The king of War - บทที่ 715 แล้วแกจะต้องเสียใจ
“ใช่ตระกูลเซวจริง ๆ!”
หยางเฉินขมวดคิ้วย่น แววตาเต็มไปกับความรู้สึกหนาว
ตั้งแต่เริ่มเขาก็พอเดาได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐาน ถึงยังไงตระกูลที่สามารถจะเลี้ยงหน่วยกล้าตายได้ ต้องไม่ใช่ระดับแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูจะทำได้
เวลานี้ ตระกูลที่มีความขัดแย้งกับเขามีเพียงตระกูลเฉากับตระกูลเซว
สำหรับตระกูลเฉานั้น เรื่องที่เคยเป็นที่บาดหมางใจกันนั้น ก็มีแค่เฉาฮุยคนเดียว ซึ่งฐานะในตระกูล ดูเหมือนไม่ได้มีความสำคัญอะไร
แต่กับตระกูลเซวนั้นไม่เหมือนกัน คนที่มามีเรื่องขัดแย้งกับเขานั้น เป็นลูกคนที่สามที่อ๋องเซวรักมากที่สุด เป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นอ๋องตระกูลเซวในอนาคต
“พี่เฉินครับ เป็นเรื่องที่เซวข่ายทำเอง ผมสงสัยว่า งานนี้ตระกูลเซวไม่รู้เรื่อง”
หม่าชาวยังได้พูดถึงการคาดเดาของเขาเอง
หยางเฉินผงกหัว: “ข้ารู้แล้ว”
“พี่เฉิน ตอนนี้ตระกูลเซวได้รวบหนันหยังกับตงหลันไปแล้ว เวลานี้เซวข่ายยังอยู่ที่ตงหลัน ให้ผมไปตงหลันเองสักครั้งดีไหม?”
หม่าชาวได้มีใจมุ่งฆ่าเซวข่ายแล้วอย่างเต็มที่ ขนาดมากระทบถึงหยางเฉิน นั่นมันรนหาที่ตายชัด ๆ
นัยน์ตาหยางเฉินหยีลงเล็กน้อย “คงจำเป็นที่ต้องให้ตระกูลเซวเห็นฝีมือบ้างแล้ว แกไปเถอะ ระวังตัวให้มากด้วย!”
“ครับผม!”
หม่าชาวรีบตอบรับ
ผู้แข็งแกร่งที่คอยดูแลความปลอดภัยเซวข่ายนั้น พลังฝีมือเก่งกาจมาก ข้างตัวหยางเฉิน ก็เห็นแต่หม่าชาว ที่จะรับมือด้วยได้
นี่ก็เป็นการให้หม่าชาวได้ไปฝึกมือหาประสบการณ์ พลังฝีมือของเขาถึงจะมีเพิ่มพูนขึ้นมาก แต่ให้เทียบกับระดับยอดฝีมือตระกูลเดอะคิงและตระกูลราชวงศ์แล้ว ยังคงมีทิ้งห่างกันอยู่ไม่น้อย
ยี่สิบนาทีให้หลัง หยางเฉินมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
ที่นี่ เดิมเป็นคฤหาสน์ตระกูลไช่ เมื่อตระกูลเฉินเข้ามาแทนที่ ตระกูลเฉินจึงได้เข้ามาครอบครอง
“สวัสดีครับคุณหยาง!”
เห็นหยางเฉินมาถึง เฉินซิงไห่ออกมายืนต้อนรับถึงหน้าประตู
นอกจากเฉินซิงไห่แล้ว ยังมีหานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซาน
“ทีเตรียมไว้เป็นยังไงมั่ง?”
หยางเฉินเดินพลางถามไปพลาง
เฉินเซี่ยวเทียนรีบตอบไปว่า “คุณหยาง ท่านวางใจได้ ผมจัดเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว เที่ยงเวลา 12 นาฬิกา ที่คฤหาสน์ตระกูลเฉิน ได้เชิญกลุ่มต่าง ๆ ที่นำโดยตระกูลหลีทุกกลุ่มให้มากัน”
“ตระกูลหานกับตระกูลกวนหละ?”
ขณะคุยกันไป ทั้งหมดก็เดินเข้าไปในห้อง
“ตระกูลหานพร้อม รอฟังคำสั่งจากคุณหยางทุกเวลาครับ”
“ตระกูลกวนก็เตรียมตัวพร้อมครับ รอฟังคำสั่งจากคุณหยางตลอดเวลา”
หานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซานตอบตามกัน
หยางเฉินมองเวลา พูดว่า “ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง”
ขณะกำลังพูด เฉินเห้าเข้ามาถึงในห้อง ถามทักสวัสดีกับหยางเฉิน แล้วจึงหันไปพูดกับเฉินซิงไห่ว่า “คุณพ่อครับ คนบ้านตระกูลหงมาถึงแล้วครับ หงซิงบอกว่าจะขอพบท่านครับ”
“อื๋อ ตระกูลหง ?”
เฉินซิงไห่ให้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แล้วก็รีบชี้แจงกับหยางเฉินว่า “ตระกูลหงแต่ไหนแต่ไรไม่ถูกกับตระกูลหลี เห็นว่าทั้งสองตระกูลเคยพยายามเข้าหาตระกูลไช่ และเคยมีการกระทบกระทั่งกันอย่างแรงด้วย แต่ตระกูลหงก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มฝ่ายที่จ้องเล่นงานตระกูลเฉิน ผมก็เลยไม่ได้เชิญ”
“ดูท่า ตระกูลหงคงตระหนักเห็นถึงอะไรแล้ว ครั้งนี้คงมาเพื่อเป็นการแสดงถึงไมตรีจิต”
หันเซี่ยวเทียนหัวเราะแล้วพูดไป
เฉินซิงไห่กลับส่ายหน้า “เท่าที่ผมรู้จักตระกูลหง ไม่น่าใช่จะมาแสดงไมตรีจิต แต่เป็นการมาขอร่วมมือด้วย”
กวนเจิ้งซานแค่นเสียงหัวเราะ “ขอร่วมมือ?เขาจะเอาอะไรมาขอร่วมมือด้วยกับตระกูลเฉิน?เรามีคุณหยางอยู่ ยังจะต้องใช้ตระกูลหงอีกหรือ?”
“ในเมื่อเขาว่าจะขอพบข้า ก็ให้เขาเข้ามา”
เฉินซิงไห่เอ่ยปากพูด เฉินเห้าจึงรีบออกไป
“หงซิงเป็นผู้นำตระกูลหง เป็นคนรุ่นเดียวกับเฉินเห้า เด็กหนุ่มที่ดูมีไฟแรงคนหนึ่ง ลักษณะการวางท่าอวดโอ่เต็มที่ คนประเภทนี้มีความหยิ่งทระนง ไม่ใช่ประเภทยอมก้มหัวสยบให้ตระกูลเฉินแน่นอน”
เฉินซิงไห่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ขณะกำลังพูด เฉินเห้าก็ได้เดินนำชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามา
“ท่านผู้นำเฒ่าเฉิน!”
หงซินก้าวพอเข้ามาในห้อง ก็มองเห็นเฉินซิงไห่
เฉินซิงไห่มองเขาด้วยสายตาเรียบ ๆ ทักถามไปว่า “คุณจะพบผม มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ผมได้ข่าวว่าท่านผู้นำเฉินได้เชิญบรรดาตระกูลเศรษฐีมาพบปะกัน ผมมาโดยไม่ได้มีส่วนรับเชิญ ท่านผู้นำเฉินคงไม่ถือโทษนะครับ?”
เป็นจริงดังที่เฉินซิงไห่ว่า หงซิงมีทีท่าวางมาดหยิ่งเอามาก
เฉินซิงไห่เลิกคิ้วสูง “แล้วถ้าข้าจะกล่าวโทษหละ?”
หงซิงถึงกับสะอึก คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเฉินซิงไห่จะพูดแบบนี้
เขาไล่เรียงมองคนแปลกหน้าหลายคนที่อยู่ข้างเฉินซิงไห่ พลันก็พูดขึ้นว่า “ท่านผู้นำเฒ่าเฉิน ผมมีเรื่องอยู่หลายเรื่อง คิดอยากจะขอคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”
“ที่อยู่นี้ล้วนเป็นเพื่อนสนิท ไม่มีเรื่องอะไรที่พวกเขาจะรับรู้ไม่ได้ คุณว่ามาเถอะ!”เฉินซิงไห่พูดด้วยเสียงเย็นชาเป็นที่สุด
หงซิงนึกตื่นผวาอยู่ในใจ เฉินเห้าเป็นถึงผู้นำของตระกูลเฉินแล้ว ขณะนี้แม้จะนั่งก็ยังไม่มีสิทธิ์
ถ้างั้นอีกสามคนที่นั่งอยู่กับเฉินซิงไห่ นั้นจะเป็นใครกัน?
ที่ทำให้เขารู้สึกตื่นผวามากก็คือ ในนั้นยังมีหนุ่มคนหนึ่งในวัยเพียงยี่สิบกว่า
“ในเมื่อท่านผู้นำเฉินพูดมาแบบนี้ ผมก็ไม่อ้อมค้อมละ ที่ผมมาในครั้งนี้ ก็เพื่อมาบอกความลับให้เรื่องหนึ่ง คือตระกูลหลีได้ร่วมกับห้าตระกูล เตรียมจะลงมือเล่นงานตระกูลเฉินในวันนี้”
หงซิงเอ่ยปากพูด “ที่ผมมา ก็เพื่อจะคุยธุรกิจกับตระกูลเฉิน ถ้าตระกูลเฉินสามารถตกลงกับผมได้ ผมขอรับรองให้ได้ว่า แนวร่วมตระกูลหลีไม่มีทางบีบบังคับตระกูลเฉินได้แม้แต่นิดเดียว”
แต่ที่ทำให้หงซิงต้องผิดหวังก็คือ เขาได้บอกไปหมดแล้วถึงเรื่องตระกูลหลีร่วมมือกันห้าตระกูลจะลงมือกับตระกูลเฉิน เฉินซิงไห่ก็ไม่เห็นรู้สึกว่าจะแปลกใจ ยังวางสีหน้าเรียบเฉย
ไม่เพียงเฉินซิงไห่ ยังมีที่นั่งด้วยอีกสามคน ก็มีสีหน้านิ่งเฉย
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อคนตระกูลเฉินรู้ข่าวนี้เข้า จะต้องรู้สึกตื่นตระหนกกันเป็นแน่ ต่างคงต้องร้อนใจอยากให้ตระกูลหงช่วยเหลือ แต่ไม่ได้เป็นไปตามนั้น
“ธุรกิจอะไรของคุณ?”เฉินซิงไห่ถาม
หงซิงแม้จะรู้สึกประหลาดใจ แต่ยังพูดไปว่า “พูดอย่างไม่ปิดบังกับท่านผู้นำเฒ่าตระกูลเฉินนะ ตระกูลหงตอนนี้ได้อยู่ในอานัติของตระกูลซุน เรื่องที่มาวันนี้นี้เป็นความประสงค์ของผู้นำตระกูลซุนท่านซุนซวี่ ท่านได้มอบหมายให้ผมมาให้การแนะนำกับตระกูลเฉิน ขอเพียงผู้นำเฒ่าตระกูลเฉินยินยอมสวามิภักดิ์ วิกฤติอันตรายนี้ก็สามารถจะปลดแก้ไปได้”
“พูดจบหรือยัง?”
เฉินซิงไห่จู่ ๆ ก็ถามไป
หงซิงสะอึกไปนิดหนึ่ง ผงกหัวว่า “จบละครับ ไม่ทราบท่านผู้นำเฒ่าตระกูลเฉินจะยอมไหม?”
เฉินซิงไห่กำลังจะพูด ถูกหยางเฉินชิงตัดบทพูดไปว่า “คุณกลับไปบอกคุณซุนซวี่ เพียงว่า ถ้าหากเขาคิดจะให้ตระกูลเฉินสวามิภักดิ์ ก็ให้เขามาด้วยตัวเอง”
“คุณคือ?”
หงซิงขมวดคิ้วแล้วถาม
“ผมเป็นใคร สำคัญด้วยหรือ?”หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หงซิงทำสีหน้าดูไม่จืด เฉินซิงไห่ไม่มีการให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย ยิ่งหยางเฉิน สีหน้าหยิ่งยะโส ทำเอาเขาไม่สบายตัวเอาเลย
“ท่านผู้นำเฒ่าตระกูลเฉิน นี่เป็นการปฏิเสธใช่ไหม?”หงซิ่งถามไปเสียงหยิ่ง ๆ
“ไสหัวไปได้แล้ว!”
เฉินซิงไห่ตะเพิดออกไปตรง ๆ
หงซิงมีสีหน้าที่ดูไม่ได้สุด ๆ ตอนก่อนมาถึงบ้านตระกูลเฉิน คิดสะระตะมาหลายด้านที่เป็นไปได้ เพียงแต่เรื่องที่เป็นไปได้แบบนี้ กลับไม่ได้ไปคิดถึงเอาเลย
“ผู้นำเฒ่าตระกูลเฉิน ท่านอย่าได้ไม่รู้จักดีชั่ว ตระกูลเฉินเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ แต่ไม่ได้หมายถึงว่า ตระกูลเฉินจะสามารถขึ้นไปสูงอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลไช่ในอดีตได้”
หงซิงพูดต่อด้วยเสียงเหยียดหยาม “เวลานี้ตระกูลหลีรวมห้าตระกูลใหญ่ จ้องเข้ามาเล่นงานพวกคุณ ถ้าไม่มีตระกูลซุนเข้ามาช่วยเหลือ ตระกูลเฉินมีแต่จะล่วงดับเป็นดาวตก ผมขอแนะเตือนให้คุณตรึกตรองใหม่ให้ดี แล้วให้คำตอบมาใหม่!”
“เด็ก ๆ จัดการกับไอ้นี่ที จับมันโยนออกไปเลย!”
เฉินซิงไห่มีหรือจะปล่อยให้หงซิงอวดเบ่งเอาหน้า สั่งออกไปทีเดียว ชายฉกรรจ์หุ่นล่ำบึกเข้ามาทันทีสองคน ประกบซ้ายขวาหิ้วแขนของหงซิงขึ้นมา ลากตัวออกไป
“ไอ้บัดซบ!ปล่อยข้า!พวกแกปล่อย!”
“เฉินซิงไห่ แล้วแกจะต้องเสียใจ!”
“แกคอยรอต้อนรับไฟบัลลัยโกรธของผู้นำซุนเถอะ!”
หงซิงถูกลากออกไปไกลแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวของเขายังแว่วเสียงเข้ามา