The king of War - บทที่ 679 ตระกูลกวนเดือดร้อน
วันรุ่งขึ้น ลั่วปิงมารับหยางเฉินด้วยตัวเองแต่เช้ามืด
“ทีหลังนะ ในกรณีเรื่องแบบนี้ คุณจัดให้คนขับรถมาสักคนก็ได้แล้ว ไม่ต้องมารับส่งผมด้วยตัวเอง”
บนเส้นทางไปสนามบิน หยางเฉินเอ่ยปากสั่ง
ขณะนั้นเพิ่งยังไม่ถึงตีห้า โดยปกติทั่วไป เวลานี้เป็นเวลาที่หลับสบายกันอยู่
ลั่วปิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ท่านก็ไม่ใช่จะใช้ผมทุกวันนี่ครับ อีกอย่าง ได้ขับรถรับใช้ท่านนั้นเป็นเกียรติกับผมเป็นอย่างยิ่งครับ!”
หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณไปหัดประจบสอพลอเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่?”
ลั่วปิงหัวเราะหุ ๆ “ผมไม่ได้ประจบสอพลอนะครับ แต่พูดเรื่องจริงเท่านั้น!”
ถึงตอนนี้ หยางเฉินมองลั่วปิงเป็นคนกันเองแล้ว เวลาลั่วปิงอยู่ต่อหน้าหยางเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ๆ
“ใช่แล้ว คุณช่วยสืบเรื่องให้ผมเรื่องหนึ่ง คือว่าวันที่ภรรยาผมออกไปจากเยี่ยนตูในวันนั้น คืนนั้นผมดื่มมากจนเมา ได้มีเพื่อนผู้หญิงของผมพาผมไปส่งที่โรงแรม แล้วมีคนแอบถ่ายรูปผมไว้”
หยางเฉินจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา “คุณช่วยไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้หน่อย ดูทีว่าใครที่ไหนเป็นคนถ่าย ให้ดีที่สุดต้องสืบให้รู้ตัวคนที่ถ่ายนั้นให้ได้!”
“ได้ครับ!”ลั่วปิงรีบตอบรับปากทันที
หยังเฉินขึ้นเที่ยวบินเวลาห้านาฬิกายี่สิบนาที ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ ๆ เวลาหกโมงครึ่ง เครื่องบินก็ลงสู่สนามบินนา ๆ ชาติเจียงโจว
พอลงจากเครื่องบิน หยางเฉินก็มุ่งตรงไปยังยอดเมฆา ช่วงเวลาที่เขามาถึงที่บ้าน คนในบ้านกำลังกินอาหารเช้ากันอยู่
“คุณพ่อ!”
พอเห็นหยางเฉิน คนที่ดีใจมากที่สุดก็คือเสี้ยวเสี้ยว หล่อนไม่สนใจกับอาหารเช้าแล้ว กำลังจะวิ่งเข้าไปหา
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
ฉินยีเข้าไปคว้าอุ้มเสี้ยวเสี้ยว พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “น้าเล็กสั่งหนูไว้ว่ายังไง?”
เสี้ยวเสี้ยวหน้าละห้อยมองไปที่ฉินอี “แต่ว่า คุณพ่อทำให้คุณแม่โกรธ แล้วทำไมจะต้องไม่ให้หนูใส่ใจคุณพ่อด้วย?”
ได้ยินเข้านั่น หยางเฉินก็รู้ได้เลยว่า เป็นที่ฉินยีนี่เองไปบอกเสี้ยวเสี้ยว ว่าหยางเฉินไปทำให้ฉินซีโกรธ จึงห้ามไม่ให้เสี้ยวเสี้ยวพูดกับหยางเฉิน
ฉินยีทั้งอายทั้งโกรธ พูดเสียงดุ “ต่อไป น้าเล็กจะไม่พาหนูออกไปเที่ยวแล้ว!”
“คุณพ่อ หนูขอโทษก่อนนะ!รอไว้ให้คุณพ่อทำให้คุณแม่หายโกรธก่อน เสี้ยวเสี้ยวถึงจะคุยกับคุณพ่อนะ ไม่งั้นเดี๋ยวน้าเล็กจะไม่ยอมพาหนูไปเที่ยวเล่น!”
ได้ผล การขู่บังคับของฉินอีใช้ได้ เสี้ยวเสี้ยวรีบละทิ้งพฤติกรรมที่จะวิ่งไปหาหยางเฉิน
สีหน้าหยางเฉินให้ความรู้สึกไม่รู้จะทำยังไง ตรงข้ามกับฉินยีที่รู้สึกพอใจ มองหน้าหยางเฉินอย่างสะใจ
ส่วนฉินซีนั้น ตั้งแต่หยางเฉินก้าวเข้าประตูมา ก็เอาแต่นั่งก้มหน้ากินข้าว เหมือนกับมองไม่เห็นมีหยางเฉิน
ฉินต้าหย่งไม่ได้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น มอง ๆ หยางเฉิน กลับมามอง ๆ ลูกสาวตัวเอง ถามอย่างสงสัยว่า “นี่พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?”
“เปล่าครับคุณพ่อ ไม่ได้ทะเลาะกัน ท่านสบายใจได้นะ” หยางเฉินพูดเสียงหัวเราะ
“ใช่นะไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มันหนักยิ่งกว่าทะเลาะกันเสียอีก!”
ฉินยีเปิดฉากพูด “คุณพ่อ หนูขอเตือนคุณพ่อไว้ก่อนนะ คุณพ่อห้ามไปเข้าข้างหยางเฉินนะ!”
ทำเอาฉินต้าหย่งมึนตึ้บไปทั้งหัว “งั้นพวกแกคุยกันไป ข้ากินเสร็จแล้ว ไปบริษัทก่อนละ!”
“คุณพ่อ วันนี้คุณพ่อส่งเสี้ยวเสี้ยวไปโรงเรียนด้วยนะ!”ฉินยีพูดเพิ่ม
“ได้!”
ฉินต้าหย่งไม่ปฏิเสธ
เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เข้าใจดี เขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง ก็เป็นว่าพาหลานสาวปลีกตัวไปก่อนดีกว่า
และไม่รอช้า ฉินต้าหย่งก็ได้พาเสี้ยวเสี้ยวไปออก ในห้องจึงคงเหลือแต่หยางเฉินกับฉินซี ยังฉินอีอีกคนเป็นสามคน
“คุณเมียจ๋า เธอฟังผมชี้แจงนะ รูปพวกนั้น ความจริง……..”
หยางเฉินกำลังจะอธิบาย ก็ถูกฉินยีตัดบท “คุณไม่ต้องอธิบาย!”
พูดจบ ฉินยีดึงมือฉินซีแล้วบอกว่า “พี่สาว วันนี้พวกเราลางานกัน ฉันจะพาพี่ไปปล่อยอารมณ์ให้สบายใจ!”
“ตกลง!”
ฉินซีตอบตกลงอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย
หยางเฉินยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฉินยีก็ดึงฉินซีเข้าไปในห้อง เท่านั้นเอง ที่โถงก็เหลืออยู่แค่ตัวเอง
“เฮ้อ!เห็นทีต้องรอให้ลั่วปิงสืบให้ชัดแจ้ง เราถึงจะชี้แจงได้”หยางเฉินพูดอย่างไม่รู้ทำไง
พี่น้องสองสาวเข้าไปในห้อง เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ จึงได้ออกมาจากห้องหลังจากแต่งตัวเสริมสวยกันจนงามเช้ง
“วันนี้ ให้ผมเป็นโชเฟอร์ให้นะ พวกคุณจะไปไหน ขอให้สั่งได้เลย!”หยางเฉิงพูดยิ้มแย้ม
“ไม่จำเป็น!พวกเราขับรถเป็น!”
ฉินยีพูดเสียงห้วน ๆ
พูดเสร็จ ดึงมือฉินซีเดินออกไป พอถึงหน้าประตู ฉินยีหันกลับมา ถลึงตาดุมองหยางเฉินบอกว่า “ฉันเตือนไว้ก่อนนะ อย่าได้ตามพวกเรามาเด็ดขาด ไม่งั้นคุณก็อย่าหวังได้พบกับพี่สาวของฉันได้อีกเลย!”
“ผม…..”
หยางเฉินเลยพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองตาแป๋ว ๆ ดูสองสาวเดินจากไป
ในขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานอะไรมาชี้ชัดว่าตัวเองบริสุทธิ์ ฉินยีก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองชี้แจงอะไรได้ เขาจะร้อนรนไปก็ไม่มีประโยชน์
“เฉียนเปียว แกช่วยดูแลเมียข้ากับน้องเมียข้าให้ดี คอยรายงานพิกัดทุกเวลา!”
ฉินซีกับฉินยีเพิ่งเดินพ้นไป หยางเฉินก็โทรศัพท์สั่งเฉิยนเปียว
ตอนนี้ก็ได้แต่รอ รอหาโอกาสที่อยู่กับฉินซีสองต่อสอง แล้วค่อยชี้แจง
มิฉะนั้นถ้าฉินยีอยู่ด้วย หยางเฉินไม่มีทางที่จะมีโอกาส
หลังจากพี่น้องสองสาวออกไปแล้ว หยางเฉินก็ไม่ใช่จะว่าง การกลับมาเที่ยวนี้ นอกจากจะมาชี้แจงกับฉินซีแล้ว ก็ยังมีเรื่องต้องไปอีกหลายที่
ไหน ๆ เขาก็จะย้ายเข้าไปเยี่ยนตูทั้งครอบครัวแล้ว ก่อนไป ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย
ยี่สิบนาทีให้หลัง หยางเฉินขับรถไปบ้านตระกูลกวนด้วยตัวเอง
ตระกูลกวนนับว่าเป็นตระกูลแรกที่ยอมมาสวามิภักดิ์กับเขา เวลานี้ตระกูลเฉินก็ได้ตามเขาไปอยู่เยี่ยนตูแล้ว ตระกูลกวนจะคิดอ่านยังไง เขาต้องให้ความใส่ใจด้วย
“คุณหยาง ท่านอุตส่าห์มาถึงบ้านตระกูลกวน ทำไมไม่บอกล่วงหน้าหน่อย จะได้จัดเตรียมโต๊ะรอต้อนรับท่าน!”
พอเห็นหยางเฉิน กวนเจิ้งซานเจ้าบ้านตระกูลกวน ทักขึ้นด้วยความตื่นเต้น
หยางเฉินยิ้ม ๆ “ไม่ต้องวุ่นวายอะไรอย่างนั้นหรอก ผมแค่ผ่านแวะมาเยี่ยมเยียน”
และแล้ว หยางเฉินก็ได้รับการต้อนรับสู่ห้องรับรอง นอกจากกวนเจิ้งซานแล้ว ก็ยังมีกวนเสว่ซงอีกคน
“ตระกูลกวนในตอนนี้ เห็นว่ามาเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสองในมณฑลเจียงผิงแล้ว?”
หยางเฉินหัวเราะพลางถามไป
ตั้งแต่ตระกูลกวนเข้าสวามิภักดิ์กับหยางเฉิน ระดับก็สูงขึ้นไปตามน้ำ โดยเฉพาะครั้งก่อนที่ในงานต่อสู้สองมณฑลของมณฑลเจียงผิงและหนันหยัง หยางเฉินลงต่อสู้ครั้งเดียวชื่อดังกระฉ่อน ตระกูลกวนกับตระกูลเฉินก็เลยมีฐานะก้าวกระโดดขึ้นในคืนเดียว
เพียงว่า เวลานี้ตระกูลเฉินเริ่มทยอยย้ายฐานออกจากมณฑลเจียงผิง นำศูนย์กลางตระกูลไปตั้งที่เยี่ยนตู
ปัจจุบันนี้ในมณฑลเจียงผิง ตระกูลมู่มาเป็นอันดับที่หนึ่ง ตระกูลกวนอยู่ในอันดับที่สอง
ได้ยินที่หยางเฉินพูด กวนเจิ้งซานรีบตอบไปว่า “ทั้งหมดนี้ก็ด้วยบารมีคุณหยาง ไม่อย่างนั้นลำพังให้ตระกูลกวนเองอีกหลายชั่วคน ก็คงยังมาไม่ได้ได้ถึงระดับนี้”
กวนเจิ้งซานมีความรู้สึกในบุญคุณจากใจจริง เพียงในแววตาส่อเห็นความหนักใจบางอย่างอยู่ แต่ก็อยู่ในสายตาหยางเฉิน
ไม่เพียงกวนเจิ้งซาน แม้แต่กวนเสว่ซง ตลอดจนคนในเครือตระกูลกวน ต่างก็ดูมีอะไรหนักใจ
“ท่านเจ้าบ้าน ผมว่าเรื่องนั้น ควรจะบอกคุณหยางได้นะ!”
และในขณะนั้นเอง คนในเครือญาติตระกูลกวนคนหนึ่ง จู่ ๆ ก็พูดออกมา
“หุบปากซะ!”
กวนเจิ้งซานตวาดใส่อย่างฉุนเฉียว
มีเรื่องจริง ๆ ด้วย แต่กวนเจิ้งซานยังไม่อยากบอกหยางเฉิน รีบชี้แจงว่า “เรื่องเล็กน้อยเอง ยังไม่ต้องถึงกับรบกวนคุณหยางท่าน!”
“พูดมาเถอะ!มันเกิดอะไรขึ้น?”
หยางเฉินพูด