The king of War - บทที่ 759 ตั๊กแตนเตรียมจับจั๊กจั่น นกขมิ้นจ้องอยู่ข้างหลัง
ได้ยินหยางเฉินพูด ซุนซวี่นั้นเคยเห็นพลังฝีมือหยางเฉินมาก่อน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
หลินเทียนเจ๋อกับซ่งชิงซานยังยิ้มอย่างเหยียด ๆ
“เป็นยังไง?คุณหยางท่านคิดจะลงสนามเองเลยหรือ?”หลินเทียนเจ๋อยิ้มเย้ย ๆ แล้วพูด
หยางเฉินไม่ใส่ใจ หันไปสั่งหวงเจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ “คนตระกูลหวงทั้งหมด ลงมือพร้อมกัน!”
ไม่มีใครจะคิดถึงว่า หยางเฉินจะสั่งให้คนตระกูลหวงทั้งหมดลงมือพร้อมกัน ทำเอาหวงเจิ้งก็ยังงง
แต่เขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันที หยางเฉินไม่ต้องการเล่นบทยืดเยื้อกับหลินเทียนเจ๋อแล้ว
“ลุย!”
หวงเฉินเดิมทีนั้นยังกังวลอยู่ ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองจัดให้สองผู้แข็งแกร่งเข้าสู้กับฉื้อถู้ ยังเกรงอยู่ว่าหยางเฉินจะไม่พอใจ ไม่คิดว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
คราวนี้ เขาไม่มีอะไรต้องพะวง ออกคำสั่งไปทันที ผู้แข็งแกร่งตระกูลหวงนับหลายร้อยคน ตะลุมบอลเข้าใส่ฉื้อถู้พร้อมกัน
ท่ามกลางสายตาฝูงคน ฉื้อถู้จมหายไปในกลุ่มคน
ช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสิบ วิฯ. หวงเจิ้งถึงได้เอ่ยปากสั่งว่า “หยุดได้ละ!”
คนตระกูลหวงถอยกลับเข้าที่ ส่วนฉื้อถู้ ที่เมื่อครู่ก่อนนี้มีท่าทีกร่างในมาด ตอนนี้เหมือนหมาที่ใกล้ตายนอนอยู่กับพื้น อ้าปากกว้างหอบหายใจ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่ถึงสิบวิฯ. คนตระกูลหวงใช้กลยุทธอย่างฉลาด แยกเป็นกลุ่มละสิบคน ล้อมรุมใส่ฉื้อถู้
ต่างบุกเข้าแบบไม่หวังยืดเยื้อ แต่ละคนโจมตีใส่ครั้งเดียว แล้วก็ถอยฉากออก
คนจำนวนนับร้อย ทุกคนจู่โจมอัดใส่กันคนละที ต่อให้ฉื้อถู้เป็นมนุษย์เหล็ก ก็ยังต้องล้ม
“แก แก แกมันต่ำช้าไม่มียางอาย!”
หลินเทียนเจ๋อเซ่อไปพักใหญ่ ชี้หน้าหยางเฉินคำรามด่าใส่ด้วยความโกรธ
ฉื้อถู้เป็นมือสำคัญที่เขาหวังพึ่ง เดิมเขาวางไว้สำหรับคุ้มกันพาตัวเขาหนีออกไปจากเยี่ยนตู ตอนนี้โดนรุมกระทืบจากคนนับร้อย จนรับบาดเจ็บสาหัส จะเอาชีวิตรอดได้ก็ยังต้องรอความมหัศจรรย์
ซุนซวี่กับซ่งชิงซานหวาดผวาให้สุด ๆ เดิมสักครู่ก่อนนี้ยังเกิดมีแววความหวังขึ้นมาริบหรี่ ตอนนี้ดับมืด
ฝ่ายตรงข้ามมีคนมากขนาดนั้น เอาอะไรไปสู้กับเขาได้ทีละคน?
คิดดูเหมือนสักครู่นี้ คนตั้งนับร้อยลงมือทีเดียว ฉื้อถู้จะไปสู้เขาได้ยังไง?
ข้างตัวหยางเฉินตอนนี้ที่รวบรวมมามีจำนวนคนเกินพัน ส่วนพวกเขารวมกันทั้งสามตระกูล นับดูให้ได้ถึงร้อยยังไม่มี
หากแม้นว่าจะเปิดศึกกันจริง ก็เท่ากับสิบต่อหนึ่ง ให้ว่าผู้แกร่งกล้าที่มีอยู่ของพวกเขาจะเก่งกาจแค่ไหน ก็คงสู้ไม่ได้กับฝ่ายตรงข้ามที่มีคนมากกว่าเป็นสิบเท่า
อีกยิ่งกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ แต่เป็นถึงตระกูลที่เทียบเคียงกันอยู่ในกลุ่มแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูด้วยกัน
“ถ้าจะใช้คำว่าต่ำทราม พวกแกตระกูลหลินถึงจะนับได้ว่าเป็นที่หนึ่งมั้ง?”
ทันใดนั้น เสียงพูดส่อด้วยการประชดดังขึ้นมา
ทุกคนต่างหันไปมอง ที่เห็นเป็นร่างของคนวัยกลางคนร่างหนึ่ง กำลังก้าวลงจากรถโรลส์รอยซ์ราคาแพงลิบ ข้างหลังยังตามมาด้วยบอดี้การ์ดในชุดดำสองคน
เห็นคนที่เข้ามา หยางเฉินหยีตาทั้งคู่ลงน้อย ๆ ห้อยความกวนไว้ที่มุมปาก
“เถียนหวา ผู้นำตระกูลเถียน หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู”
มีคนส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นใจ
ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูนั้น ตระกูลเถียนเป็นตระกูลที่ดูจะสมถะที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดจะเลือกข้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นที่พอใจของตระกูลไหน
และตระกูลที่เรียบง่ายตระกูลนี้ วันนี้มาปรากฏตัว
มันเป็นเรื่องน่าคิดถึงเป้าประสงค์ของการปรากฏตัวครั้งนี้
“ท่านผู้นำตระกูลเถียน ท่านบอกว่าไม่ยุ่งกับเรื่องพวกเราไม่ใช่หรือ?แม้เจ้าชายเซว ท่านก็ปฏิเสธไปแล้ว แล้วทำไมตอนนี้มาปรากฏตัวที่นี่เล่า?”
เมื่อหลินเทียนเจ๋อเห็นเถียนหวา แววตาให้ส่อเห็นถึงความหนักใจ
ก่อนหน้านี้ ตระกูลหลินลอบสังหารลูกชายของเถียนหวา ได้ลองโยนบาปไปให้หยางเฉิน แต่ถูกหยางเฉินเปิดโปง
และก็ตั้งแต่ครั้งนั้นมา ตระกูลเถียนก็เริ่มพุ่งเป้าใส่ตระกูลหลิน ตระกูลเถียนที่เรียบง่าย ในหลายสิบปีมา เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาบุกใส่ตระกูลอื่น
เถียนหวามองหน้าหลินเทียนเจ๋อด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “พวกเราเล่นกันมานานแล้ว วันนี้ควรต้องสรุปได้แล้ว!”
ได้ยินดังนั้น หลินเทียนเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น พูดเสียงเย้ย “เจ้าบ้านเถียน คุณกำลังจะฉวยโอกาสซ้ำเติมพวกผมหรือ?”
“คุณอย่าลืมนะ พวกเราเป็นคนของเจ้าชายเซว ถ้าคุณขืนกล้าเข้าอยู่ตรงข้ามกับพวกเรา นั่นก็เท่ากับยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเจ้าชายเซว”
“ทีนี้ ตระกูลเถียนยังหวังจะท้าท้ายกับข้าต่ออีกไหม?”
หลินเทียนเจ๋อก็ยังจัดว่าคนจริงคนหนึ่ง ถึงแม้ฉื้อถู้จะถูกล้มไปแล้ว เขาก็ยังคงความหนักแน่นของเขาไว้อยู่ อีกกลับยังยกเอาเซวหยวนป้ามาข่มขู่เถียนหวา
“เจ้าบ้านเถียน วันนี้เป็นวันที่ตระกูลพวกข้าสะสางบุญคุณความแค้นกับกับตระกูลเย่ ตระกูลหวง และตระกูลอวี๋เวิ๋น ไม่เกี่ยวกับคุณ ขอให้คุณอย่าได้เข้ามายุ่งจะดีกว่า!”
ซ่งชิงซานพูดด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
ซุนซวี่ก็ขบฟันพูด “ถูกต้อง พวกเราล้วนเป็นคนของเจ้าชายเซว ครั้งนี้เพียงแต่เจ้าชายเซวมีธุระด่วนกลับไปก่อน ตอนนี้แปดตระกูลเยี่ยนตู ก็เหลืออยู่ห้าตระกูลแล้ว!”
“เจ้าบ้านเถียน คุณพาคนของคุณกลับไปเถอะ!”
หลินเทียนเจ๋อยิ้มยียวนจ้องมองเถียนหวาแล้วพูด
แต่ทว่าเถียนหวาไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เพียงแต่ก้าวเดินเข้าหาหลินเทียนเจ๋อทีละก้าว ยอดฝีมือตระกูลเถียนสองคน เดินประกบตามอย่างใกล้ชิด
ไม่รู้เป็นยังไง ความสงบเรียบเฉยของเถียนหวา ทำให้หลินเทียนเจ๋อรู้สึกถึงความกดดันอย่างหนักอึ้ง
“ผัวะ!”
เถียนหวาเดินไปถึงหน้าหลินเทียนเจ๋อ พลันหยุดชะงักก้าว สะบัดมือขึ้นตบไปฉาดหนึ่ง ใส่ไปที่หน้าของหลินเทียนเจ๋อ
“แก แกกล้าตบข้า?”
หลินเทียนเจ๋อตะลึงงง สีหน้าบ่งบอกว่าคิดไม่ตก
คนอื่น ๆ ต่างก็ตะลึงงงเช่นกัน เถียนหวาในขณะนั้น ไม่พูดพล่ามทำเพลง จู่ ๆ ก็ฟาดมือตบหน้าหลินเทียนเจ๋อไปฉาดหนึ่ง นี่เป็นความอุกอาจอย่างไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวเลย!
“ตบแก?กูยังจะฆ่ามึงด้วย!”
เถียนหวายิ้มเยือกอย่างไม่แยแส ทันใดนั้นก็ชักปืนกระบอกดำมะเมื่อมขึ้นมา จ่อปากกระบอกปืนจี้ตรงหว่างคิ้วหลินเจ๋อเทียน
ถูกเถียนหวาเอาปืนจ่อจี้ที่ที่เก็บหัวสมอง หัวใจหลินเทียนเจ๋อเต้นรัวขึ้นมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขามีชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว ยังครั้งนี้แหละที่เป็นครั้งแรกที่ถูกปืนจ่อจี้
และไอ้ครั้งแรกนี่แหละ ที่ถูกคนในระดับเดียวกันเอาปืนจ่อจี้ที่หัวสมอง
“กูตบมึง ยอมรับได้มั้ย?”
เถียนหวาถามเสียงเฉียบ
หลินเจ๋อเทียนกัดฟันพูดไปว่า “เจ้าบ้านเถียน คุณจะเกินไปแล้ว!”
“ผลัวะ!”
เถียนหวาใช้ด้ามปืนตบใส่หัวอย่างแรงไปอีกที ทันทีนั้นก็มีเลือดไหลอาบเต็มหน้าหลินเทียนเจ๋อ ทำให้ไม่กล้าพูดต่อ
“เกินไป?ให้กูเกินไปกว่านี้ เทียบกับที่ตระกูลหลินมึงโยนบาปให้คนอื่น ทำเอาลูกกูตายไปเรื่องไหนเกินไปมากกว่ากัน?”
เถียนหวาตาแดงลุกเป็นไฟ ปืนจี้หัวหลินเทียนเจ๋อ ดันหลินเทียนเจ๋อถอยไปหลายก้าว
“เจ้าบ้านเถียน ผมขอโทษ!”
หลินเทียนเจ๋อกัดฟันขอโทษ “ขอท่านเจ้าบ้านได้กรุณาปล่อยให้ผมได้มีชีวิตต่อ ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหลิน ผมขอยกถวายให้เลยครับ!”
“ก็ดี!”
เถียนหวาตอบรับ “ถ้างั้นก็ตกลงชัดเจนตามนี้!”
พูดจบ ชายวัยกลางคนในชุดสูตรวิ่งกุลีกุจอเข้ามา พร้อมนำเอกสารมาด้วยหลายฉบับ
เถียนหวารับเอกสารเหล่านั้นมา แล้วพูดกับหลินเทียนเจ๋อว่า “นี่คือเอกสารสัญญายกกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน แกจัดการลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานยินยอม รอดูแกลงชื่อเสร็จ ข้าก็จะปล่อยชีวิตแกไป!”
ส่งคำพูดนี้ออกไป ไม่เพียงเฉพาะหลินเทียนเจ๋อสะท้านกลัว ให้แม้แต่พวกหยางเฉินก็มีสีหน้าตื่นฉงน
หยางเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย แรกเดิมคิดว่าการปรากฏตัวของเถียนหวานี้ คงเพียงการมาแก้แค้นกับหลินเทียนเจ๋อ ก็ด้วยลูกชายของเขา ตายไปด้วยน้ำมือตระกูลหลินชัดเจน
แต่ตอนนี้ดูแล้ว มันไม่ใช่
นี่มันเหมือนตั๊กแตนจ้องจับจั๊กจั่นในขณะที่นกขมิ้นกำลังจ้องจิกอยู่ข้างหลัง
แต่ทว่า เถียนหวาจะด้อยค่าหยางเฉินเกินไป
หลินเทียนเจ๋อใช่จักจั่น แต่หยางเฉินพวกเขาไม่ใช่ตั๊กแตน และตระกูลเถียน ยิ่งจะไม่ใช่นกขมิ้นแน่
คิดจะแย่งเนื้อไปจากปากเสือ เจ้าเถียนหวา จะเพ้อคลั่งไปแล้วมั้ง!