The king of War - บทที่ 661 คุณสวยมาก
แม้ว่าอันดับของเขาในสมาคมบูโดจะอยู่ต่ำกว่าจินกางกันเพียงลำดับเดียว แต่ช่องว่างความแข็งแกร่งนั้นไม่เล็กน้อยเลย
ถ้าเขาได้ประมือกับจินกางจริงๆ ก็อาจจะต้านทานจินกางไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
ช่องว่างใหญ่ขนาดนี้ จินกางกลับบอกว่าเขาเคยพ่ายแพ้ให้กับหยางเฉินมาแล้ว
ที่สำคัญคือ หยางเฉินยังเด็กมาก แต่กลับมีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกันเลยหรือ?
“คุณไม่ต้องกังวล วันหนึ่งสมาคมบูโดจะต้องชำระสะสางบุญคุณความแค้นทั้งหมดนี้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้น!” จินกางกล่าว
ในร้านอาหารแซ่เฉิน หลังจากหยางเฉินมอบหมายงานให้สองพ่อลูกแล้ว เขากับหม่าชาวก็ออกไปพร้อมกัน
“พี่เฉิน คุณเคยคิดเรื่องการสร้างตระกูลหยางเองหรือไม่?”
หม่าชาวเอ่ยปากถามทันทีที่เดินออกมาจากห้องส่วนตัว
หยางเฉินส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “ชีวิตคนเราต้องอยู่อย่างอิสระ ถึงจะมีความสุข”
“ถ้าผมสร้างตระกูลหยาง ทายาทรุ่นหลังของผมก็จะไม่มีความสุข ผมไม่ต้องการที่จะเห็นพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในความขัดแย้งและการหลอกลวงทุกวัน รวมไปถึงการเข่นฆ่ากันเองระหว่างพี่น้อง”
“จะว่าไปแล้ว ผมกับลูกสาวของผม หลังจากได้รู้ความหมายของตระกูลหยาง คนสองคนจะสามารถสร้างครอบครัวได้เหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น หม่าชาวก็ยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้า
“พี่หยาง!”
ทันทีที่หยางเฉินเดินออกมาจากร้านอาหารแซ่เฉิน เสียงที่ชัดเจนดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“เสี่ยวเยว่ ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”
หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นผังเสี่ยวเยว่
ดวงตาของผังเสี่ยวเยว่แดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่สบายใจจนกระทั่งได้เห็นว่าหยางเฉินปลอดภัย
แต่เวลานี้เป็นเดือนพฤศจิกายนแล้ว เมื่อครู่ผังเสี่ยวเยว่ได้รอเขาอยู่ที่ประตูร้านอาหารแซ่เฉินอยู่ตลอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เห็นชัดเจนว่าหนาว
“พี่หยาง ฉันขอโทษ ฉันเป็นคนนำพาความยุ่งยากมาให้คุณเอง”
หลังจากที่แน่ใจว่าหยางเฉินไม่เป็นอะไร ผังเสี่ยวเยว่ก็รู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด
ในเวลานี้ หม่าชาวได้ขับรถออกมาแล้ว เขารีบบอกหยางเฉิน “ขึ้นรถก่อนครับ!”
หลังจากขึ้นรถมาแล้ว ผังเสี่ยวเยว่ถึงรู้สึกอุ่นขึ้น
“เด็กโง่ เมื่อกี้มายืนรอผมอยู่ที่ประตูตลอดเลยเหรอ?”
หยางเฉินถามอย่างช่วยไม่ได้
ผังเสี่ยวเยว่พยักหน้าอย่างลำบากใจ “ฉันเป็นห่วงว่าคุณจะเกิดเรื่อง แต่ก็โล่งใจที่ได้เห็นว่าคุณไม่เป็นอะไร”
หยางเฉินรู้สึกซาบซึ้งในทันที จู่ๆ เขาก็คิดว่าถ้าตัวเองมีน้องสาว ก็น่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกันใช่ไหม?
รถตะบึงออกไป ครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มาถึงบ้านของผังเสี่ยวเยว่
“กลับไปดื่มน้ำขิงเสียหน่อย ไม่งั้นจะเป็นหวัดได้”
หลังจากที่เห็นผังเสี่ยวเยว่ลงจากรถแล้ว หยางเฉินก็สั่งกำชับ
“ขอบคุณค่ะพี่หยาง!” ผังเสี่ยวเยว่ดูท่าทางมีความสุขมาก ตอบประโยคหนึ่งแล้วจากไป
“พี่เฉิน ผมคิดว่าน้องสาวคนนี้ ดูเหมือนจะสนใจคุณนะ”
หม่าชาวกล่าวยิ้มๆ
หยางเฉินยิ้มแต้พลางพูดว่า “ผมคิดว่าจำเป็นต้องเพิ่มภารกิจฝึกอบรมให้คุณแล้ว”
หม่าชาวตกใจจนสั่นไปทั้งตัว รีบบอกว่า “พี่เฉิน ผมเพิ่งเอาชนะหลี่จิ้งที่อยู่อันดับสี่ในสมาคมบูโดมา ถือได้ว่าเป็นความท้าทายที่เกินระดับของผมแล้วหรือเปล่า? ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเพิ่มการฝึกอีก”
“ถ้าคุณยังพูดจาเรื่องไร้สาระอยู่ ผมว่ามันจำเป็น” หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินดังนั้น หม่าชาวก็ไม่กล้าพูดมากอีก รีบหุบปากแล้วขับรถพาหยางเฉินกลับบ้านอย่างตั้งใจ
เช้าวันถัดมา ไช่หวงก็มาพร้อมกับทนายความของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
คืนที่ผ่านมาหยางเฉินได้มอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว ให้ลั่วปิงมารับผิดชอบจัดการเรื่องนี้ ไม่ช้าการโอนถ่ายกิจการของตระกูลไช่ก็เสร็จสิ้นลงอย่างราบรื่น
หยางเฉินเพียงแค่ออกมาเซ็นชื่อ ทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลไช่ก็อยู่ในมือหยางเฉินแล้ว
“ท่านประธาน ซื้อทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลไช่มาในราคาเพียงหนึ่งหมื่นล้านเท่านั้นเหรอครับ?”
จนกระทั่งเสร็จสิ้นขั้นตอนการส่งมอบ ลั่วปิงก็พูดด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกราวกับว่ากำลังฝันไป
ก่อนหน้านี้หยางเฉินก็ให้เขาหลายหมื่นล้านสำหรับการสร้างเมืองจิ่วโจว ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจแก่เขามากแล้ว ตอนนี้แม้แต่กิจการของตระกูลไช่ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านก็มาอยู่ภายใต้ชายคาของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
หยางเฉินหัวเราะ “หลักฐานแน่ชัดขนาดนี้ คุณยังไม่เชื่ออีกเหรอ?”
“ไม่ได้ไม่เชื่อครับ ผมแค่รู้สึกว่าฝันไป” ลั่วปิงกล่าวอย่างตื่นเต้น
เขาแค่รู้สึกตื่นเต้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ทันได้ถามว่าหยางเฉินให้ตระกูลไช่ ขายทรัพย์สินนับแสนล้านให้แก่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้อย่างไร
“ท่านประธาน จากแผนเดิม ผมวางแผนที่จะสร้างจิ่วโจวให้เสร็จสมบูรณ์ภายในสามปี แต่ตอนนี้บริษัทมีทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์ ผมประเมินว่าการสร้างเมืองจิ่วโจวจะแล้วเสร็จในอีกสองปีหรืออาจจะเป็นปีครึ่งก็ได้”
จู่ๆ ลั่วปิงก็กล่าวขึ้น
ที่หยางเฉินลงทุนในโครงการเมืองจิ่วโจวจำนวนมาก ก็เพื่อให้การสร้างเมืองจิ่วโจวสำเร็จโดยเร็วที่สุด
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แปลกใจในคำพูดของลั่วปิง เพียงแต่กำชับว่า “เร็วได้ก็ดี แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยในการก่อสร้างเป็นอันดับแรก!”
“ท่านประธานไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” ลั่วปิงรับประกัน
หยางเฉินพยักหน้า “ดี!”
“ว่าแต่ว่า สำนักงานสาขาของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้เริ่มตกแต่งแล้ว อีกครึ่งเดือนก็จะเข้าไปทำงานได้อย่างเป็นทางการแล้วครับ” ลั่วปิงกล่าวขึ้นอีก
“คุณจัดการได้ดี!” หยางเฉินกล่าว
“ท่านประธาน ถ้าอย่างนั้นคุณทำงานต่อเถอะ ผมก็จะไปทำงานเหมือนกัน!”
หลังจากรายงานการทำงานเสร็จแล้ว ลั่วปิงก็หันหลังเดินออกไป
ลั่วปิงเพิ่งออกไป ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ!” หยางเฉินเอ่ย
ประตูของห้องทำงานถูกผลักเปิดออก คนที่คุ้นเคยดีเดินเข้ามา
“เสี่ยวหย่า คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”
หยางเฉินมองไปยังคนที่เข้ามา แล้วถามด้วยความงุนงง
คนที่มาคือซ่งหวาหย่า
“พี่หยางคะ เราจะต้องไปต่างประเทศในวันพรุ่งนี้แล้ว คืนนี้คุณว่างหรือเปล่า? ฉันอยากจะชวนคุณไปกินข้าว”
ซ่งหวาหย่ามองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน แล้วถามขึ้น
ดวงตาของเธอแดงระเรื่อ เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ได้สิ!”
หยางเฉินตอบตกลงอย่างง่ายดาย
ซ่งหวาหย่าคิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเพียงนี้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข
“ขอบคุณค่ะพี่หยาง!”
ซ่งหวาหย่ากล่าวอย่างตื่นเต้น
จากนั้นเธอก็วิ่งออกไปอย่างมีความสุข
หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “ก็แค่ตอบตกลงที่คุณชวนผมไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงดีใจนัก?”
เขาไม่รู้ว่า ซ่งหวาหย่าได้พบเขาเพียงไม่กี่ครั้งก็ตกหลุมรักเขาแล้ว
เวลาเลิกงาน หยางเฉินเดินออกจากบริษัท เห็นคนคุ้นเคยยืนอยู่ไม่ไกลออกไปกำลังโบกมือให้เขา “พี่หยาง ทางนี้ค่ะ!”
เห็นได้ชัดว่าซ่งหวาหย่าแต่งตัวเป็นพิเศษ เธอได้เปลี่ยนเป็นชุดทำงาน กางเกงสีดำ รองเท้าบูตยาว และเสื้อคลุมขนสัตว์
ผมยาวของเธอที่มัดไว้ตลอดถูกปล่อยลงมาอย่างจงใจ ลมพัดผมยาวพลิ้วไหวไปกับสายลม
ซ่งหวาหย่าที่สวยงามโดดเด่นอยู่แล้ว พอแต่งตัวชุดนี้ก็ยิ่งงดงามมาก
หยางเฉินเกือบจะจำเธอไม่ได้
“วันนี้คุณสวยมาก!”
หยางเฉินเดินเข้าไปหาซ่งหวาหย่า แล้วกล่าวชื่นชมอย่างเปิดเผย
ซ่งหวาหย่าหน้าแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย็นหรือเขินอาย
เธอกลอกตาใส่หยางเฉิน แล้วพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ “พี่หยางหมายถึงวันนี้ฉันสวยมาก แล้วปกติไม่สวยเหรอคะ?”
“ได้ยังไงล่ะ? คุณสวยงามเสมอ และวันนี้ก็สวยเป็นพิเศษ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของซ่งหวาหย่า หยางเฉินก็รีบกล่าวขึ้น
รอยยิ้มอิ่มเอมใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซ่งหวาหย่า “ก็เหมือนกันแหละ!”