The king of War - บทที่ 633 สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเพณี
“ผมไปกับคุณด้วย!”
หยางเฉินตามไปด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกันก็โทรศัพท์“พี่อ้ายครับ พอดีทางผมมีผู้อาวุโสที่เป็นคนสำคัญมากๆได้รับบาดเจ็บสาหัส พึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล……”
“ตอนนี้ผมกำลังไปโรงพยาบาลครับ”
หยางเฉินยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกอ้ายหลินตัดบท
อ้ายหลินเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในด้านการแพทย์ ไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น และเธอยังรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ในสาขาต่างๆ
มีเธอออกหน้า ศาสตราจารย์ตู้ต้องไม่เป็นอะไรแน่
“พี่เฉิน ขอโทษนะครับ ผมไม่ปกป้องศาสตราจารย์ตู้ให้ดี”
ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล ลั่วปิงขอโทษด้วยดวงตาแดงก่ำ
หยางเฉินส่ายหน้าไปมา“เรื่องนี้ไม่โทษคุณหรอก รอไปถึงโรงพยาบาลก่อน ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
ศาสตราจารย์ตู้เป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณของลั่วปิง ในสายตาของลั่วปิง เขาเป็นเหมือนพ่อแม่ อีกทั้งเขายังแนะนำให้ศาสตราจารย์ตู้รับผิดชอบหน้าที่ออกแบบเมืองจิ่วโจว
มาวันนี้ศาสตราจารย์ตู้ต้องเกิดเรื่อง ลั่วปิงเป็นคนที่รู้สึกเสียใจมากที่สุด
หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที ก็มาถึงโรงพยาบาลของเยี่ยนตู
“ประธานหยาง!ประธานลั่ว!”
หยางเฉินกับลั่วปิงพึ่งมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทก็เดินเข้ามา เขาเป็นผู้จัดการที่รับผิดชอบโปรเจกต์ของเมืองจิ่วโจว
“บอกผมมา ว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมจู่ๆศาสตราจารย์ตู้ต้องถูกช่วยชีวิตแบบนี้”ลั่วปิงถามโดยกดเสียงต่ำ
“เมื่อกี้ มีกลุ่มคนงานก่อสร้าง ไปทำร้ายคนงานหลายคน บีบให้เราหยุดการก่อสร้าง”
“ศาสตราจารย์ตู้รู้สึกโกรธมาก เลยเข้าไปโต้แย้งกับพวกเขา ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำร้ายศาสตราจารย์ตู้”
“ยังมีบอดี้การ์ดของศาสตราจารย์ตู้อีกหลายคน บางคนถูกตีจนแขนหัก บางคนถูกตีจนขาหัก ตอนนี้กำลังเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล”
ผู้จัดการโปรเจกต์รีบพูดขึ้นมา เขาเองก็ถูกทำร้ายจนหน้าบวมจมูกม่วงช้ำ บนตัวมีแต่ฝุ่น เห็นได้ชัดว่าถูกทำร้ายมา
“พวกเขาเป็นใคร?”ลั่วปิงถามอย่างกัดฟันกรอด
ผู้จัดการโปรเจกต์ส่ายหัวไปมา“ไม่ทราบครับ รู้แค่ว่าบนคอของพวกเขาทุกคน ทุกคนมีรอยสักรูปไม้กางเขน”
แววตาของลั่วปิงดูแปลกใจ ใบหน้าเผยให้เห็นความหวาดกลัว
“คุณรู้ไหมว่าเป็นใคร?”หยางเฉินถาม
ลั่วปิงพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม“อันธพาลของคลับหวงจินครับ”
“คลับหวงจิน?”
หยางเฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงขัดขวางความก้าวหน้าของเมืองจิ่วโจว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาพาศาสตราจารย์ไปที่เขตชานเมืองทิศใต้ ได้พบเข้ากับเฉาฮุย ที่อยากจะแย่งซื้อพื้นที่ในเขตชานเมืองทิศใต้ จากมือของหยางเฉิน
เพียงแต่ถูกหยางเฉินปฏิเสธ และเมื่อคืนในตอนที่อยู่ในคลับหวงจิน เฉาฮุยได้ขัดขวางเขา
สุดท้าย ภายใต้สายตาของทุกคนที่จ้องมองอยู่ หยางเฉินจับเฉาฮุยขึ้นมาด้วยมือเดียว เหมือนลูกเจี๊ยบตัวหนึ่ง หลังจากนั้นก็โยนเขาออกไป กระแทกกับพื้น และสลบเหมือดไป
ถ้าไม่เป็นเพราะหยางเฉินไม่อยากมีเรื่องกับตระกูลเดอะคิง เฉาฮุยในตอนนี้ คงได้กลายเป็นศพไปแล้ว
แต่สิ่งที่หยางเฉินคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อตนปล่อยคนของตระกูลเฉาไป แต่คนของตระกูลเฉา กลับไม่ยอมปล่อยเขาไป
“ทางที่ดีพวกคุณภาวนาเถอะ อย่าให้ศาสตราจารย์ตู้เป็นอะไร ไม่อย่างนั้น ผมจะจัดการทั้งตระกูลเฉา ฝังมันลงหลุมทั้งหมด!”
หยางเฉินหรี่ตาลงทั้งสองข้าง แรงอาฆาตแผ่ซ่านออกจากตัวเขา ลั่วปิงที่อยู่ใกล้เขาที่สุด รู้สึกเย็นเฉียบ ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกลัว
“ท่านประธานครับ คุณรู้ไหมว่าอีกฝ่ายเป็นใคร?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลั่วปิงถึงได้ดึงอารมณ์กลับมา แล้วถามกับหยางเฉิน
หยางเฉินถามว่า“ยังจำครั้งก่อนที่เราพาศาสตราจารย์ตู้ไปที่เขตชานเมืองทิศใต้ พบเข้ากับคนพวกนั้นได้ไหม?”
ลั่วปิงพยักหน้า แล้วพูดอย่างตกใจ“หลังจากที่คนของตระกูลเดอะคิงไปแล้ว ก็เรียกผู้ชายที่ชื่อเฉาฮุยส่งคนไปใช่ไหมครับ?”
หยางเฉินพูดอย่างเคร่งขรึม“คลับหวงจินเป็นธุรกิจของตระกูลเฉา ตอนนี้คนที่ชื่อเฉาฮุยคนนั้นเป็นคนรับผิดชอบ”
“ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง!”ลั่วปิงกัดฟันกรอด
แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของตระกูลเดอะคิง เขาก็ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า“ท่านประธานครับ โปรเจกต์เมืองจิ่วโจว คงจะไม่ถูกระงับด้วยเหตุนี้หรอกใช่ไหมครับ?”
หยางเฉินส่ายหน้าไปมา แล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า“เป็นแค่คนรุ่นหลังของตระกูลเดอะคิง ถึงผู้นำของตระกูลเดอะคิงจะมาเอง ก็หยุดโปรเจกต์เมืองจิ่วโจวไม่ได้หรอก!”
ลั่วปิงมองไปที่หยางเฉิน ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดไหน ก็เหมือนกับหยางเฉินไม่เห็นอยู่ในสายตา
เพียงแต่ ศัตรูในครั้งนี้เป็นถึงคนรุ่นหลังตระกูลเฉาที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลแห่งตระกูลเดอะคิง หยางเฉินจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้หรือไม่ ที่จัดการได้อย่างง่ายดาย?
“แค้นของศาสตราจารย์ตู้ ผมจะช่วยเขาจัดการเอง คุณแค่ต้องไปดูแลเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ดี”หยางเฉินเอ่ยปากพูดขึ้น
“ครับ ท่านประธาน!”
ลั่วปิงรีบตอบรับ
“คุณย่าผมเป็นยังไงบ้าง?”
ในเวลานี้เอง จู่ๆก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา ต่อมาก็เห็นคนสามคนวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
คนที่พูดเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่วิ่งอยู่ข้างหน้าสุด ด้านหลังมีชายวัยกลางคนกับหญิงวัยกลางคนตามมาด้วย
บนใบหน้าของชายวัยกลางคน ยังคงดูออกว่ามีเค้าโครงของศาสตราจารย์ตู้อยู่บ้าง อีกฝ่าย เหมือนคนที่โผล่ออกมาจากรูปวาดยังไงอย่างนั้น
“เสี่ยวเยว่ ศาสตราจารย์ตู้ยังอยู่ในนี้”
ลั่วปิงก้าวไปข้างหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เขาก้มหัว กระทั่งไม่มองหน้าหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเยว่
“ศาสตราจารย์ผัง!”
ในที่สุดลั่วปิงก็เงยหน้าขึ้น และมองไปที่ลูกชายของศาสตราจารย์ตู้ แล้วพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด“ขอโทษจริงๆครับ ผมไม่ดูแลศาสตราจารย์ตู้ให้ดี!”
ก่อนหน้านี้ลั่วปิงได้บอกถึงสถานการณ์ในครอบครัวของศาสตราจารย์ตู้ให้กับหยางเฉินรับรู้แล้ว ทั้งครอบครัวของศาสตราจารย์ตู้ ต่างเป็นผู้สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ลูกชายของศาสตราจารย์ตู้ชื่อผังหย่ง เป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเยี่ยนตู
ยังคนคนรักของผังหย่ง เป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเยี่ยนตูเช่นกัน
สำหรับผังเสี่ยวเยว่ เป็นนักศึกษาปีสี่ของมหาวิทยาลัยเยี่ยนตู ได้ยินมาว่ามีผลการเรียนที่ดีมาก การวิจัยได้รับการรองรับแล้ว
เมื่อได้ยินคำขอโทษจากลั่วปิง ผังหย่งก็ถอนหายใจ แล้วส่ายหน้าไปมา“สร้างเมือง เป็นความฝันของแม่ผมมาตลอดทั้งชีวิต คุณสามารถให้โอกาสกับเธอ ผมน่าจะต้องขอบคุณคุณนะ”
“ผมคิดว่า คุณคงไม่อยากให้แม่ผมได้รับบาดเจ็บหรอก ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ เราก็ทำได้แค่ภาวนา เธอจะปลอดภัยไม่เป็นหรอกครับ คุณอย่ารู้สึกผิดเลย”
สมกับเป็นคนรุ่นหลังของผู้สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เป็นคนที่เข้าใจคน
แต่ลั่วปิงกลับละอายใจมากยิ่งขึ้น แล้วพูดด้วยดวงตาแดงก่ำว่า“ขอบคุณครับ!”
“ท่านนี้คือ?”
ผังหย่งเหมือนจะไม่อยากให้ลั่วปิงรู้สึกผิด จึงแสร้งเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มองไปที่หยางเฉินที่อยู่ข้างๆ แล้วถามกับลั่วปิง
“เขาก็คือประธานหยาง เป็นประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ปครับ”ลั่วปิงรีบแนะนำ
ผังหย่งส่งยิ้มให้ แล้วก้าวไปข้างหน้าจับมือของหยางเฉิน“ที่แท้คุณก็คือประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ!”
ขณะที่กำลังเอื้อมมือไปจับ ก็ถูกร่างของหญิงสาวคนหนึ่งทั้งสองขวางไว้
เธอคือผังเสี่ยวเยว่ เธอพูดขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว“ในเมื่อคุณคือประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ถ้าอย่างงั้นเรื่องของคุณย่า คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด!”
“ถ้าคุณย่าฉันไม่เป็นอะไร ก็พูดกันง่ายหน่อย แต่ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่”
ผังเสี่ยวเยว่ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองหยางเฉินอย่างโกรธเคือง
เมื่อได้ยินคำพูดของผังเสี่ยวเยว่ สีหน้าของลั่วปิงก็เปลี่ยนไปในทันที กลัวว่าจะทำให้หยางเฉินโมโห
เขากำลังจะเอ่ยปากพูด ผังหย่งก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“เสี่ยวเยว่ ลูกทำอะไรน่ะ?คุณย่าของลูกได้รับบาดเจ็บ เป็นสิ่งที่ประธานหยางอยากจะเห็นอย่างนั้นหรอ?ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!