพูดของเขาออกไป ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น
ทุกคนต่างพากันจ้องมองไป เห็นเพียงแค่ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังค่อยๆก้าวเดินมา
“หยางเฉิน ประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป!”
มีคนจำตัวตนของหยางเฉินได้ เขาพูดอย่างตกตะลึง
คนที่มาก็คือหยางเฉิน ที่เขามา ไม่ได้เพื่อจัดการเรื่องของซ่งหวาเหว่ย แค่กำลังเตรียมจะเดินออกไป ได้ยินเสียงจองหองของซ่งหวาเหว่ยพอดี
“หยางเฉิน ไอ้หนูท่อ ไสหัวออกมาแล้วสินะ!”
เมื่อซ่งหวาเหว่ยเห็นหยางเฉิน สายตาก็เต็มไปด้วยความดุดัน จึงกัดฟันกรอดพูดขึ้นมาว่า“ถ้าตอนนี้แกคุกเข่าลง เลียรองเท้าของฉัน ฉันอาจจะปล่อยแขนขาของแกไป ไม่อย่างนั้น ฉันจะหักแขนขาแกทิ้งเดี๋ยวนี้แหละ หลังจากนั้นค่อยพาแกไปรับโทษที่ตระกูลซ่ง!”
ปึ้ง!
ทุกคนต่างตกตะลึง ต่อหน้าของหยางเฉินซ่งหวาเหว่ย กลับกล้าพูดว่าจะทำลายแขนขาของหยางเฉินทิ้ง
สีหน้าของซ่งหวายี่เปลี่ยนไปในทันที เขารู้ดีว่าหยางเฉินเป็นคนอย่างไร การกระทำของซ่งหวาเหว่ยมันคือการรนหาที่ตายไม่ใช่หรอ?
“ซ่งหวาเหว่ย แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!รีบพาคนของแกรีบไสหัวไปซะ!”ซ่งหวายี่ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว
หยางเฉินหรี่ตาลงทั้งสองข้าง แล้วพูดกับซ่งหวายี่ว่า“ผมรับปากคุณแล้ว ว่าจะปล่อยตระกูลซ่งไปสักครั้ง ถ้าผมฆ่าไอ้หมอนี่ไป น่าจะไม่ถือว่าผิดคำสัญญาหรอกใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งหวายี่ก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว
เขาไม่สนความเป็นความตายของซ่งหวาเหว่ยหรอก แต่ถ้าหยางเฉินฆ่าซ่งหวาเหว่ยจริงๆ ก็จะเกิดเรื่องไม่จบสิ้น กับตระกูลซ่ง
ซ่งหวาเหว่ยที่ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตัวสั้น
แต่เมื่อคิดได้ว่าตนพาผู้แข็งแกร่งสูงสุดของตระกูลซ่งมาด้วย เขาจึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฮ่าๆๆ……”
ทันใดนั้นซ่งหวาเหว่ยก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเกินจริง“ตลกชะมัด ประธานบริษัทต๊อกต๋อยคนหนึ่ง จะกล้าเป็นปริปักษ์กับตระกูลซ่งงั้นหรอ?ยังพูดว่าจะฆ่าฉัน?”