The king of War - บทที่ 673 ที่แท้ก็คุณนี่เอง
แน่นอนว่าซุนเหม่ยจวนไม่เชื่อ เธอหัวเราะพรืด “เอาล่ะ เลิกเสแสร้งแกล้งทำได้แล้ว ฉันยอมรับว่าประเมินนายต่ำไป แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นายในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ปะทะกับตระกูลซุนของเรา
“เรื่องราวระหว่างสามีของฉันและซ่งหวาหย่าจบไปแล้ว ส่วนหนี้แค้นระหว่างพวกเขาก็ปล่อยให้จบๆไปซะ”
ซุนเหม่ยจวนพูดจบก็หันไปบอกกับคนอื่นๆ “เอาล่ะ เราไปกันเถอะ”
“จบๆไป?”
หยางเฉินขำพรืด “เธอบอกว่าจบก็จบเหรอ เมื่อกี้พวกเธอยังสุดแสนจะโอหัง บอกให้ฉันขอโทษอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
“ทำไมตอนนี้จะไปซะล่ะ ต่อให้จะไป พวกเธอก็ควรจะขอโทษน้องสาวฉันก่อนหรือเปล่า?”
“ถ้าเธอไม่ให้อภัย พวกเธอห้ามไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”
หยางเฉินถามพลางยิ้มเย็น
ได้ยินดังนั้น พวกซุนเหม่ยจวนหน้าเปลี่ยนกันหมด
“หยางเฉิน นายอย่าให้มันเกินไปนัก ถ้าทำให้ตระกูลซุนโกรธ นายได้เจอดีแน่” ซุนเหม่ยจวนพูดอย่างเกรี้ยวกราด
ในเมื่อเธอมั่นใจในตระกูลซุนขนาดนั้น ก็ให้ซุนซวี่มารับเธอแล้วกัน” หยางเฉินกล่าว
สิ้นเสียงเขา ชายกำยำกลุ่มใหญ่ก็พุ่งเข้ามาในห้อง ขวางประตูไว้ไม่ให้ใครออกได้
หยางเฉินนั่งอยู่บนโซฟา เมินซุนเหม่ยจวนไปเลย
โม่ตงซวี่เงียบมาตลอด เขายืนอยู่ตรงที่เดิม สีหน้าบิดเบี้ยวจนถึงขีดสุด
ทีแรกเขาคิดว่ากลับมาครั้งนี้จะได้แก้แค้นซ่งหวาหย่าซะที แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเริ่มก็ดูเหมือนจะล้มเหลวเสียแล้ว
สีหน้าของซุนเหม่ยจวนยิ่งย่ำแย่ เธอกัดฟันกรอด “หยางเฉิน ในเมื่อนายให้พ่อฉันมารับก็อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน”
หยางเฉินหัวเราะอย่างดูแคลน “เธอวางใจเถอะ สุดท้ายแล้วคนที่ต้องเสียใจมีแต่พวกเธอเท่านั้น”
พูดจบหยางเฉินก็กวาดสายตาผ่านซางเสี่ยวเซีย หวางหวน และหยางซง “พวกเธอสามคนด้วย ไปบอกผู้ใหญ่ในตระกูลพวกเธอเดี๋ยวนี้เลยว่าให้มาขอโทษฉัน ภายในครึ่งชั่วโมงนี้หากผู้นำตระกูลไหนไม่มาถึงนี่ด้วยตัวเอง เช่นนั้นหลังจากคืนนี้ไป เยี่ยนตูก็จะไม่มีตระกูลนั้นอีก”
“พวกเธออย่าคิดว่าฉันพูดเล่นนะ มิฉะนั้นตระกูลไช่ก็คือตัวอย่างของตระกูลพวกเธอ”
พอได้ยินหยางเฉินพูดถึงตระกูลไช่ พวกหยางซงกลัวจนแทบร้องไห้
ขนาดตระกูลไช่ยังโดนตระกูลอื่นแทนที่ในคืนเดียว มิหนำซ้ำตระกูลของพวกเขาห่างชั้นกับตระกูลไช่โข หากหยางเฉินคิดจะล้มล้างตระกูลของพวกเขาจริงๆ ง่ายยิ่งกว่าง่าย
ชั่วขณะนั้น ทั้งหมดรีบติดต่อกับตระกูล
ซุนเหม่ยจวนเองก็ต่อสายไป “คุณพ่อคะ ฉันโดนคนหนึ่งขังไว้ที่เย่ชั่ง เขาบอกว่าให้พ่อมารับหนูด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะฆ่าหนูทิ้งค่ะ”
“ว่ายังไงนะ บังอาจยุ่งกับลูกสาวของฉันซุนซวี่ อยากตายใช่มั้ย?”
ซุนซวี่ได้ฟังดังนั้นก็เดือดขึ้นมาทันที เขารีบบอก “ลูกไม่ต้องกลัวนะ พ่อจะพาผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของตระกูลไปเดี๋ยวนี้ พ่อจะดูซิว่าใครกันที่กล้ามายุ่งกับลูกสาวของพ่อ”
“ได้ค่ะ หนูจะรอพ่ออยู่ที่นี่” ซุนเหม่ยจวนพูดจบก็วางสาย
“หยางเฉิน พ่อฉันพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลมุ่งหน้ามาแล้ว นายรอรับความตายซะ” ซุนเหม่ยจวนวางสายปุ๊บก็พูดด้วยสีหน้าโอหัง
เธอยอมรับว่าประเมินหยางเฉินต่ำไป แต่เธอไม่เชื่อว่าหยางเฉินจะทำอะไรตระกูลซุนได้
ถึงยังไงในความทรงจำของเธอ 2คือไฮโซระดับสูงสุดของเยี่ยนตู ต่อให้หยางเฉินจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่ใช่คู่มือของ2หรอก
หยางเฉินไม่สนใจ เขาเพียงแต่นั่งอยู่บนโซฟาและพูดกับซ่งหวาหย่า “ตอนนี้เธอปล่อยวางได้รึยัง?”
ซ่งหวาหย่าย่อมเข้าใจความหมายประโยคนี้ของหยางเฉิน เธอพยักหน้าและกอดแขนหยางเฉินอย่างสนิทสนมพร้อมเอ่ยยิ้มๆ “พี่ ขอบคุณนะคะ”
ดูออกเลยว่าซ่งหวาหย่าปล่อยวางโม่ตงซวี่ได้แล้วจริงๆ รอยยิ้มบนใบหน้าเธอจริงใจมาก
หยางเฉินคลี่ยิ้ม ที่วันนี้มาเป็นเพื่อนซ่งหวาหย่ามีความหมายมาก
เห็นท่าทางสนิทสนมของซ่งหวาหย่าและหยางเฉินแล้วโม่ตงซวี่ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
ในใจเขา ต่อให้ซ่งหวาหย่าไม่ใช่ผู้หญิงของเขา ก็ห้ามเป็นของผู้ชายคนไหนทั้งนั้น
เขายอมให้ซ่งหวาหย่าตายๆไปซะยังจะดีกว่า
“เกรงใจฉันขนาดนี้ไปทำไม จะให้เธอเรียกฉันพี่เปล่าๆปลี้ๆไม่ได้หรอก ใช่มั้ยล่ะ” หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเอ็นดู
เฉินซิงหรูหน้าตาอิจฉา แต่ไม่กล้าพูดอะไร เธอยืนอยู่ด้านข้างรอคอยเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไป
เพียงแค่ยี่สิบนาที ก็มีเสียงฝีเท้าร้อนรนดังมาจากข้างนอก ดูท่าจะรีบมาก
ซุนเหม่ยจวนหัวเราะเย็นๆ “หยางเฉิน ถ้านายและนังผู้หญิงชั้นต่ำนั่นคุกเข่าแทบเท้าฉันเพื่อขอโทษและอ้อนวอนเสียตอนนี้ บางทีฉันอาจจะปล่อยให้พวกนายมีชีวิตรอดก็ได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะสายเกินแก้”
หยางเฉินขำ ตอบกลับด้วยคำพูดเดียวกัน “ในเมื่อเธอพูดแบบนี้แล้วฉันก็ขอเตือนอะไรไว้อย่าง เธอกับสามีแมงดาของเธอคุกเข่าขอโทษเสี่ยวหย่าซะ และขอร้องจนกว่าเธอจะให้อภัย อีกเดี๋ยวฉันจะไว้ชีวิตพวกเธอก็ได้”
“หยางเฉิน นายอยากตายใช่มั้ย!”
ซุนเหม่ยจวนกัดฟันกรอด พูดด้วยสีหน้าอำมหิต “ในเมื่อนายไม่รักษาโอกาสนี้ไว้ ก็รอรับโทสะของพ่อฉันซะ วันนี้ของปีหน้าก็คือวันครบรอบการตายของพวกนาย”
“ตู้ม!”
ขณะนั้นเอง ประตูของห้องส่วนตัวโดนคนโหม่งให้เปิดออกอย่างแรง ก่อนที่เสียงกราดเกรี้ยวเสียงหนึ่งจะดังขึ้น “ไอ้สารเลวตัวไหนบังอาจกักขังลูกสาวของฉันซุนซวี่?”
“คุณพ่อคะ ไอ้สารเลวเดนตายคนนี้แหละ เขายังขู่หนูอีกด้วยค่ะว่าจะให้หนูและตงซวี่คุกเข่าขอชีวิต ไม่อย่างนั้นจะเล่นงานเราให้ตาย”
พอเห็นพ่อของตัวเองมา ซุนเหม่ยจวนก็ชี้หยางเฉินและพูดด้วยท่าทีประหนึ่งว่าได้รับควาอยุติธรรมมามหาศาล
เธอมีสีหน้าเย้ยหยัน หรี่ตาลงพลางกล่าว “หยางเฉิน เมื่อกี้นายยังโอหังอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำแบบนั้นต่อไปสิ”
“หยางเฉิน?”
ซุนซวี่ได้ยินชื่อที่ลูกสาวกล่าวมาแล้วรู้สึกคุ้นมาก ทว่าวินาทีต่อมาที่เขามองตามนิ้วชี้ของซุนเหม่ยจวน ก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
“คุณ….คุณ…..คุณหยาง!”
ซุนซวี่ตกใจจนขาอ่อนคุกเข่าลงกับพื้น “คุณหยาง คุณ….คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?”
เมื่อเห็นซุนซวี่คุกเข่าลงกับพื้น ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่นี้เงียบสงัด
ซุนเหม่ยจวนยิ่งตะลึงงัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อของตัวเอง ผู้นำตระกูลซุนแห่ง2 จะคุกเข่าแทบเท้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ที่จริง ไม่ใช่ว่าซุนซวี่อยากจะคุกเข่า แต่หลังจากรู้ว่าคนที่ซุนเหม่ยจวนเรียกเขามาจัดการคือหยางเฉินก็กลัวจนเข่าอ่อน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตระกูลเย่เขายังจำได้จนบัดนี้ และทิ้งบาดแผลใหญ่ไว้ในใจของเขา
“ลูกสาวของคุณบอกให้ฉันรอคุณมาจัดการฉันที่นี่ คุณว่าทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?” หยางเฉินยิ้มกว้างมองซุนซวี่และบอก
ถึงแม้จะมั่นใจตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าซุนเหม่ยจวนล่วงเกินหยางเฉิน แต่เขายังไม่อยากยอมรับ บัดนี้ได้รับการยอมรับจากปากของหยางเฉินแล้ว ในที่สุดเขาก็มั่นใจจริงๆ
“เพียะ!”
ซุนซวี่พุ่งเข้าไปตบหน้าซุนเหม่ยจวนฉาดใหญ่ พร้อมคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “นังผู้หญิงชั้นต่ำ แกกล้าล่วงเกินคุณหยางเลยรึ ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก!”