The king of War - บทที่ 744 ซื้อกิจการหมื่นล้าน
ในเวลานี้ หยางเฉินอยู่ในห้องทำงานของประธานกรรมการที่ชั้นบนสุดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
สำหรับเรื่องที่บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงผิดสัญญาเขาไม่ได้ร้อนใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับนั่งเงียบๆ บนเก้าอี้ในห้องทำงาน บนโต๊ะมีแบบแปลนวางอยู่หลายม้วน
แบบแปลนเหล่านี้เป็นแบบของศาสตราจารย์ตู้ที่ออกแบบเกี่ยวกับเมืองจิ่วโจว สิ่งที่ทำให้หยางเฉินประหลาดใจก็คือ แม้แต่สิงโตหินทั้งสองด้านของทางเข้าเมืองจิ่วโจวก็ได้รับการออกแบบโดยศาสตราจารย์ตู้เอง
ไม่เพียงเท่านั้น แต่การตกแต่งภายในอาคารบางส่วนของเมืองจิ่วโจว ก็มีภาพแปลนการออกแบบที่ละเอียดมาก
“ศาสตราจารย์ตู้ สมแล้วที่เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้าง มันน่าทึ่งมาก การออกแบบนี้มันเพอร์เฟกต์มาก!”
หยางเฉินพูดชื่นชมอย่างเปิดเผย
ลั่วปิงก็ดีใจมาก พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลายวันมานี้ เราขาดวัสดุจากบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง โครงการเมืองจิ่วโจวก็ถูกระงับ ศาสตราจารย์ตู้คิดว่าโครงการเมืองจิ่วโจวถูกยกเลิก ทำให้เขาร้อนใจมาก ”
หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่ได้บอกศาสตราจารย์ตู้เหรอ ? โครงการเมืองจิ่วโจวจะกลับมาดำเนินการต่ออีกครั้งภายในสามวัน?”
ลั่วปิงพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ผมบอกเขาแล้วครับ แต่ศาสตราจารย์ตู้ไม่เห็นไซต์งานเริ่มงาน ก็เลยไม่เชื่อครับ”
“ตอนนี้คุณไปแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า วันนี้ช่วงบ่ายวัสดุก่อสร้างจะไปส่งที่ไซต์งาน บอกให้ไซต์งานเตรียมพร้อมสำหรับการก่อสร้าง”
จู่ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้น
ลั่วปิงแอบตกใจ บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ยังไม่ทันประนีประนอม หยางเฉินกลับพูดในตอนนี้ว่าให้เริ่มการก่อสร้างในช่วงบ่ายวันนี้ นี่คือท่าทีที่เหมือนกับได้ตั๋วชนะมาแล้ว!
ไม่ใช่ว่าลั่วปิงไม่อยากจะเชื่อหยางเฉิน แต่ว่าครั้งนี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเผชิญหน้ากับศัตรูที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง
ลั่วปิงกำลังเตรียมตัวเพื่อจะออกไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากหยางเฉิน โทรศัพท์ตั้งโต๊ะของหยางเฉินก็ดังขึ้น
หยางเฉินกดปุ่มเปิดลำโพงที่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ เสียงที่คุ้นเคยและเต็มไปด้วยความกังวลก็ดังขึ้นในทันใด “ประธานหยาง ผมยินดีที่จะให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเข้าซื้อกิจการ หนึ่งแสนล้าน ผมรับข้อเสนอ!”
ลั่วปิงสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนี้
เดิมทีคิดว่าบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง จะยังทานไว้ได้ แต่ไม่นึกเลยว่าจะยอมประนีประนอมเร็วขนาดนี้
หยางเฉินพูดถูกจริงๆ ที่ว่าไซต์งานสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในบ่ายนี้?
“ท่านกรรมการจิน ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจอะไรผิดไปเรื่องหนึ่งนะ เมื่อวานนี้มูลค่าการตลาดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง คือสามแสนล้าน ฉันเลยยื่นข้อเสนอที่จะซื้อกิจการด้วยจำนวนหนึ่งแสนล้าน แต่วันนี้มูลค่าการตลาดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง เหลือแค่หนึ่งแสนล้านแล้วไม่ใช่เหรอ?คุณคิดว่า ผมยังจะซื้อกิจการในราคาหนึ่งแสนล้านอยู่อีกเหรอ?”
หยางเฉินพูดด้วยใบหน้านิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากแนวโน้มปัจจุบันของมูลค่าการตลาดที่ลดลงของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง คุณคิดว่ามันยังคุ้มค่าอยู่อีกเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะซื้อกิจการบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ในราคาเท่าไร?”
จินจื้อเผิงกัดฟันพูดถามขึ้น
“หนึ่งหมื่นล้าน!”
หยางเฉินพูดขึ้นเรียบๆ
ตอนที่เขาพูดว่าหมื่นล้าน แม้แต่ลั่วปิงเองก็ยังตกใจ กิจการที่เมื่อวานยังมีมูลค่าการตลาดกว่าสามแสนล้าน พอมาถึงวันนี้เหลือเพียงหนึ่งหมื่นล้าน?
“คุณพูดว่าอะไรนะ?หนึ่งหมื่นล้าน?ใช้เงินหนึ่งหมื่นล้านซื้อกิจการบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงที่มีมูลค่าการตลาดสามแสนล้าน?”
น้ำเสียงของจินจื้อเผิงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “หยางเฉิน มันจะเกินไปแล้ว! มันจะมากเกินไปแล้ว!ผมจะบอกคุณให้นะ ไม่ให้ผมแสนล้าน ถึงบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงจะต้องล้มละลาย ผมก็ไม่ยอมให้คุณซื้อกิจการ”
ลั่วปิงร้อนใจมาก อยากจะบอกให้หยางเฉินยอมเข้าซื้อกิจการบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงในราคาแสนล้าน
ใครจะไปรู้ว่าหยางเฉินกลับพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว คุณก็อยู่ปกป้องบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงที่เละเทะต่อไปและรอการล้มละลายในวันพรุ่งนี้เถอะ!”
“อีกอย่าง ผมจะบอกคุณให้นะ แม้ว่าบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงจะล้มละลายไป เดี๋ยวก็มีบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงขึ้นมาใหม่ จากสถานะเยี่ยนเฉินกรุ๊ปที่เมืองเยี่ยนตูแล้ว อีกไม่นานพวกเราก็จะได้เซ็นสัญญากับบริษัทวัสดุก่อสร้างและโครงการเมืองจิ่วโจวก็จะเริ่มก่อ สร้างอีกครั้งในไม่ช้า”
“และเมื่อถึงเวลานั้น คุณไม่สามารถขัดขวางการดำเนินงานของโครงการเมืองจิ่วโจวได้ สำหรับตระกูลเซวแล้ว คุณกับบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงก็คงจะหมดประโยชน์จริงๆ แล้วสินะ?”
“ ท่านกรรมการจินคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลเซวยังจะรักษาคำมั่นสัญญาถึงผลประโยชน์ที่เขาจะมอบให้คุณไหม?”
น้ำเสียงของหยางเฉินเรียบเฉยมาก เหมือนกับต้องมนต์ยังไงยังงั้น แม้แต่ลั่วปิงก็ยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
พูดจบ หยางเฉินก็ตัดสายโทรศัพท์
ไม่เพียงเท่านั้นยังดึงสายโทรศัพท์ออก
“ท่านประธานครับ ท่านคงไม่ได้ตัดใจที่จะไม่ซื้อกิจการบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงจริงๆ ใช่ไหมครับ?” ลั่วปิงถามด้วยความสงสัย
หยางเฉินส่ายหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “จินจื้อเผิงติดต่อผมไม่ได้ เขาจะต้องมาขอร้องผมที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปแน่นอน ตอนนี้ทั้งเมืองเยี่ยนตู อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา นอกจากเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้วก็ไม่มีใครช่วยบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงได้”
ได้ยินเช่นนี้ ลั่วปิงก็เข้าใจในทันใด ความเคารพที่เขามีต่อหยางเฉินยิ่งมากขึ้นไปอีก
ไม่ถึง20นาที จินจื้อเผิง ก็มาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปจริงๆ
“ประธานหยาง ผมขาย!หนึ่งหมื่นล้าน ผมขายบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงทั้งหมดให้คุณ! ”
จินจื้อเผิงมองหยางเฉินและพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ตอนที่พูด เขาพูดด้วยท่าทางหอบแฮกๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้เขาวิ่งมาที่ห้องทำงานของหยางเฉิน
จนกระทั่งตอนนี้ ใจที่เป็นกังวลของลั่วปิงก็คลายกังวลลงแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงที่มีมูลค่าการตลาดสามแสนล้าน จะถูกเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเข้าซื้อกิจการในราคาเพียงหนึ่งหมื่นล้านจริงๆ
แต่หยางเฉินกลับไม่มีท่าทีใดๆ พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ผู้จัดการใหญ่ลั่ว คุณคุยกับท่านกรรมการจินแล้วกัน!”
“ครับ!”
ลั่วปิงตอบด้วยความเคารพ จากนั้นเหลือบมองจินจื้อเผิงอย่างเยาะเย้ยและพูดว่า “ไปกันเถอะ!ท่านกรรมการจิน!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเฉินได้แต่ก้มหน้ามองแบบแปลนโครงการเมืองจิ่วโจว ไม่แม้แต่จะมองจินจื้อเผิง
แม้ว่าจินจื้อเผิงจะรู้สึกเสียใจ แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว หากเขาไม่ยอมรับการเข้าซื้อกิจการของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ก็จะต้องล้มละลายจริงๆ
สิ่งที่สำคัญคือเขายังจะต้องรับภาระหนี้จำนวนมหาศาล
ลงมือตอนนี้อย่างน้อยก็ยังมีเงินหนึ่งหมื่นล้าน อย่างมากก็แค่เริ่มต้นใหม่จากศูนย์
ในเวลาเพียงไม่นานบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงก็ถูกเข้าซื้อกิจการโดยเยี่ยนเฉินกรุ๊ป และโครงการเมืองจิ่วโจวก็ดำเนินการขึ้นอีกครั้ง
คฤหาสน์ส่วนตัวในเขตชานเมืองเยี่ยนตู
เซวหยวนป้าอยู่ที่เมืองเยี่ยนตูเป็นเวลาสามวันเต็มๆ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไป
ตระกูลมหาเศรษฐีหลายตระกูลที่นำโดยหยางเฉินต่างก็พยายามค้นหาที่อยู่ของเขาอย่างเต็มที่ ถ้าเขาจะกลับไปตอนนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ความเข้าใจของเขาที่มีต่อหยางเฉิน เป็นไปได้ที่เขาจะฆ่าคนจริงๆ
“เจ้าชายสาม บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงถูกเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเข้าซื้อกิจการแล้ว! ”
ทันใดนั้น เซวหยวนป้าก็ได้รับข่าวการเข้าซื้อกิจการของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง
“อะไรนะ?ไอ้โง่จินจื้อเผิง กล้าขายกิจการบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงไปจริงๆ?”
เมื่อเซวหยวนป้าได้ยินข่าวนี้ก็โกรธจัด
ทั้งหมดนี้เขาทำอย่างลับๆ เดิมทีเขาคิดว่าการใช้ชื่อตระกูลเซวออกหน้า จินจื้อเผิงจะต้องยอมประนีประนอมอย่างแน่นอน
เขาทำการตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วว่า เยี่ยนเฉินกรุ๊ปลงทุนจำนวนมหาศาลในโครงการเมืองจิ่วโจว หากโครงการเมืองจิ่วโจวพังไม่เป็นท่า สำหรับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้วก็คือการสูญเสียเงินจำนวนมหาศาล
อาจจะทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปล้มละลายได้ภายในหนึ่งเดือน
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือเขายังคงล้มเหลว
หลังจากวางสาย ชายวัยกลางคนใส่ชุดสามัญชนโบราณคนหนึ่งเดินเข้ามาและพูดว่า “เจ้าชายสาม พวกเราจากตระกูลเซวมานานเกินไปแล้ว ถ้าหากไม่กลับไป เกรงว่าคนอื่นจะพูดเอาได้”
สีหน้าเซวหยวนป้ายิ่งแย่กว่าเดิมอีก
ภารกิจของเขาครั้งนี้คือ การเข้าครอบครอง 3 มณฑลทางตะวันตก แต่หยางเฉินเข้ามาแทรกแซงทำให้เขาสูญเสียมณฑลเจียงผิง และด้วยความสิ้นหวังนั้น เขาจึงมาที่เมืองเยี่ยนตู และพยายามจะกำจัดหยางเฉินก่อนแล้วค่อยยึดเจียงผิงกลับคืนมา
แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่กำจัดหยางเฉินไม่ได้ กลับติดแหง็กอยู่ที่เมืองเยี่ยนตูเพราะหยางเฉิน
จนถึงขณะนี้ ตระกูลเซวยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ หากพี่ชายทั้งสองของเขารู้ว่าเขาใช้เวลานานขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถครอบครอง 3มณฑลทางตะวันตกแล้ว กลับยังติดแหง็กอยู่ที่เมืองเยี่ยนตูเพราะหยางเฉินอีก เกรงว่าสถานะของเขาในตระกูลเซวจะต้องตกลงไปอีกแน่
“ได้เวลากลับกันแล้วครับ!”
หลังจากเซวหยวนป้านิ่งอยู่นาน จู่ๆ ก็กัดฟันพูดขึ้นว่า “แต่ต้องทำให้เมืองเยี่ยนตูเกิดความวุ่นวายก่อน ต้องทำให้เมืองเยี่ยนตูวุ่นวายก่อนฉันถึงจะมีโอกาสกลับไป!