The king of War - บทที่ 660 เขาเพิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ในสายตาของพวกเขา หลี่จิ้งเป็นเหมือนเทพที่มีศักยภาพยากแท้หยั่งถึง แม้แต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังเช่นนี้ยังพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง
ส่วนเฉินเห้าและเฉินอิงเหาที่หลบอยู่ข้างหลังหยางเฉิน หลังจากนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก็มีสีหน้าไร้ความปรานีทันที
“คุณเป็นใครกันแน่?”
หลี่จิ้งพยายามลุกขึ้นจากพื้น เช็ดเลือดที่มุมปากแล้วมองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง
ในเวลานี้เขาสูญเสียกำลังที่จะต่อสู้อีกครั้งอย่างแท้จริง
ไม่ว่าเขาจะไม่ยินยอมแค่ไหน ก็ต้องยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขามาเป็นผู้คุ้มกันได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
แม้ว่าเขาจะแพ้เขาก็ต้องแพ้อย่างไม่มีข้อกังขา
หยางเฉินมองหลี่จิ้งแล้วพูดอย่างใจเย็น “คุณกลับไปบอกหัวหน้าจิน ผมชื่อหยางเฉิน เขาจะบอกคุณเองว่าผมเป็นใคร”
“จากนี้ไป จะไม่มีตระกูลไช่ในเยี่ยนตูอีก คุณไปซะ!”
หยางเฉินพูดอย่างราบเรียบ
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด หลี่จิ้งก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ลึกๆ หยางเฉินหมายความว่าจินกางรู้จักตัวตนของเขางั้นหรือ?
นั่นหมายความว่าหยางเฉินรู้จักจินกางมาตั้งแต่แรก แค่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเท่านั้น?
“ผมจะบอกหัวหน้าจินตามความจริง!” หลี่จิ้งกัดฟันพูด
เขาไม่ใช่คนที่จะไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เห็นได้ชัดว่าหยางเฉินไม่ต้องการเอาชีวิตของเขา เขาก็ไม่สามารถเอาชนะหม่าชาวได้ หากยังสู้ต่อไปมีแต่จะนำความอับอายขายหน้ามาสู่ตัวเอง จนถึงขนาดอาจสูญเสียชีวิตที่นี่
เขาหันหลังเดินออกไปโดยไม่ลังเลใดๆ อีก
ตระกูลไช่ทั้งสามถึงกับโง่ไปเลย หลี่จิ้งทอดทิ้งพวกเขาไปแบบนี้ได้อย่างไร?
แล้วพวกเขาควรทำอย่างไรต่อไป?
“ตอนนี้ถึงตาของพวกคุณแล้ว”
หยางเฉินมองไปที่ทั้งสามและพูดติดตลก
เมื่อได้ยินเช่นนั้นไช่หวงก็สั่นไปทั้งตัว รีบพูดขึ้นว่า “คุณหยาง ท่านกำลังจะซื้อตระกูลไช่ของเราด้วยเงินหนึ่งหมื่นล้าน พวกเราตกลง!”
“ใช่ๆๆ พวกเราตกลงที่จะขายตระกูลไช่ให้กับคุณหยาง” ไช่โหย่วเหวยรีบเอ่ยขึ้น
แม้แต่ไช่เหวินที่กำลังนอนอยู่บนเปลหามก็พูดอย่างตื่นตระหนก “มีเพียงบุคคลใหญ่โตอย่างคุณหยางเท่านั้น ที่สามารถทำให้กิจการของตระกูลไช่เจริญรุ่งเรือง”
แต่หยางเฉินกลับส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “หนึ่งหมื่นล้าน เป็นราคาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ผมให้ราคาได้แค่หนึ่งพันล้าน”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของคนตระกูลไช่ทั้งสามก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ทรัพย์สินของตระกูลไช่หนึ่งแสนล้าน ไม่น่าเชื่อว่าหยางเฉินต้องการซื้อด้วยราคาเพียงหนึ่งพันล้านเท่านั้น นี่มันคือการปล้นชัดๆ
“ทำไมล่ะ? พวกคุณไม่ยินยอมเหรอ?”
หยางเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“คุณหยาง หนึ่งพันล้านมันน้อยเกินไป ท่านให้ผมมากขึ้นกว่านี้หน่อยได้ไหม? ถึงยังไง…”
ก่อนที่ไช่หวงจะพูดจบก็ถูกหยางเฉินขัดจังหวะขึ้น “เก้าร้อยล้าน!”
ก่อนที่ไช่หวงจะทันได้โต้ตอบอะไร ก็ได้ยินหยางเฉินพูดว่า “ถ้าคุณไม่พอใจก็สามารถต่อรองราคาได้ แต่การเสนอราคาของผมมีแต่จะลดลงเรื่อยๆ”
ในครั้งนี้ไช่หวงถึงได้เข้าใจว่าเพราะการต่อรองของเขา หยางเฉินจึงได้ลดราคาลงอีกหนึ่งร้อยล้าน เขาแทบจะร้องไห้ รู้อย่างนี้เขาจะไม่ต่อรองราคาเลย
ขณะที่เขากำลังจะตอบตกลง ไช่โหย่วเหวยก็กัดฟันพูดว่า “คุณหยาง คุณรังแกกันเกินไปหรือเปล่า? คุณซื้อทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลไช่ด้วยเงินเก้าร้อยล้านงั้นเหรอ?”
หยางเฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แปดร้อยล้าน!”
“คุณ…”
ไช่โหย่วเหวยระเบิดอารมณ์ทันที
แต่คราวนี้เขาพูดได้เพียงคำเดียวเท่านั้น ก็ได้ยินหยางเฉินพูดอีกครั้ง “เจ็ดร้อยล้าน!”
“เผียะ!”
ไช่หวงยกมือตบหน้าไช่โหย่วเหวยอย่างแรง คำรามด้วยตาสีแดงก่ำ “แกหุบปากไปซะ!”
“พ่อครับ ผม…”
ไช่โหย่วเหวยยังต้องการอธิบาย แต่ไช่หวงตวาดใส่ “หุบปาก!”
คราวนี้ไช่โหย่วเหวยก็หุบปากได้ในที่สุด แต่สายตาที่มองหยางเฉินนั้นเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและอัปยศอดสู
ไช่เหวินที่นอนอยู่บนเปลหามรู้สึกผิดมาก หากไม่ใช่เพราะตามใจไช่กวาง จะเกิดเรื่องแบบในวันนี้หรือ?
พอคิดตระกูลไช่จะสูญสลายไป ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความเสียใจ
“คุณหยาง ผมขาย! ผมขาย! ผมจะขายให้ท่านเจ็ดร้อยล้าน!” ไช่หวงกัดฟันพูด
เฉินเห้าและเฉินอิงเหาตกตะลึง ทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลไช่ถูกหยางเฉินได้ไปในราคาเจ็ดร้อยล้านเช่นนี้?
พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
“พรุ่งนี้ไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเพื่อจัดการตามขั้นตอน หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการส่งมอบแล้ว ผมจะจ่ายเงินให้พวกคุณหนึ่งหมื่นล้าน ซึ่งเพียงพอสำหรับตระกูลไช่ที่จะจัดตั้งตระกูลชั้นนำขึ้นในเมืองอื่นนอกเหนือจากเมืองเยี่ยนตู”
จู่ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้น
คนตระกูลไช่ทั้งสามที่ยังเมื่อครู่ยังไม่ยอมแพ้เพราะหยางเฉินซื้อทั้งตระกูลด้วยเงินเพียงเจ็ดร้อยล้าน เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจในทันที
สิ่งที่หยางเฉินพูดนั้นถูกต้อง เงินหนึ่งหมื่นล้านเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะสร้างตระกูลชั้นนำขึ้นมาใหม่ในเมืองอื่นที่ไม่ใช่เยี่ยนตู
“ขอบคุณครับคุณหยาง! ขอบคุณครับคุณหยาง!”
ไช่หวงรีบขอบคุณและรับประกันทันทีว่า “คุณหยางไม่ต้องกังวล หลังจากขั้นตอนการส่งมอบเสร็จสิ้นลง พวกเราจะออกจากเมืองเยี่ยนตูทันที!”
แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าหยางเฉินหมายถึงอะไร เขาต้องการให้ตระกูลไช่ออกไปจากเมืองเยี่ยนตูตลอดกาล
“เอาล่ะ พวกคุณไปได้แล้ว!” หยางเฉินกล่าว
คนตระกูลไช่ออกไปอย่างรวดเร็ว ในห้องส่วนตัวเหลือเพียงหยางเฉินและหม่าชาว ยังมีพ่อลูกตระกูลเฉินทั้งสี่คน
“ยินดีด้วยครับคุณหยาง! ที่ได้ตระกูลไช่มา!” เฉินเห้ารีบก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยสีหน้าชื่นชม
สไตล์การจัดการของหยางเฉิน ทำให้เขารู้แน่ชัดยิ่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่า หยางเฉินได้ใช้เรื่องนี้เตือนพวกเขาว่า ขอเพียงยอมเชื่อฟังหยางเฉิน ก็ยังมีน้ำแกงให้ดื่ม แต่ถ้ากล้าไม่เชื่อฟัง อย่าว่าแต่น้ำแกงเลย แม้แต่หัวเชื้อน้ำแกงก็ไม่มี
“จากนี้ไป จะไม่มีตระกูลไช่ในเยี่ยนตูอีกต่อไป ส่วนกิจการของตระกูลไช่จะให้ตระกูลเฉินเข้ามาช่วยผมดูแล พวกคุณเข้าใจเจตนาของผมไหม?” หยางเฉินถาม
“เข้าใจครับ! เข้าใจครับ! คุณหยางไม่ต้องกังวล ตระกูลเฉินจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”
เฉินเห้ารีบเอ่ยขึ้น
เฉินอิงเหายังกล่าวอีกว่า “ขอบคุณคุณหยางสำหรับความไว้วางใจในตระกูลเฉินของเรา!”
ในขณะเดียวกัน หลี่จิ้งได้ออกมาจากร้านอาหารแซ่เฉินแล้ว
ระหว่างทางที่พวกเขากลับมาก็ได้โทรศัพท์ออกไป ไม่นานก็โทรติด “หัวหน้าสาขา คุณรู้จักชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อหยางเฉินไหม?”
“หยางเฉิน!”
จินกางได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความแปลกใจ “คุณหมายถึง ชายหนุ่มอายุประมาณ 27-28 ปีน่ะเหรอ?”
“ใช่ เขานั่นแหละ!”
หลี่จิ้งกัดฟันพูดว่า “ตระกูลไช่ล่วงเกินเขาและขอให้ผมไปช่วย แต่ผู้คุ้มกันประจำตัวของหยางเฉินแข็งแกร่งมาก เขาเอาชนะผมได้!”
“หัวหน้าสาขา ตระกูลไช่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่พวกเราฝึกฝนมากับมือ มีทรัพย์สินนับแสนล้าน ตอนนี้ถูกหยางเฉินแย่งชิงไปแล้ว พวกเราไม่สามารถปล่อยไปแบบนี้ได้!”
เมื่อได้ยินดังนั้น จินกางก็เงียบลงอย่างฉับพลัน ครู่ต่อมาเขาจึงพูดขึ้นว่า “ตระกูลไช่ ปล่อยมันไปเถอะ!”
“อะไรนะ?”
หลี่จิ้งมีสีหน้าประหลาดใจ เขาคิดไม่ถึงว่า ในฐานะหัวหน้าสาขาสมาคมบูโดเขตจิ่วโจวอย่างจินกาง จะยอมเสียตระกูลไช่ที่มีทรัพย์สินแสนล้านไป
“คุณคิดว่าชายหนุ่มที่เอาชนะคุณได้เป็นผู้คุ้มกันประจำตัวของหยางเฉินจริงๆ งั้นเหรอ?” จินกางถาม
“แล้วไม่ใช่เหรอ?” หลี่จิ้งย้อนถาม
จินกางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แล้วคุณรู้ไหมว่า เดือนที่ผ่านมาผมเคยต่อสู้กับหยางเฉิน แม้ว่าจะใช้เพียงกระบวนท่าเดียว แต่คนที่พ่ายแพ้กลับเป็นผมเอง!”
“อะไรนะ?”
สีหน้าของหลี่จิ้งเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่อยากจะเชื่อเลย