The king of War - บทที่ 723 สี่ตระกูลพันธมิตร
และหานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซานก็เป็นพรรคพวกเดียวกับหยางเฉิน ซึ่งนั่นไม่ได้หมายถึงทั้งสองตระกูลนี้ก็มาจากต่างถิ่นงั้นหรือ?
เมื่อนึกถึงตระกูลเฉินที่เชิญพันธมิตรห้าตระกูลมาในวันนี้ ทันใดนั้นเขาก็เกิดการคาดเดาที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่ง
ซึ่งก็คือทุกอย่างในวันนี้หยางเฉินได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว การที่เขาตั้งใจจะแย่งชิงกิจการครึ่งหนึ่งของห้าตระกูล เป้าหมายหลักก็คือการผลักดันให้ตระกูลหานและตระกูลกวนได้รับต่ำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ส่วนตระกูลหงสำหรับหยางเฉินแล้ว มันก็ควรเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น
เมื่อนึกถึงการล่มสลายของตระกูลไช่ และการเติบโตขึ้นอีกครั้งของตระกูลเฉินก่อนหน้านี้ ขบวนการความคิดในใจของเขาก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เขารู้ดีว่าไม่นานนับจากนี้ นอกจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูแล้ว จะมีอีกสองตระกูลยักษ์ใหญ่ที่เทียบได้กับตระกูลเฉินจะบังเกิด
“สวัสดีครับท่านผู้นำหาน! สวัสดีครับท่านผู้นำกวน! โปรดชี้แนะด้วยนะครับ!”
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หงซิงก็รีบยกมือทำความเคารพ
และหลังจากนั้นไม่นาน เฉินซิงไห่ก็พาพวกเขาไปถึงห้องประชุมขนาดเล็กของตระกูลเฉิน
นอกจากหยางเฉินกับหงซิงแล้ว เฉินซิงไห่พาเฉินเห้ากับเฉินอิงเหามาด้วย หานเซี่ยวเทียนพาหานเยี่ยนมาด้วย และกวนเจิ้งซานก็พากวนเสว่ซงมาด้วย
เฉินอิงเหายังคงทำหน้าที่ริมน้ำชาและยืนอยู่ข้างๆ
ส่วนหยางเฉินนั่งอยู่บนที่นั่งประธาน และผู้นำคนอื่นๆ ก็นั่งระหว่างสองข้างของเขา
“วันนี้ ผมต้องขอยืมห้องประชุมของตระกูลเฉินเพื่อจัดการประชุมสั้นๆ กับทุกท่านนะครับ”
หยางเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน และทุกคนก็เงี่ยหูฟังทันที
โดยเฉพาะคนของตระกูลหานกับตระกูลกวน พวกเขาต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ เพราะรู้ว่าหยางเฉินกำลังจะพูดอะไร
“ก่อนอื่น พันธมิตรห้าตระกูลได้ส่งมอบกิจการกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และกิจการเหล่านี้ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ซึ่งจะแบ่งให้กับตระกูลหานและตระกูลกวนเป็นผู้ดูแลต่อ”
“ตอนนี้ตระกูลเฉินดูแลในส่วนกิจการของตระกูลไช่ที่ผมมอบหมายให้แล้ว ผมจะไม่เพิ่มกิจการของห้าตระกูลให้คุณอีก ส่วนตระกูลหงซึ่งเป็นเศรษฐีจากเยี่ยนตูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อีกอย่างยังมีการจัดการระบบของตนเองอีกด้วย ดังนั้นผมจะไม่ทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ อีก”
“ถ้าผมแจกแจงงานแบบนี้ ทุกท่านมีความคิดเห็นอะไรไหม?”
หยางเฉินกวาดมองไปทั่วและถามพวกเขา
“คุณหยางครับ การแบ่งงานของคุณยุติธรรมแล้วครับ อีกอย่างการที่เราได้มาเยี่ยนตูกับคุณ พวกเราก็ต้องขอบพระคุณเป็นอย่างสูงแล้วครับ ฉะนั้นทุกอย่างตามที่คุณหยางตัดสินใจเลยครับ”
กวนเจิ้งซานแสดงความคิดเห็นก่อน
หยางเฉินส่ายหัว “ในเมื่อพวกคุณเลือกที่จะติดตามผมแล้ว ผมจะทำให้พวกคุณผิดหวังไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไง พวกคุณก็ถือว่าช่วยผมทำงานอยู่ ฉะนั้นถ้าไม่พอใจในจุดไหนก็บอกผมมาได้เลยนะ”
“ไม่เพียงแต่การประชุมในวันนี้ รวมถึงการประชุมในอนาคตหรือการมอบหมายงาน ผมต้องการฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ใช่ให้ผมพูดอยู่ฝ่ายเดียวนะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ยิ้มอย่างขมขื่น
เนื่องจากเป็นการแจกจ่ายงานของหยางเฉิน พวกเขาจึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ
“คุณหยางครับ คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าพวกผมมีข้อติดขัดตรงไหน พวกผมจะแสดงความคิดเห็นเองครับ”
“ใช่ครับ คุณหยางไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ!”
ทุกคนก็เริ่มแสดงความคิดเห็นออกมา
หยางเฉินไม่ได้เสียเวลากับเรื่องนี้อีก จากนั้นพูดต่อ “ส่วนเรื่องที่สอง ก็คือการจัดการผู้แข็งแกร่งสองร้อยห้าสิบคนที่ตระกูลซุนกับตระกูลหลีเก็บไว้ให้!”
“ตามจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ของแต่ละตระกูลในตอนนี้ บวกเพิ่มเข้าไปอีกสองร้อยห้าสิบคน แล้วเราค่อยมาแจกจ่ายให้เท่าๆ กัน”
“สำหรับสมาชิกของตระกูลหงและตระกูลเฉิน ถ้าให้ดีเราจะไม่ทำอะไรกับมัน”
หลังจากที่พูดจบ หยางเฉินก็กวาดมองไปที่ทั่ว ๆ แล้วถามขึ้นว่า “สำหรับเรื่องนี้ ยังมีใครสงสัยอะไรอีกไหม?”
“คุณหยางครับ ผมมีข้อคิดเห็นเรื่องหนึ่งครับ!”
ในขณะนี้ หงซิงก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน
และในชั่วขณะนั้น สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่เขา
“เชิญครับ!”
หยางเฉินพูดกับเขา
หงซิงเหลือบมองทุกคนแล้วค่อยๆ พูดขึ้น “เยี่ยนตูในวันนี้เน้นความแข็งแกร่งเป็นหลัก เหล่าตระกูลเศรษฐีที่ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ผู้แข็งแกร่งและจำนวนก็ต้องยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
“เช่นเดียวกับแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู การที่พวกเขาสามารถยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งแปดตระกูลนี้ได้ ก็เพราะพวกเขาเป็นครอบครัวที่สืบทอดมานานหลายชั่วอายุคน ด้วยมรดกที่มากมาย และด้วยผู้แข็งแกร่งที่มีอยู่ในมือ”
“เราทุกคนในนี้ ในเมื่อเราให้คุณหยางเป็นผู้นำแล้ว ฉะนั้น สามารถบอกได้ว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว”
“แต่หนึ่งในพวกเรา เราไม่สามารถต่อกรกับหนึ่งตระกูลจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้หรอกครับ แต่ถ้าเราสร้างพันธมิตรสี่ตระกูลขึ้น ด้วยผู้แข็งแกร่งที่เรามีอยู่ ผมเชื่อว่าเราสามารถต่อกรกับหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้อย่างแน่นอนครับ
เมื่อได้ยินคำพูดของหงซิง ทุกคนไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ แต่กลับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
สำหรับตระกูลเฉินกับตระกูลหานและตระกูลกวนนั้น พวกเขาทำงานให้กับหยางเฉินแต่เดิมอยู่แล้ว และเหตุผลก็คือ เพื่อตระกูลของตนได้ยืนหยัดอยู่ในเยี่ยนตูก็เท่านั้น
ในเมื่อทุกคนก็ทำงานให้หยางเฉินด้วยกัน นั่นก็แปลว่าพวกเขาทั้งสามตระกูลเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ส่วนหงซิงนั้นมาทีหลัง
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่มีอาการแปลกใจ หงซิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่ก็ยังพูดอย่างอดทน “เราสามารถเลือกกลุ่มผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุดจากสี่ตระกูล แล้วตั้งทีมพิเศษซึ่งมีใครสักคนเป็นผู้นำ”
“นอกจากนี้ ผมยังอยากแนะนำว่าทีมนี้ไม่ควรมีจำนวนคนมาก เราเน้นคุณภาพเป็นหลัก และคนที่จะเป็นผู้นำของกลุ่มผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่า และยังต้องมีความจังรักภักดีอีกด้วย”
“ซึ่งคนคนนี้ จะอยู่ในระดับเดียวกับพวกเรา และต้องเป็นผู้ติดตามของคุณหยางอีกด้วย”
“ไม่เพียงเท่านั้น คุณหยางยังสามารถให้สิทธิ์ในการตรวจสอบกับทีมนี้ ให้เขารับผิดชอบในการตรวจสอบสี่ตระกูลของเรา จะได้รู้ว่ามีใครกล้าละเมิดพันธสัญญาไหม”
เดิมทีทุกคนยังสงสัย แต่หลังจากได้ฟังข้อเสนอของหงซิงแล้ว สายตาของทุกคนก็สว่างขึ้นทันที
หงซิงเพิ่งเข้าร่วมกลุ่มภายหลัง ดังนั้นหานเซี่ยวเทียนและอื่นๆ จึงยังไม่กล้าไว้ใจเขา เพราะกลัวเขาจะทรยศ
แต่หลังจากฟังคำแนะนำของเขาแล้ว นี่มันเป็นวิธีที่ดีในการตรวจสอบทั้งสี่ตระกูล และเป็นการลดโอกาสในการทรยศของหงซิงได้มากที่สุดอีกด้วย
“ผมพูดจบแล้วครับ จะจัดตั้งทีมดังกล่าวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคุณหยางเป็นผู้ตัดสินใจแล้วนะครับ” หงซิงพูด
หยางเฉินมองหงซิงอย่างลึกซึ้ง และเขาเข้าใจทันทีว่าทำไมเฉินซิงไห่ถึงให้เขาเก็บหงซิงไว้
เพราะหงซิงคนนี้เป็นคนฉลาดหัวไวมาก
ซึ่งหงซิงก็รู้ดีว่า การที่จะเข้าถึงแวดวงของหยางเฉินนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
แต่ถ้าหยางเฉินเห็นด้วยกับการจัดตั้งทีมตรวจสอบของเขาก่อนหน้านี้ มันจะลดความสงสัยของหยางเฉินลงอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็สามารถชนะใจของหยางเฉินและอีกสามตระกูลได้
“ทุกท่านคิดยังไงกับข้อเสนอของตระกูลหงครับ?” หยางเฉินกวาดมองพวกเขาแล้วถามขึ้น
“คุณหยางครับ ไอเดียของท่านผู้นำตระกูลหงดีมากครับ ในวงกว้าง มันสามารถรวบรวมสี่ตระกูลของเราได้เป็นอย่างดี และยังสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ทรยศกันอีกด้วยครับ”
หานเซี่ยวเทียนแสดงความคิดเห็นทันที
เฉินซิงไห่ก็พูดขึ้นว่า “ผมก็เห็นด้วยกับการจัดทั้งทีมที่ว่านี้ครับ!”
กวนเจิ้งซานก็พูดขึ้นว่า “ผมก็เห็นด้วยเช่นกันครับ!”
หยางเฉินพยักหน้าตอบ “ในเมื่อทุกท่านต่างก็เห็นด้วย งั้นเราตกลงตามนี้ ต่อจากนี้ ผมจะส่งคนไปคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม แล้วเราจะจัดตั้งทีมนี้ขึ้นมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภูเขาที่กดทับหัวใจของหงซิงไว้ก็ตกลงสู่พื้น
เขาเพิ่งติดตามหยางเฉิน ซึ่งก็เป็นเวลาที่ต้องสร้างความไว้วางใจจากหยางเฉินมากที่สุด
หยางเฉินก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของเขา และนั่นก็แสดงว่าเขาได้เชื่อใจหงซิงแล้ว
“คุณหยางครับ แล้วทีมที่ว่านี้จะชื่ออะไรดีครับ? แล้วจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบดูแลครับ?”
หงซิงถามขึ้นอย่างกะทันหัน