The king of War - บทที่ 710 ธุรกิจจิตประเสริฐ
“ผู้นำเฉิน ตอนนี้คุณนี่รุ่งสุด ๆ เลยนะ!ผมเพิ่งมาถึงเยี่ยนตู ก็ได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับตระกูลเฉินของคุณมากมาย”
หานเซี่ยวเทียนหัวเราะพลางพูดออกมา
กวนเจิ้งซานก็หัวเราะและพูดไปว่า “ข้าก็เหมือนกัน ฟังจนหูจะชาไปหมดแล้ว มีแต่คนบอกว่าตระกูลเฉินรุ่งพุ่งขึ้นเร็วมากที่สุด เพิ่งเข้ามาเยี่ยนตูไม่ถึงครึ่งปี ก็ก้าวขึ้นไปเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งรองจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูแล้ว”
เฉินซิงไห่หัวเราะอย่างเปิดใจ “พวกคุณอย่ามาชมผมเลย ทั้งหมดนี้ล้วนเพราะคุณหยาง ถ้าไม่ได้คุณหยางให้โอกาสกับพวกผม ต่อให้ตระกูลเฉินอยู่ไปอีกร้อยปี ก็ไม่มีทางมาได้ถึงระดับนี้”
นี้เป็นเรื่องจริง ตระกูลเฉินแม้ในสามตระกูลนี้ จะเป็นตระกูลที่มาเยี่ยนตูก่อนเพื่อน แต่ถ้าหากไม่มีหยางเฉินที่ขับไล่ตระกูลไช่ออกไปจากเยี่ยนตู ตระกูลเฉินก็ไม่ได้โอกาสที่ดีขนาดนี้ ที่จะเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ได้
ทว่าที่เห็นตระกูลเฉินรุ่งเรืองเหลือคณานับขนาดนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างรู้แจ้งชัด ตระกูลเฉินเป็นเพียงผู้ที่เข้ามาเป็นผู้จัดการทรัพย์สินตระกูลไช่แทนหยางเฉิน
แม้จะเพียงแค่เป็นการช่วยจัดการธุรกรรมทรัพย์สินให้หยางเฉิน แต่ฐานะของตระกูลเฉินเวลานี้ ก็สร้างรายได้ให้ตระกูลเฉินเป็นก้อนโต
“มา ขอพวกเราใช้น้ำชาแทนเหล้า ร่วมกันคารวะคุณเฉินสักจอก!”
เฉินซิงไห่ประคองแก้วขึ้นมานำยืนขึ้น ทุกคนต่างลุกยืนขึ้นยกแก้วตาม
เฉินซิงไห่พูดด้วยสีหน้าเปี่ยมล้นในความขอบคุณ “คุณหยาง ขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง!”
“คุณหยาง ขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง!”
“คุณหยาง ขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง!”
……
ในเวลาขณะเดียวกันนั้นเอง ทุกคนในห้องเหมาพิเศษ ต่างกล่าวคำแสดงความขอบคุณกับหยางเฉินอย่างถ้วนทั่ว
หยางเฉินยิ้ม ๆ “ทุกท่านเกรงใจกันเกินไปแล้ว การได้มาซึ่งทุกสิ่งในวันนี้ ใช่เป็นการช่วยเหลือจากผมเพียงส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็จากพวกท่านเองที่จับต้องโอกาสถูก จึงได้ทำให้ตระกูลของทุกท่านรุ่งเรืองขึ้นมายิ่ง ๆ ขึ้น”
“ถ้าจะว่าไปแล้ว การที่ผมช่วยพวกท่าน ก็เป็นการช่วยให้กับตัวผมเอง ทุกท่านอย่าเกรงใจกันเลย มา ดื่ม!”
ทุกคนในวงต่างรู้กันว่าหยางเฉินไม่ดื่มเหล้า จึงดื่มแต่น้ำชากัน ไม่มีเหล้าใด ๆ
ไม่นาน อาหารก็ขึ้นโต๊ะ เฉินซิงไห่รู้ใจมาก อาหารจัดมาล้วนเป็นอาหารพื้นบ้านเจียงโจว
“ผู้นำเฉิน เห็นพูดกันว่าที่ร้านอาหารแซ่เฉินมีบริการอาหารฟรีให้กับคนจรจัดด้วยหรือ?”
หยางเฉินจู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา
เฉินซิงไห่ผงกหัวรับ พร้อมบอกไปว่า “ตอนที่ร้านอาหารแซ่เฉินเปิดกิจการใหม่ ๆ ยังไม่ดังขนาดนี้ พอดีมีตระกูลใหญ่อยู่บ้านหนึ่ง เดิมทีสั่งจองโต๊ะเลี้ยงงานแต่งงานร้อยโต๊ะที่นี่ แต่พอถึงวันงาน ฝ่ายเจ้าของงานกลับย้ายสถานที่จัดเลี้ยง”
“แต่ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับงานเลี้ยงนั้นเราได้จัดเตรียมไว้หมดแล้ว และช่วงนั้นก็เพิ่งเปิดกิจการใหม่ ๆ ยังไม่ได้ขายดีมาก ของสดมากมายขนาดนั้น ถ้าไม่ใช้ไปในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะเสียของไปเปล่า ๆ”
“ตอนนั้นเอง อิงเหาก็ได้เสนอความคิดให้จัดรายการกินฟรีเลี้ยงคนจรจัด เลยได้ผลักดันโครงการนี้ จัดให้คนจรจัดกินฟรีวันละหนึ่งร้อยชุด”
“ผลสรุปจากการจัดรายการในครั้งนั้น ร้านอาหารแซ่เฉินจึงได้ดังเป็นพลุแตก จนได้กลายเป็นร้านดังในขณะนี้ อีกยังได้เป็นร้านที่ถูกปักหมุดเป็นระดับเทพของกลุ่มเน็ตไอดอล”
เฉินซิงไห่พูดเสียงหัวเราะด้วยความชื่นชมดีใจ
“ไม่เลว!”
หยางเฉินมองแวบไปที่เฉินอิงเหา
เพียงแค่คำเดียวที่พูดว่าไม่เลว ก็ทำเอาเฉินอิงเหาตื้นตันในความเอ็นดู รีบตอบไปว่า “ขอบพระคุณท่านหยางครับ!”
“แม้นเป็นเพียงความคิดทำไปในชั่ววูบเดียว อาศัยกิจกรรมด้านการกุศลในการให้ทานกับคนจรจัด ทำให้ร้านอาหารแซ่เฉินดังขึ้นมาได้ ผมก็อยากฝากความหวังไว้นะ พวกคุณต้องยึดมั่นในกุศลจิตนี้ ทำให้เป็นนักธุรกิจจิตประเสริฐ”
หยางเฉินเปลี่ยนสีหน้าดูจริงจังในทันใดพูดไปว่า “ในเมื่อได้ทำกิจกรรมนี้แล้ว ถ้างั้นต่อไปก็จะต้องยึดไว้ให้เป็นกิจปฏิบัติต่อไป”
“โดยเฉพาะพวกธุรกิจทำคลิปภาพยนตชั้นสวะ จะต้องให้คำนึงถึงการรู้ประหยัดทรัพยากรเป็นหลัก ส่วนที่เห็นภาพความฟุ่มเฟือย จะต้องมีภาคการลงโทษให้ชัดเจน!”
“ไม่แต่เพียงที่ร้านอาหารแซ่เฉิน ยังมีทรัพย์สินธุรกิจภายใต้ทุกตระกูล จะต้องยึดประชาชนเป็นหลัก ในเมื่อพวกคุณรุ่งเรืองขึ้นมา เรื่องการดูแลสังคม ก็ยังจะต้องให้มีควบคู่ไปด้วย”
ได้ฟังคำพูดของหยางเฉิน โดยเฉพาะสามผู้เฒ่า ล้วนมีความตื้นตันใจแสดงบนสีหน้า ต่างพากันพูดว่า “คุณหยางท่านวางใจได้ พวกผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน! ”
“ดี ผมขอคารวะทุกท่านหนึ่งจอก!”
หยางเฉินรู้สึกดีมาก ๆ ยกแก้วชวนทุกคนดื่ม
และในขณะที่หยางเฉินยังอยู่ในห้องพิเศษ คุยเฮฮากับกลุ่มพวกหานเซี่ยวเทียน ภายนอกร้านอาหารแซ่เฉิน มีรถเอาดี้a4 สีดำเข้ามาอยู่หลายคัน เด็กวัยรุ่นกะเลวกะลาดยี่สิบกว่าคน เดินรี่ตรงเข้าไปในร้าน
ในร้านพลันเกิดเสียงกรีดร้องกันเป็นอลเวง ผู้จัดการร้านรีบออกมา “พวกคุณเป็นใครกัน?จะทำอะไรกัน?”
“มาหาแกนี่แหละ บอกมา ไอ้หยางเฉินบัดซบนั่นอยู่ห้องไหน?”
สวีเหว่ยไฉจำผู้จัดการคนนี้ได้อยู่ ก็ไอ้ผู้จัดการคนนี้แหละ เป็นคนพาหยางเฉินขึ้นชั้นบนไป
ผู้จัดการร้านอาหารจำสวีเหว่ยไฉได้ พูดไปด้วยความตกตื่น “คุณคือพิธีกรรายการถ่ายทอดคนตะกี้นี้?”
“ผัวะ”
สวีเหว่ยไฉตบใส่หน้าผู้จัดการห้องอาหาร ตวาดใส่อย่างโมโหว่า “มึงแม่งมาดูถูกอะไรยังไง กูพิธีกรจัดรายการที่มีแฟนคลับห้าร้อยล้านนะมึง”
“รีบพากูไปหาไอ้หยางเฉินนั่น ไม่งั้นเดี๋ยวมึงตาย!”
เด็กหนุ่มที่ทำไว้เปียกระจุกอยู่หลังหัว เดินเข้ามา สั่งด้วยสีหน้าข่มขู่
ผู้จัดการร้านอาหารขบกรามพูดไปว่า “ผมเตือนพวกคุณให้รีบไปเสียจากที่นี่โดยเร็วดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีเรื่องต้องเสียใจเป็นแน่!”
“เชอะ!พวกแกมันตัวอะไรกัน กล้ามาขู่ข้าเร๊อะ แกรู้จักลูกพี่ข้ามั้ยว่าเป็นใคร?”
เด็กหนุ่มที่อยู่หน้าสุดถีบผู้จัดการร้านอาหารล้มลง แล้วถามด้วยเสียงเย้ย
ผู้จัดการร้านอาหารยิ้มเยือก “ผมก็ไม่รู้จักหรอกนะว่าลูกพี่คุณเป็นใคร แต่ผมก็อยากเตือนคุณนะ การที่คุณจะมามีเรื่องที่นี่ น่าจะไปถามลูกพี่คุณให้ดีก่อน ว่าจะมาก่อเรื่องที่นี่ได้มั้ย อย่าปล่อยให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว เดี๋ยวลูกพี่คุณจะโดนด้วย”
ผู้จัดการร้านอาหารก็รู้อยู่ เบื้องหลังของร้านอาหารแซ่เฉินนี้ ก็คือตระกูลเฉินที่กำลังดังระเบิดทุกวันนี้ จึงเป็นที่แน่นอนว่าเขาไม่มีทางจะถูกขู่ได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำพวกนี้
“ยังกล้ามาย้อนอีก วอนโดนเสียแล้ว!”เด็กหนุ่มโมโหขึ้นมา ออกคำสั่งไป คนทั้งกลุ่มก็กรูกันเข้ารุมอัดผู้จัดการร้าน
“พอแล้ว พอแล้ว ผมจะพาพวกคุณไป!”
ขณะนั้นเอง มีพนักงานในร้านคนหนึ่งทนดูไม่ได้ รีบเข้าไปห้ามไว้
ทั้งหมดจึงได้หยุดจากการรุมยำผู้จัดการร้าน แล้วทั้งฝูงก็เดินตามพนักงานคนนั้นขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร
พวกหยางเฉินกำลังคุยกันเฮฮา พลันเกิดเสียงดัง “ปัง” ประตูห้องจองพิเศษถูกถีบเปิดออก เด็กหนุ่มกะเลวกะลาดหลายคนถลันเข้ามา
“พี่หวง ไอ้บัดซบคนนั้นแหละ ถล่มอาชีพจัดรายการสดของผมพังยับ!” สวีเหว่ยไฉชี้ไปที่หยางเฉิน ขบฟันพูดไปอย่างเคียดแค้น
สวีเหว่ยไฉถลันเข้าไปในห้องจองพิเศษ ท่าทางเหิมเกริม ชี้ไปที่หยางเฉิน
เฉินซิงไห่เห็นเข้าดังนั้น แทบจะลมใส่ จัดเลี้ยงต้อนรับหยางเฉินในพื้นที่ของตัวเองแท้ ๆ ยังมีคนกล้าบุกเข้ามาหาเรื่องหยางเฉินถึงในห้องพิเศษได้
หยางเฉินขมวดคิ้วย่น เขาก็คิดไม่ถึงว่าปล่อยสวีเหว่ยไฉไปแล้ว ฝ่ายนั้นยังกล้าไปตามพวกมาหาเรื่องเขาอีก
“หยางเฉิน แกเมื่อกี้นี้ทำเบ่งนักไม่ใช่เร๊อะ? เอาต่ออีกสิ!คอยดูกูวันนี้จะอัดมึงให้เละหมดสภาพเลยมึง”
สวีเหว่ยไฉเหิมเกริมอย่างสะใจเต็มบนใบหน้า “รู้จักมั้ยว่าเขาเป็นใคร เขานี่แหละพี่หวงผู้จัดการใหญ่ของบริษัทผู้จัดการเน็ตไอดอลอิงเหา แกกล้ามาถล่มอาชีพจัดรายการสดของข้า พี่หวงไม่ปล่อยแกแน่”
เด็กหนุ่มที่ไว้เปียกระจุกเล็ก ๆ คนนั้น ยิ้มกวน ๆ จ้องหน้าหยางเฉิน “ไอ้หนู เอ็งนี่หรือที่ไปถล่มการจัดรายการถ่ายทอดสดของสวีเหว่ยไฉ?แกรู้มั้ยว่าที่แกไปถล่มรายการที่เป็นอาชีพของเขา มันสร้างความเสียหายถึงบริษัทข้าขนาดไหน?