The king of War - บทที่ 667 สถานบันเทิงชั้นยอด
เขารู้จักรถแบบนี้อยู่แล้ว แม้จะราคาแค่สิบกว่าล้าน แต่ไม่ใช่ว่าใครๆก็ซื้อรถแบบนี้ได้
ต่อให้เป็นเขาเอง ก็ใช่ว่าจะขอให้โฟล์คสวาเกนสร้างโฟล์คเภาตันแบบสั่งออกแบบเองได้
“ในเมื่อนายบอกอะไรฉันมากมายขนาดนี้ ฉันก็ต้องขอเตือนนายไว้อย่าง มีฉันอยู่ นายอย่าหวังจะทำอะไรเสี่ยวหย่าได้แม้เพียงเส้นขน มิฉะนั้นฉันไม่ถือสาที่จะทำให้นายหายไปจากโลกนี้หรอกนะ”
หยางเฉินเอ่ยเสียงเย็น
สิ้นเสียงเขาก็ขึ้นรถและออกไป
เมื่อเห็นโฟล์คเภาตันค่อยๆขับออกไป สายตาของโม่ตงซวี่เปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต “แกบังอาจขู่ฉัน นั่นต้องโทษประหาร”
ทีแรกหยางเฉินคิดว่าโม่ตงซวี่แยกกับซ่งหวาหย่าด้วยเหตุผลบางอย่าง และถึงขั้นปล่อยข่าวที่ตัวเองตายอยู่ต่างประเทศแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่าที่เขาเลิกกับซ่งหวาหย่าเพียงเพราะครอบครัวซ่งหวาหย่าไม่เป็นที่ต้อนรับขับสู้ในตระกูลซ่ง จึงคิดว่าตัวเองโดนหลอกและคิดจะแก้แค้น
คนแบบนี้พิลึกสุดๆไปเลย
ยี่สิบนาทีต่อมา หยางเฉินจอดรถที่ลานจอดรถเน่ชั่ง
เวลานี้เป็นช่วงที่ธุรกิจกลางคืนรุ่งเรืองที่สุด ลานจอดรถเน่ชั่งมีรถหรูมากมายจอดอยู่เต็มไปหมด
“ดูท่านี่ยังเป็นหนึ่งในสถานบันเทิงชั้นยอดของเยี่ยนตู”
หยางเฉินมองเข้าไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ก็เห็นว่าเป็นรถหรูระดับหลายล้านจนถึงหลายสิบล้านทั้งนั้น แถมยังมีรถซุปเปอร์คาร์รุ่นลิมิเต็ดชั้นยอดที่มีมูลค่าเกินสิบล้านอีกด้วย
โฟล์คเภาตันรุ่นสั่งทำพิเศษของหยางเฉินจอดอยู่ท่ามกลางรถยนต์หรูหราเหล่านี้ซึ่งดูไม่เข้ากันเลย ยังไงซะไม่ใช่ทุกคนที่รู้เรื่องรถ
“ตระกูลไช่!”
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตูของเย่ชั่ง หยางเฉินเห็นตัวอักษร “เย่ชั่ง” ตัวใหญ่เหนือทางเข้า และมีตัวอักษร “ไช่ซื่อกรุ๊ป” สีแดงอยู่ด้านข้าง
“ที่แท้ก่อนหน้านี้ก็เป็นธุรกิจของตระกูลไช่นี่เอง!” หยางเฉินหัวเราะ
วันนี้ ไช่หวงไปเยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วยตัวเอง เพื่อโอนธุรกิจภายใต้ตระกูลไช่ทั้งหมดให้ในราคาต่ำตม ดังนั้น ตอนนี้เย่ชั่งถือว่าเป็นธุรกิจของหยางเฉิน
เพียงแต่หยางเฉินตั้งใจจะมอบธุรกิจทุกอย่างของตระกูลไช่ให้ตระกูลเฉินช่วยเขาดูแล
“สวัสดีค่ะคุณหยาง!”
หยางเฉินเพิ่งเดินเข้ามาในเย่ชั่ง สาวสวยสองคนหน้าประตูที่คอยรับแขกก็พูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม
“พวกเธอรู้จักฉันเหรอ?”
หยางเฉินแปลกใจเล็กน้อย
หนึ่งในสาวสวยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ประธานเฉินได้ส่งรูปถ่ายของคุณเพื่อบอกพวกเราแล้วว่าคุณเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดของเรา ไม่ว่าคุณจะมาเมื่อไหร่ เราก็ต้องต้อนรับคุณด้วยบริการที่ดีที่สุด”
“เราเตรียมห้องราชาให้คุณแล้ว พาคุณไปได้ทุกเมื่อ คุณหยางจะไปห้องราชาตอนนี้เลยมั้ยคะ?”
หยางเฉินถึงเข้าใจว่าเรื่องเป็นมายังไง เขายิ้มและส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก ฉันมากับเพื่อนๆ”
ระหว่างทางเมื่อกี้ ซ่งหวาหย่าได้บอกหมายเลขห้องส่วนตัวกับหยางเฉินแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหาห้องส่วนตัวที่ซ่งหวาหย่าอยู่เจอ
“หยางเฉิน!”
หยางเฉินเพิ่งเข้ามาในห้อง ซ่งหวาหย่าก็ส่งเสียงเรียกทันที
เมื่อกี้ตอนอยู่หน้าประตู หยางเฉินก็ได้ยินเพื่อนสมัยเรียนของซ่งหวาหย่าเกลี้ยกล่อมให้เธอเลิกกับหยางเฉิน
“โม่ตงซวี่ล่ะ?”
เมื่อเห็นหยางเฉินมาคนเดียว หยางซงลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมขมวดคิ้ว “นายไม่ได้ทำอะไรเขาใช่มั้ย?”
“โม่ตงซวี่เป็นลูกเขยของตระกูลซุนเลยนะ เขาเป็นแค่คนจนๆจะทำอะไรได้”
ซางเสี่ยวเซียกล่าวว่าแดกดัน
หวางหวนก็หัวเราะเย็นๆพร้อมกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว โม่ตงซวี่กลับมาครั้งนี้เห็นว่าจะเข้ารับตำแหน่งในธุรกิจของตระกูลซุน และภรรยาของเขาเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลซุน สถานะของโม่ตงซวี่ในตระกูลซุนไม่มีทางต่ำแน่”
ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่ ประตูของห้องส่วนตัวถูกผลักออก โม่ตงซวี่และภรรยาของเขา ซุนเหม่ยจวน
“พวกเธอคุยอะไรกันอยู่เหรอครับ มีความสุขเชียว” โม่ตงซวี่ยิ้มสดใส มองทุกคนและถามขึ้น
“พวกเรากำลังชื่นชมนายอยู่ไงเล่า กลับมาจากต่างประเทศคราวนี้ เกรงว่าต้องได้รับตำแหน่งสำคัญแล้วมั้ง”
ซางเสี่ยวเซียพูดด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ
“ฮ่าๆ พวกเธอพูดถูกจริงๆ”
โม่ตงซวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “กลับมาคราวนี้ฉันจะเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ที่ซุนซื่อกรุ๊ป ช่วยพ่อตาฉันดูแลจัดการเฉินซื่อกรุ๊ป”
“พระเจ้า! ผู้จัดการใหญ่ของซุนซื่อกรุ๊ปเลยเหรอ ตงซวี่ นายเป็นความภาคภูมิใจของรุ่นเราจริงๆ!”
“ในอนาคตตระกูลหยางของเราต้องขอให้ตงซวี่คอยช่วยเหลือด้วยนะ”
“ตระกูลซางของพวกเราด้วย หากมีโครงการดีๆตงซวี่ห้ามลืมเรานะ!”
……
ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อนร่วมรุ่นทุกคนประจบสอพลอขึ้นมา แทบจะคุกเข่าลงไปขอร้องโม่ตงซวี่
ใบหน้าของโม่ตงซวี่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอวางใจเถอะ ตราบใดที่ธุรกิจครอบครัวของพวกเธอเป็นไปตามมาตรฐาน ฉันจะพิจารณาร่วมมือกับครอบครัวของพวกเธอก่อนอย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณตงซวี่ล่วงหน้าเลยนะ!” ทุกคนพากันขอบคุณ
“เราอย่าเอาแต่ขอบคุณตงซวี่สิ คนที่เราควรจะขอบคุณที่สุดคือซ้อเหม่ยจวนนะ” จู่ๆหยางซงก็ลุกขึ้น
ทุกคนถึงได้สติกลับมาว่าในบรรดาคนทั้งหมดในที่นี้ ซุนเหม่ยจวนต่างหากคือคนที่มีสถานะสูงสุด
เขาเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลซุนซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู และเหตุผลที่โม่ตงซวี่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะผู้หญิงคนนี้
ซุนเหม่ยจวนดูชอบใจมากที่ถูกเรียกว่าซ้อ เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า “ทุกคนเกรงใจกันเกินไปแล้ว อย่างที่ตงซวี่บอก ตราบใดที่คุณสมบัติของธุรกิจครอบครัวพวกคุณเป็นไปตามมาตรฐาน ซุนซื่อกรุ๊ปยินดีที่จะร่วมงานกับครอบครัวของพวกคุณมาก”
“ฮ่าๆ ขอบคุณซ้อ” ทุกคนพากันขอบคุณ
“จริงสิ ทำไมพวกคุณถึงเลือกห้องส่วนตัวแบบธรรมดาล่ะ ทำไมถึงไม่ไปห้อง VIP”
จู่ๆซุนเหม่ยจวนก็เอ่ยขึ้น
“ผู้จัดการที่นี่บอกว่าไม่เหลือห้อง VIP แล้ว”
หยางซงบอก
“ทำแบบนั้นได้ยังไง?”
ซุนเหม่ยจวนเอ่ยขึ้นทันที “วันนี้เป็นวันที่ฉันและตงซวี่กลับประเทศมาวันแรก และเป็นครั้งแรกที่เชิญเพื่อนๆของตงซวี่มารวมตัวกัน จะให้แค่ห้องส่วนตัวธรรมดากับเราได้ยังไง”
“ใช่แล้ว แบบนี้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเป็นห้องที่ดีกว่านี้”
โม่ตงซวี่ก็รีบเอ่ยขึ้น พร้อมหันไปมองหยางซงและถาม “ฉันเพิ่งกลับประเทศมา ไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้เท่าไหร่ รู้แค่เย่ชั่งเป็นสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของเยี่ยนตู แล้วห้องที่ดีที่สุดของที่นี่คือห้องไหนล่ะ”
“ก็ต้องเป็นห้องราชาสิ”
หยางซงบอก ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “แต่ได้ข่าวว่าเมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่กับตระกูลไช่ เย่ชั่งในตอนนี้เปลี่ยนมือเจ้าของแล้ว”
“เมื่อก่อนแค่จ่ายเงินก็ใช้บริการห้องราชาได้ แต่ตอนนี้พวกเขาตั้งกฎใหม่แล้ว บอกว่าห้องราชา
เปิดให้บริการสำหรับแขกผู้มีเกียรติที่สุดของพวกเขาเท่านั้น”
ได้ยินดังนั้น ซุนเหม่ยจวนแค่นเสียงเย็น “กฎเอาแต่ใจแบบนี้อยู่ในเยี่ยนตูไม่ได้”
“เจ้าของใหม่ของเย่ชั่งในตอนนี้คือใคร?” โม่ตงซวี่ถาม
ดูเหมือนหยางซงจะรู้อะไรต่อมิอะไรเยอะ จึงรีบบอก “ได้ข่าวว่าเป็นตระกูลที่แซ่เฉิน”
“ตระกูลเฉิน?”
เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างมีสีหน้าฉงน เหมือนจะไม่เคยได้ยินชื่อของตระกูลนี้มาก่อน
“เยี่ยนตูมีตระกูลไฮโซอย่างตระกูลเฉินเหรอ?” ซุนเหม่ยจวนถาม