The king of War - บทที่ 719 ถูกบังคับให้เลือกทีม
จริงตามที่คาดไว้ ในพันธมิตรทั้งห้าตระกูล ผู้นำตระกูลอื่นๆไม่ได้โทรเรียกคนของพวกเขา
“นายท่านตระกูลหลีขอโทษนะ!”
จู่ๆก็มีคนพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลีจื๋อแข็งทื่อทันที“คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“เราได้หารือกันแล้วและตัดสินใจมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยก็รักษาตระกูลของเราไว้ได้” ชายคนนั้นกล่าว
“ผมก็เลือกมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งออกไปด้วย!”
ทันทีหลังจากนั้น ผู้นำคนอื่นๆก็แสดงความเห็น
“ผมก็เลือกที่จะจำนนต่อตระกูลเฉิน!”
“ผมก็เลือกที่จะยอมจำนน!”
ผู้นำที่เหลืออีกสองคน ก็แสดงความคิดเห็นแล้ว
พันธมิตรทั้งห้าตระกูล ได้หายสาบสูญไปแล้ว
เหลือเพียงตระกูลหลีเพียงตระกูลเดียวที่ตั้งใจจะต่อสู้กับตระกูลเฉินจนถึงที่สุด
สีหน้าของหลีจื๋อดูแย่มาก เมื่อกี้เขาได้ขู่ผู้นำอีกสี่คนแล้ว เขาคิดว่าพวกเขาจะอยู่ข้างเขา
คิดไม่ถึงว่า ทั้งสี่จะเลือกที่จะยอมจำนน
เมื่อเป็นเช่นนี้ การข่มขู่ของเขาไม่มีประโยชน์เลย แต่ทำให้เขาขี่หลังเสือแล้วลงยาก
ในบรรดาพันธมิตรทั้งห้าตระกูล ตระกูลหลีนั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้ อีกสี่ตระกูลเลือกยืนอยู่เคียงข้างตระกูลเฉิน และตระกูลหลีก็ไม่มีโอกาสชนะเลย
“พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
หลีจื๋อยังคงเกลี้ยกล่อมเป็นครั้งสุดท้าย และพูดอย่างโกรธเคือง “วันนี้ ตระกูลเฉินต้องการทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของพวกคุณ พรุ่งนี้ เขาก็กล้าที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพวกคุณ!”
“ตระกูลเฉินก็แค่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนเท่านั้น จับเสือมือเปล่า หลังจากที่พวกคุณยอมจำนน ตระกูลเฉินจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู”
“ถึงตอนนั้น ตระกูลเล็กๆอย่างพวกคุณที่สูญเสียทรัพย์สินไปครึ่งหนึ่ง ตระกูลเฉินจะเห็นพวกคุณอยู่ในสายตาไหม?”
“แต่ถ้าพวกคุณยอมที่จะยืนหยัดร่วมกับผม ด้วยความแข็งแกร่งของพันธมิตรทั้งห้าตระกูลของเรา ตระกูลเฉินจะมีโอกาสถูกทำลายล้างเท่านั้น! เมื่อถึงตอนนั้น ทั้งห้าตระกูลของเราแบ่งตระกูลเฉินร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเราเพิ่มมากขึ้น!”
หลีจื๋อกังวลใจมาก แต่หลังจากที่เขาพยายามโน้มน้าวพวกเขาอย่างเต็มที่แล้ว เขาก็ไม่สามารถทำให้ผู้นำอีกสี่คนเปลี่ยนใจ
“นายท่านตระกูลหลี ผู้รู้สถานการณ์ปัจจุบัน คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ตระกูลเฉินสามารถแทนที่ตระกูลไช่ได้ในชั่วข้ามคืน สิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินแล้ว แม้ว่านี่จะไม่ใช่จุดแข็งที่แท้จริงของตระกูลเฉินก็ตาม มันก็สามารถแสดงให้เห็นว่ามีคนใหญ่คนโตที่หนุนหลังตระกูลเฉิน”
ผู้นำคนหนึ่งกล่าว “ตระกูลเฉินแบบนี้ ถึงแม้เราจะร่วมมือกัน เราก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้!”
“ใช่ จู่ๆผู้นำเฉินก็เชิญพันธมิตรทั้งห้าตระกูลของเรามา เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวดีแล้วในการกลืนกินพวกเรา เขาไม่ได้เป็นคนโง่ ถ้าเขากลัวพันธมิตรทั้งห้าตระกูลของเราจริงๆ แล้วจะยอมให้เราโทรเรียกคนมาได้อย่างไร? ”
คนหนึ่งกล่าว
“นายท่านตระกูลหลีเราไม่สามารถต่อต้านกับตระกูลเฉินได้เลย ยอมแพ้เถอะ!มีเพียงยอมแพ้ เท่านั้น จึงจะสามารถรักษาตระกูลของเราไว้ได้ มิฉะนั้น จุดจบของตระกูลไช่ก็จะเป็นจุดจบของเรา”
ผู้นำทั้งสองที่ขอร้องเขา ต่างก็พูดออกมา
หลีจื๋อกัดฟันด้วยความโกรธ”ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกว่าผมจะลงมือกับตระกูลเฉิน พวกคุณก็สนับสนุน แต่ตอนนี้เป็นไงล่ะ ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ พวกคุณทุกคนก็มายอมแพ้”
ผู้นำอีกสี่คนต่างก็ละอายใจ แต่การแสดงของเฉินซิงไห่ในวันนี้ ทำให้พวกเขากดดันอย่างมาก
เพื่อที่จะรักษาตระกูลไว้ พวกเขาจำต้องเลือกจำนน
ในขณะนี้เอง จู่ๆก็มีเสียงคำรามดังออกมาด้านนอก และรถเมอร์เซเดส-เบนซ์สีดำหลายสิบคันก็บุกเข้าไปในบ้านของตระกูลเฉินโดยตรง และชายร่างใหญ่สี่ห้าคนก็รีบลงมาจากรถ
ในชั่วพริบตา ชายร่างกำยำจำนวนสองสามร้อยคนก็ปรากฏตัวขึ้นด้านนอก
ผู้นำแห่งพันธมิตรทั้งห้าตระกูลต่างตกใจมากเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“นายท่านตระกูลหลีนี่คือคนที่คุณโทรเรียกมาใช่หรือไม่?”
มีคนถามด้วยความแปลกใจ
หลีจื๋อส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ดูแล้วอย่างน้อยก็สี่สิบคันใช่ไหม? การออกตัวสูงเช่นนี้ เกรงว่ามีเพียงแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเท่านั้นที่ทำได้แบบนี้”
“แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู?”
มีคนแปลกใจและถาม “หรือว่า แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูกำลังจะลงมือกับตระกูลเฉิน?”
“คือหงซิง!”
ผู้นำคนหนึ่งกล่าวด้วยความตกตะลึงในทันใด
ทุกคนจึงพบว่า เป็นหงซิงของตระกูลหงได้เดินออกจากรถ
“พวกคุณดูเร็วๆสิ คนที่อยู่ข้างๆหงซิงเป็นผู้นำตระกูลซุน ซุนซวี่ไม่ใช่เหรอ?”
หลีจื๋อก็ชี้ไปที่คนข้างๆหงซิงและถาม
“โอ้ แม่เจ้า! เป็นซุนซวี่จริงๆด้วย! คนของตระกูลซุน นี่จะลงมือกับตระกูลเฉินเหรอ?”
ทุกคนอุทานออกมา
มุมปากของหลีจื๋อยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เกิดส่วนโค้งที่ขี้เล่น “ดูเหมือนว่า เราจะได้ชมการแสดงที่สุดยอดแล้ว!”
เรียกได้ว่า คนที่มีความสุขที่สุดในตอนนี้ก็คือเขา
ถ้าไม่มีคนจากตระกูลซุน อีกสี่ตระกูลที่เหลือก็จะยอมจำนนต่อตระกูลเฉินแล้ว และพึ่งแค่ตระกูลหลี มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาที่จะสู้ตระกูลเฉินได้
แต่ตอนนี้ ตระกูลซุนจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูอยู่ที่นี่แล้ว ตระกูลเฉินจะอยู่รอดได้หรือไม่นั้นยังเป็นคำถาม
“นายท่านตระกูลหลีนี่คือฟ้ากำลังช่วยเรา!”
“นายท่านตระกูลหลีฉลาดจริงๆ เราควรร่วมมือกันจัดการกับตระกูลเฉิน จึงจะมีโอกาสแข็งแกร่งขึ้น!”
“วันนี้ เราจะเป็นผู้ชม มองดูมังกรและเสือต่อสู้กัน!”
“พันธมิตรทั้งห้าตระกูลจงเจริญ! ตระกูลเฉินเป็นใครหน้าไหน? คู่ควรที่จะต่อสู้กับพันธมิตรทั้งห้าตระกูลของเราเหรอ?”
ผู้นำพันธมิตรทั้งห้าตระกูลที่เพิ่งกล่าวว่ายอมจำนนต่อตระกูลเฉิน ตอนนี้ทุกคนกลับเปลี่ยนใจ
แม้ว่าหลีจื๋อจะรังเกียจนกสองหัวเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ไปเสียดสีคนเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เพราะพันธมิตรทั้งห้าตระกูลยังคงต้องการคนเหล่านี้เพื่อจะเติบโต
“ท่านผู้นำซุน ท่านมาที่นี่ทำไม?”
หลีจื๋อนำผู้คนออกไปด้วยท่าทีที่ประจบสอพลอ ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าว
ซุนซวี่เหลือบมองหลีจื๋ออย่างเฉยเมยและหัวเราะอย่างเย็นชา “หลีจื๋อพวกคุณยอมจำนนต่อตระกูลเฉินแล้วหรือ?”
หลีจื๋อส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ผู้นำซุน เป็นไปได้อย่างไร?เราติดอยู่ที่นี่ด้วยแผนชั่วของตระกูลเฉิน”
“ตอนนี้ ผมให้ทางเลือกแก่พวกคุณ ไม่ก็ยอมจำนนต่อตระกูลซุน และมอบร้อยละ 50 ของผลกำไรของตระกูลของพวกคุณให้ตระกูลซุนของผมทุกปี ไม่เช่นนั้น ผมจะปฏิบัติต่อพวกคุณเหมือนกับตระกูลเฉิน แล้วทำลายล้างพวกคุณพร้อมกัน”
ซุนซวี่พูดขึ้นทันใด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้นำพันธมิตรทั้งห้าตระกูลต่างก็ตกตะลึง แม่งเอ้ย วันนี้เป็นวันโศกนาฏกรรมสำหรับพันธมิตรทั้งห้าตระกูลใช่ไหม?
ตระกูลเฉินเพิ่งขู่ว่าให้มอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง และตอนนี้ตระกูลซุนก็ขู่ว่าให้มอบผลกำไร 50% ทุกปี
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลซุนหรือตระกูลเฉิน ดูเหมือนว่าจะเป็นทางตันของพันธมิตรทั้งห้า
หงซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทางที่ดีพวกคุณควรรีบตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นจะสายเกินไปถ้ารอให้ตระกูลซุนทำลายล้างตระกูลเฉิน แล้วค่อยมาเลือก ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว!”
“อ้อ ขอบอกไว้ก่อนว่า ตระกูลหงได้ยอมจำนนต่อตระกูลซุนแล้ว เมื่อพวกคุณยอมจำนน พวกเราก็คือพี่น้องแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของหงซิงผู้นำพันธมิตรทั้งห้าตระกูลต่างก็ประหลาดใจ
สถานะของตระกูลหงในเยี่ยนตูนั้น เปรียบได้กับตระกูลหลีแต่ทั้งสองตระกูลมีความขัดแย้งกันมาโดยตลอด
สมาชิกของพันธมิตรทั้งห้าตระกูลก็เงียบไปครู่หนึ่ง
ด้านหนึ่งคือตระกูลซุนที่เป็นหนึ่งในแปดของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู อีกด้านหนึ่งคือตระกูลเฉิน ซึ่งมีคนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องหลัง
ไม่ว่าจะเลือกด้านไหน ก็ต้องลดผลกำไรของตระกูลลงครึ่งหนึ่ง
ประเด็นคือ เลือกฝ่ายไหนก็ไม่ใช่จะชนะร้อยเปอร์เซ็น
นี่เป็นการบังคับให้พวกเขาเลือกทีม และเมื่อพวกเขาเลือกผิดทีม พวกเขาจะซวยแน่