The king of War - บทที่ 724 ความวิตกกังวลของหยางเฉิน
หลังจากที่หยางเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ทีมนี้ เราจะเรียกมันว่าทีมผู้พิทักษ์เงาลับ สำหรับผู้ดูแลทีมผู้พิทักษ์เงาลับนี้ ผมจะจัดการเอง!”
“เล่าล่ะ การประชุมของวันนี้จบเพียงเท่านี้ก่อน ผมจะมอบหมายกิจการของพันธมิตรห้าตระกูลให้กับตระกูลหานและตระกูลกวน ส่วนสองร้อยห้าสิบคนนั้นที่ติดอยู่ที่บ้านตระกูลเฉินพวกคุณสี่ตระกูลจัดการเองเลยนะ”
หยางเฉินลุกขึ้นพูด
“ครับ คุณหยาง!”
ทุกคนก็รีบลุกขึ้นตอบ
หลังจากที่หยางเฉินออกจากบ้านตระกูลเฉินเขาก็กลับไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป
ซึ่งในตอนนี้ หลีจื๋อได้นำทั้งห้าตระกูลส่งมอบกิจการครึ่งหนึ่งของพวกเขาให้กับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว
“ท่านประธานครับ หลังจากที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นเจ้าของกิจการครึ่งหนึ่งของตระกูลเหล่านั้น มูลค่าของบริษัทในตลาดก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวเลยนะครับ!”
เมื่อเห็นหยางเฉิน ลั่วปิงก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
แต่หยางเฉินกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจและพูดอย่างปกติว่า “คุณช่วยแบ่งกิจการของทั้งห้าตระกูลนี้ ตามจำนวน ตามประเภท แล้วแบ่งออกให้เป็นสองกลุ่มใหญ่นะ แล้วผมจะให้คนมาบริหารต่อเอง”
ลั่วปิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “รับทราบครับ คุณหยาง!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หม่าชาวก็มาถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
“พี่เฉิน พี่เรียกผมมาเหรอครับ?”
หลังจากที่มาถึงออฟฟิศของหยางเฉิน หม่าชาวก็นั่งลงบนโซฟาด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นหยางเฉินก็เล่าเรื่องของกลุ่มทีมผู้พิทักษ์เงาลับให้กับหม่าชาวฟัง
“พี่เฉิน พี่ไม่ได้จะให้ผมเป็นผู้ดูแลทีมผู้พิทักษ์เงาลับนี้ใช่ไหมครับ?”
หลังฟังจบ หม่าชาวก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจทันที
หยางเฉินขมวดคิ้ว “ทำไม? เอ็งไม่เต็มใจเหรอ?”
หม่าชาวตอบด้วยสีหน้าขมขื่น “ก็แค่พวกมือใหม่ แล้วให้ผมมาเป็นหัวหน้ากลุ่มน้องใหม่แบบนี้ ผมจะไม่ลำบากใจแย่เลยเหรอครับ?”
“ถ้าเอ็งไม่เต็มใจ ก็ช่างมันเถอะ ข้าหาคนอื่นมาทำก็ได้” หยางเฉินตอบ
“พี่เฉิน ผมแค่ล้อเล่นน่า ผมจะกล้าขัดคำสั่งของพี่ได้ไงล่ะ?”
เมื่อเห็นหยางเฉินไม่พอใจ หม่าชาวก็รีบพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ไว้ใจผมเถอะน่า ต่อให้เป็นพวกมือใหม่ ผมก็จะทำให้พวกเขาเป็นมือชำนาญให้ได้!”
หม่าชาวทิ้งอนาคตของตนแล้วมาติดตามหยางเฉินมาตลอด ถึงแม้เขากับอ้ายหลินตัดสินใจจะแต่งงานกันในปลายปีนี้ แต่ในสายตาของครอบครัวตระกูลอ้าย หม่าชาวก็ยังถูกดูหมิ่นอยู่บ้าง
ซึ่งพวกเขาคิดว่าหม่าชาวพึ่งพาในหยางเฉิน ไม่เช่นนั้นเขาไม่คู่ควรที่จะแต่งงานกับอ้ายหลินเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นหยางเฉินจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อแต่งตั้งให้หม่าชาวเป็นผู้นำของทีมผู้พิทักษ์เงาลับ
ในการแนะนำของหงซิงนั้น ผู้นำของทีมผู้พิทักษ์เงาลับให้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาก็พอ แต่หยางเฉินไม่ได้คิดอย่างนั้น หยางเฉินคิดว่าผู้นำของทีมผู้พิทักษ์เงาลับนั้นต้องมีสถานะที่อยู่สูงกว่าผู้นำของสี่ตระกูลนี้
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้นำของทีมผู้พิทักษ์เงาลับอาจไม่สำคัญสักเท่าไหร่ แต่ในอนาคต มันจะเป็นเวทีใหญ่ในการแสดงศักยภาพของผู้นำอย่างแน่นอน
“แล้วเรื่องแต่งงานของเอ็งกับพี่อ้ายไปถึงไหนแล้ว เตรียมเสร็จแล้วยัง?”
เมื่อคุยเรื่องงานเสร็จ หยางเฉินก็ถามด้วยรอยยิ้ม
และเมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงาน นัยน์ตาของหม่าชาวก็เต็มไปด้วยความสุข เขาจึงยิ้มตอบว่า “ไม่มีอะไรต้องเตรียมหรอกครับ อีกครึ่งเดือน วันแต่งงานก็ถึงแล้ว”
“พวกเอ็งผ่านมาถึงจุดนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ข้าดีใจด้วยนะที่เอ็งได้แต่งงานกับคนที่เอ็งรัก!”
หยางเฉินพูดอย่างจริงใจ
จากชายแดนเหนือสู่เจียงโจว และจากเจียงโจวสู่เยี่ยนตู หม่าชาวในสายตาของหยางเฉินนั้นก็คือน้องชายแท้ๆ คนหนึ่ง
“รอวันแต่งงานของเอ็ง ข้ามีของขวัญชิ้นใหญ่จะให้!” หยางเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
หม่าชาวยิ้มตอบว่า “แค่พี่เฉินเป็นพยานให้ผมในงานแต่ง มันก็เป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับผมแล้วครับ!”
“ได้สิ! ไม่มีปัญหา งั้นตกลงตามนี้นะ ข้าจะเป็นพยานให้งานแต่งให้เอง!” หยางเฉินตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล
“พี่เฉิน ผมจะขึ้นเครื่องบ่ายสอง นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว ผมจะไม่คุยต่อกับพี่แล้วนะครับ รอให้ผมไปเจอไอ้หมอนั่นของตระกูลเซวก่อน”
หม่าชาวเหลือบมองดูเวลาและรีบลุกขึ้นพูด
“ตระกูลเซวไม่ธรรมดานะ เอ็งทำอะไรอย่าใจร้อนเกินไป สั่งสอนพวกมันก็พอแล้ว” หยางเฉินเตือนเขา
“พี่เฉินไม่ต้องห่วงหรอกครับ แค่ตระกูลเซว จะทำอะไรผมได้เหรอ?”
หม่าชาวโบกมือแล้วหันเดินจากไป
แต่ไม่รู้ทำไม หยางเฉินในตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ
แต่เมื่อนึกถึงศักยภาพของหม่าชาวในปัจจุบันแล้ว นอกจากยอดฝีมือของตระกูลเซวออกมาต่อกรกับเขาทั้งหมด คนอื่นๆ ไม่มีทางทำอะไรหม่าชาวได้อย่างแน่นอน หยางเฉินจึงไว้ใจให้เขาไปได้
ก่อนห้าโมงเย็นในวันนี้ ฉินต้าหย่งก็มาถึงโรงเรียนอนุบาลยิ่งไชย
วันนี้เป็นวันแรกของเสี้ยวเสี้ยวในโรงเรียนอนุบาลแห่งใหม่ และเป็นการเริ่มดูแลเด็กอย่างเป็นทางการของฉินต้าหย่งหลังจากที่เขาเกษียณ
“คุณตา!”
ก่อนที่เสี้ยวเสี้ยวจะออกจากโรงเรียนอนุบาล เธอก็เห็นฉินต้าหย่งจากระยะไกล และเธอก็โบกมือเล็กๆ ของเธออย่างมีความสุข
ฉินต้าหย่งก็รีบโบกมือทักทายเธอด้วยความรัก
“เสี้ยวเสี้ยว ในโรงเรียนไม่มีใครรังแกเสี้ยวเสี้ยวใช่ไหม?”
ระหว่างทางกลับ ฉินต้าหย่งจับมือเสี้ยวเสี้ยวแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
เสี้ยวเสี้ยวส่ายหัวตอบ “เสี้ยวเสี้ยวเป็นคนน่ารักที่สุดๆ แล้วใครจะรังแกเสี้ยวเสี้ยวได้ล่ะ!”
ฉินต้าหย่งรู้สึกขบขันและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เสี้ยวเสี้ยวเป็นคนน่ารัก!”
“ไม่ใช่ เสี้ยวเสี้ยวเป็นคนน่ารักที่สุดๆ ต่างหาก!”
“โอเคๆ เสี้ยวเสี้ยวเป็นคนน่ารักที่สุด!”
“คุณตาคะ คุณตาใช้ไม่ได้เลยนะ เสี้ยวเสี้ยวบอกตั้งสองรอบแล้ว คุณตาก็ยังพูดผิด เสี้ยวเสี้ยวบอกว่าเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนน่ารักที่สุดๆ!”
“น่ารักที่สุด!”
“ไม่ใช่นะ!”
……
ปู่และหลานทั้งสองพูดคุยหัวเราะกันตลอดทางกลับบ้าน
ยอดเมฆาในเจียงโจวนั้นตั้งอยู่บนยอดเขา แต่ยอดเมฆาของเยี่ยนตูนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ราบ นอกจากจะมีที่ดินส่วนตัวแล้ว มันยังอยู่ใกล้กับวิลล่าอื่นๆ ซึ่งห่างกันไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
ส่วนโรงเรียนอนุบาลยิ่งไชยนั้นก็ตั้งอยู่ในบริเวณวิลล่า การที่ฉินต้าหย่งไปรับเสี้ยวเสี้ยวจึงสะดวก เขาไม่จำเป็นต้องขับรถ แค่เดินไม่กี่กล้าก็ถึงแล้ว
“คุณปู่ หนูไม่อยากกลับบ้าน หนูอยากไปเล่นที่นั่น!”
เมื่อเดินผ่านสวนเล็กๆ แห่งหนึ่ง เสี้ยวเสี้ยวก็พูดขึ้นอย่างมีความสุข
ฉินต้าหย่งเหลือบมองดูนาฬิกา เมื่อเห็นเวลาห้าโมงกว่า เขาจึงคิดว่าหยางเฉินกับคนอื่นๆ น่าจะยังไม่กลับ อีกอย่างเขาเตรียมอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว กลับไปแค่ผัดก็สามารถกินได้ทันที
เขาจึงพูดขึ้นว่า “เรามีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงนะ ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่แล้วก็น้ากลับบ้าน พวกเขาไม่ได้กินข้าวนะ”
เสี้ยวเสี้ยวรีบตอบตกลง “ค่ะ!”
พื้นที่นี้สมเป็นวิลล่าที่หรูหราที่สุดในเยี่ยนตู แม้แต่สวนขนาดเล็กภายในยังทำได้ดีมาก
เวลานี้ ในสวนมีผู้คนอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีผู้คนมากมายที่กำลังเล่นหมากรุกด้วยกัน บางคนก็เป่าขลุ่ยบรรเลงเพลง บางคนก็กำลังออกกำลังกาย และยังมีอีกหลายๆ ถือพู่กันจีนขนาดใหญ่แล้วจุ่มน้ำเพื่อวาดตัวอักษรลงบนพื้น
นอกจากคนสูงอายุเหล่านี้ ยังมีปู่ย่าตายายที่พาลูกหลานมาด้วย
ฉินต้าหย่งยิ้มพูด “เพิ่งรู้นะว่ามีสถานที่ดีๆ แบบนี้ด้วย พรุ่งนี้เช้าเรามาที่นี่ดีกว่า”
เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ แม้จะมีสวนที่ไม่ไกลจากบ้าน แต่ฉินต้าหย่งก็ไม่เคยรู้จักสถานที่แห่งนี้
“คุณปู่ เร็วเข้าสิ! เร็วเข้าสิคะ!”
ฉินต้าหย่งมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย แต่ดูเหมือนเสี้ยวเสี้ยวจะรีบร้อนมาก เธอจึงดึงฉินต้าหย่งแล้ววิ่งไปที่ซึ่งมีเด็กมากมายอยู่อย่างเร่งรีบ
ในที่ที่เสี้ยวเสี้ยวกำลังจะไป มีสไลเดอร์และชิงช้าเล็กๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กน้อยคนนี้ถึงจะมาที่นี่
“คุณปู่คะ หนูขอเล่นครึ่งชั่วโมงนะ!”
หลังจากพูดจบ เสี้ยวเสี้ยวก็ทิ้งกระเป๋าแล้ววิ่งเข้าไปเหมือนนกน้อยตัวหนึ่งที่มีความสุขมาก