The king of War - บทที่ 696 ไม่มีที่พึ่งพิง
ตัวเซวหยวนป้าเองโดดเด่นในเรื่องการต่อสู้ มีความเฉียบแหลมกับเรื่องออร่า เขาเพียงชำเลืองไปที่หยางเฉิน ก็รู้สึกได้ว่าหยางเฉินนั้นไม่ธรรมดา
หยางเฉิน อายุ 27 ปี ลูกชายที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลอวี๋เหวิน เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังใดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาหายตัวไปอย่างกะทันหันเป็นเวลาห้าปี หลังจากกลับมา เขาก็มีพลังที่ยอดเยี่ยม
นี่คือความเข้าใจของเซวหยวนป้าที่มีต่อหยางเฉิน แต่เขาเดาได้แล้วว่าหยางเฉินมาจากไหน
“คุณคือหยางเฉิน?”
เซวหยวนป้ากล่าวทันที
เสียงของเขาดังมาก และเสียงพูดของเขาก็ดังมากเช่นกัน
หยางเฉินเดินไปข้างหน้า และเป็นคนแรกที่ไปนั่งฝั่งตรงข้ามของเซวหยวนป้า จากนั้นเขาก็พูดจางๆว่า “ผมเอง!”
“อายุยังน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง สามารถมีทุกอย่างในตอนนี้ มันไม่ธรรมดาจริงๆ!”
เซวหยวนป้ากล่าวด้วยความชื่นชม
เมื่อพิจารณาจากความเข้าใจในปัจจุบันของเขาเกี่ยวกับหยางเฉิน ความเก่งของหยางเฉิน แม้แต่ในราชวงศ์ก็ไม่อาจหาผู้ใดเทียบได้
ดังนั้น การชื่นชมของเขาจึงเป็นเรื่องจริง
“ไม่ต้องเกรงใจทุกคน ทุกคนนั่งลงเถอะ!”
เซวหยวนป้ามองไปที่ผู้นำห้าคนที่ยังคงยืนอยู่ข้างหลังหยางเฉินอย่างซื่อบื้อและกล่าว
เมื่อได้ยินสิ่งที่เซวหยวนป้าพูด ทุกคนก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนั่งลงทีละคน
“ไม่ทราบว่าคุณเซวหาเรามีธุระอะไรหรือเปล่า?”
หานเซี่ยวเทียนเอ่ยปากถามก่อน
นี่เป็นคำถามที่ผู้นำคนอื่นๆอยากรู้ และพวกเขาทั้งหมดมองไปที่เซวหยวนป้าอย่างประหม่าอยู่พักหนึ่ง
“ไม่รีบ กินข้าวก่อน กินและดื่มให้เพียงพอ แล้วค่อยคุยเรื่องอื่น!”
เซวหยวนป้าโบกมือและพูดว่า “เสิร์ฟข้าว!”
สมแล้วที่เป็นห้องเหมาจักรพรรดิ์ของโรงแรมหลงเหอ ในไม่ช้า อาหารชั้นนำจากโรงแรมห้าดาวก็อยู่บนโต๊ะ
ไม่รอให้เซวหยวนป้าพูด หยางเฉินก็หยิบตะเกียบของเขาขึ้นมาและเริ่มกิน
เมื่อเห็นฉากนี้ คนอื่นๆก็ดูประหลาดใจ เพราะว่า คนที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา เป็นถึงลูกชายคนโปรดของราชาแห่งตระกูลเซว กล่าวคือ เซวหยวนป้ามีแนวโน้มที่จะเป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งของตระกูลเซว
เมื่อเผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ หยางเฉินไม่กลัวเลย
เซวหยวนป้าไม่ได้สนใจ แต่เมื่อเขามองไปที่หยางเฉิน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ทุกคนกินเถอะ เชิญ ไม่ต้องเกรงใจ!”
เซวหยวนป้าเอ่ยปากพูด
ด้วยคำพูดของเขา คนอื่นๆก็หยิบตะเกียบขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม นอกจากหยางเฉิน อาหารอันโอชะของโต๊ะนี้ ทุกคนกินเหมือนทุกอย่างรสชาติเหมือนกันหมด
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือสิ่งที่ยังไม่รู้ แม้ว่าเซวหยวนป้าจะโจมตีและขู่ว่าจะฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม เซวหยวนป้าไม่รีบร้อนที่จะพูดอะไร แต่กลับเชิญพวกเขาไปทานข้านแทน
ทั้งๆที่พวกเขารู้ว่า นี่เป็นงานเลี้ยงหงเหมิน แต่พวกเขาก็ต้องไปเข้าร่วม
“หยางเฉิน ได้ยินมาว่าคุณเป็นนักรบที่เกษียณแล้ว?ไม่ทราบว่าคุณเกษียณจากที่ไหนหรือ?แดนตะวันตก? แดนใต้? หรือแดนตะวันออก?”
เซวหยวนป้ามองไปที่หยางเฉินและถาม
หยางเฉินรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังทดสอบตัวเอง เขาหยิบผ้าออกมา เช็ดคราบน้ำมันบนปากอย่างสง่างาม แล้วเช็ดมืออีกครั้ง
จากนั้นเขาก็มองไปที่เซวหยวนป้า ไม่ได้ตอบ แต่ถามว่า “ทำไมถึงเป็นแดนเหนือไม่ได้ล่ะ?”
เมื่อกี้ เซวหยวนป้าได้กล่าวถึงแดนทั้งสาม แดนตะวันออก แดนตะวันตก และแดนใต้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงแดนเหนือ
เซวหยวนป้าก็คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะถามแบบนี้ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มและพูดว่า “หรือว่า คุณจะเกษียณจากแดนเหนือ?”
หยางเฉินเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย แต่ก็ยังไม่ตอบ เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากในการทดสอบ ผมเป็นใคร หรือเกษียณจากที่ไหน คุณก็ไม่จำเป็นต้องถาม ผมจะบอกคุณเอง”
“ทุกอย่างที่ผมมีในตอนนี้ ไม่ได้พึ่งพิงกองกำลังใดๆ ส่วนผม เป็นที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของตัวผมเอง!”
หยางเฉินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เซวหยวนป้ารู้สึกตกใจเล็กน้อยในใจ เดิมทีเขาคิดว่าหยางเฉินเกษียณจากหนึ่งในสามแดนแห่งแดนตะวันออก แดนตะวันตก และแดนใต้ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเกษียณจากแดนเหนือ
เนื่องจากแดนเหนือเป็นแดนที่ยากที่สุดในทุกด้านของสี่แดน และจอมพลของแดนเหนือคือจอมพลผู้นำของทั้งสี่แดน
พูดตรงๆคือ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าหยางเฉินได้เกษียณจากแดนเหนือ หากเป็นเช่นนี้จริงๆ แม้ว่าหยางเฉินจะเป็นเพียงผู้ติดตามของจอมพลแดนเหนือ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
แต่คำพูดของหยางเฉิน ไม่ได้บอกว่าเขาเกษียณจากแดนใด แต่คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ผู้นำตระกูลอีกห้าคน วางตะเกียบลงทีละคนในเวลานี้ ทุกคนเต็มไปด้วยความตึงเครียด
คำตอบของหยางเฉิน ทำให้เซวหยวนป้าตกตะลึง ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ตอบตามที่ควรตอบ?
อย่างไรก็ตาม เขายังค้นพบสิ่งหนึ่ง หยางเฉินในตอนนี้ ไม่มีภูมิหลัง
เพราะว่าเขาเกษียณแล้ว ถึงแม้เขามาจากแดนเหนือ แล้วไงล่ะ?
แต่เซวหยวนป้าไม่ได้ผ่อนคลายเพราะหยางเฉินไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสี่แดน
เมื่อเห็นหยางเฉินแวบแรก ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา และตอนนี้ด้วยความมั่นใจในตนเองของเขา ทำให้เขาเข้าใจว่า หยางเฉินไม่ใช่คนธรรมดาที่ยอมทุกอย่าง
“ฮ่าๆ……”
เซวหยวนป้าหัวเราะอย่างกะทันหัน“สมแล้วที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่ออกมาจากสี่แดน ไม่ธรรมดาจริงๆ”
เมื่อเห็นเซวหยวนป้าหัวเราะ ผู้นำที่ร่ำรวยและมีอำนาจเหล่านั้นในเจียงผิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อกี้สิ่งที่หยางเฉินพูดกับเซวหยวนป้า ไม่สุภาพเลย พวกเขากลัวว่าเซวหยวนป้าจะฆ่าพวกเขาโดยตรงเมื่อเขาโกรธ
โชคดีที่เซวหยวนป้าไม่ได้โกรธ
“น้องหยาง ผมขอคารวะแก้วหนึ่ง!”
เซวข่ายยกแก้วของเขาให้หยางเฉิน และพูดด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าพ่อของเขาชอบหยางเฉิน และเขาต้องการเอาหยางเฉินมันเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ขัดใจกับหยางเฉินอีกต่อไป
หยางเฉินก็ไม่ปฏิเสธ ยกถ้วยน้ำชาของเขาขึ้น และมองไปที่เซวข่ายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ”ผมไม่ดื่มเหล้า!” สุดท้ายเขาก็ดื่มมันหมดในคราวเดียว
เซวข่ายผงะอยู่ครู่หนึ่ง ตนเองคารวะเหล้า ไม่มีใครเคยแทนเหล้าด้วยน้ำชา หยางเฉินเป็นคนแรก
แต่เขาไม่ได้โกรธ ผู้แข็งแกร่งมีความเย่อหยิ่งในตัวเองอยุ่แล้ว เว้นแต่จะถูกสยบ มิฉะนั้นจะไม่มีวันไว้หน้าตนเองแน่นอน แม้ว่าเขาจะเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเซว ก็เป็นไปไม่ได้
ผู้นำอีก 5 คนรู้สึกอายเล็กน้อย แม้ว่าเซวหยวนป้าจะเชิญพวกเขามา แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเชิญหยางเฉินเพียงคนเดียว และพวกเขาทั้งหมดกลายเป็นตัวประกอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงงานต่อสู้หนันหยังครั้งที่แล้ว หยางเฉินต่อสู้กับเหล่าฮีโร่เพียงลำพัง พวกเขาจำต้องทำหน้าที่เป็นตัวประกอบ
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่นั่งตรงข้ามกับพวกเขาคือคนใหญ่คนโตในตระกูลเดอะคิง
“คุณหยาง ด้วยความสามารถของคุณ แม้ว่าจะอยู่ในเยี่ยนตู ก็เหมือนเอาวัตถุดิบใหญ่ๆ เอาไปใช้กับงานเล็กๆ”
เซวหยวนป้ากล่าวด้วยรอยยิ้มทันที
หยางเฉินยิ้มจางๆ “ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ อยู่กับคนที่ตนองชอบ และเป็นอิสระ มันน่าเสียดายตรงไหน?
อีกอย่าง ผมมีแต่กำลังกาย จะว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ได้อย่างไร?คุณเซวชมเกินไปแล้ว ”
“พี่หยาง คุณถ่อมตัว”
เซวข่ายยิ้มและพูดว่า “สามารถทำให้คนที่ซื่อสัตย์และภักดีอย่างผู้นำหานและผู้นำกวนติดตามอย่างหมดใจ คุณหยางยังไม่มีพรสวรรค์อีกหรือ?”
“ผมกับผู้นำหานและผู้นำกวนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จะมาบอกว่าติดตามได้อย่างไร?”
หยางเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย