The king of War - บทที่ 761 การแย่งชิง
เหมือนเดิมที่สามคน คนนำหน้าเป็นผู้เฒ่าวัยประมาณเจ็ดสิบบวกลบ อยู่ในชุดสูตรคอจีน บุคคลิคมองบนจรดล่าง ดูเปล่งปลั่งเปี่ยมอานุภาพน่าเกรงขาม
ตามมาที่ข้างหลังท่านผู้เฒ่า เป็นสองบอดี้การ์ด
“ท่านเจ้าบ้านหลง ในที่สุดท่านก็มาจนได้!”
สายตาเถียนหวามองไปที่ผู้เฒ่าผมขาว มุมปากเชิดเอาความสะใจขึ้นมา
ผู้เฒ่าท่านนี้ไม่ใช่ใครอื่น คือหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ตระกูลที่อยู่ในมุมลึกลับที่สุด แต่มีผู้นำตระกูลที่มีกำลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุด หลงเถิง
หยางเฉิงหยีตาลงน้อย ๆ สายตามองตรงไปที่หลงเถิง
หลงเถิงคนนี้มองดูวัยว่าแก่เฒ่ามาก แต่ลักษณะทั้งตัวจากบนถึงล่าง ล้วนบ่งบอกถึงพลังอานุภาพที่แกร่งกล้า
จุดโหนกสองข้างขมับสูงเด่น ข้อแขนที่เหี่ยวแก่ ยังเห็นเกร็งกร้าน
ชัดเจนที่เห็น ต้องเป็นผู้จมปรักอยู่กับการฝึกวิทยายุทธไม่ได้ขาดหยุด จึงจะได้ให้เห็นเป็นในสภาพนี้
นัยน์ตาเหมือนพญาเหยี่ยวทั้งคู่ชองหลงเถิง ฉายประกายเจิดจ้า ดวงตาทั้งคู่ ดูไม่เหมือนของคนแก่ แต่เป็นดวงตาของเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์
“หลงเถิง เขามาทำไมกัน?”
นาทีที่หลงเถิง ปรากฏตัว เย่หวากับหวงเจิ้ง ต่างก็สีหน้าเปลี่ยน
“ได้ยินว่า มีคนจะมาประกาศศักดาเป็นคิงในเยี่ยนตูนี้หรือ?”
หลงเถิงเดินไปหยุดที่ข้าง ๆ เถียนหวาแล้วพูด สายตากวาดมองไปที่ฝูงคนข้างหน้า หรี่ตาถามไป
เถียนหวารีบเดินขึ้นหน้าไป เอ่ยปากพูดว่า “เจ้าบ้านหลง มีคนไม่รู้จักเจียมอย่างนั้นจริง ๆ มันคิดอยากลองประกาศตัวเป็นคิงในเยี่ยนตูจริง ถ้าท่านมาช้าอีกนาทีเดียว น่ากลัวมันคงจะทำได้อย่างที่มันหวังแล้ว”
“ฮึ!”
หลงเถิงแค่นหัวเราะ “ใครกันวะกินเอาหัวใจหมาเข้าไปหรือไง เหิมเกริมขนาดจะมาประกาศเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู มีมาถามความเห็นชอบจากข้าหลงเถิงหรือยัง?”
หลงเถิงมีผู้แข็งแกร่งมาแค่สองคน เถียนหวาก็พาผู้แข็งแกร่งมาสองคน แต่ในขณะนี้ สีหน้าของหลงเถิงและเถียนหวาไม่มีอาการหวั่นไหวใด ๆ
ประจันหน้าอยู่กับผู้แข็งแกร่งนับพัน พวกเขาไม่มีอาการของความกลัวแม้แต่น้อย กลับย้อนตะคอกถามใส่ฝูงคน ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เสมือนหนึ่งว่า ด้วยเพียงพวกเขาแค่หกคนนี้ ก็สามารถจะจัดการกับกลุ่มผู้แข็งแกร่งนับพันของกลุ่มตระกูลเศรษฐีที่อยู่ข้างหน้านี้ได้
“ไอ้แก่นั่น แกมันนับเป็นตัวอะไรกัน กล้ามาทำอวดเบ่งต่อหน้าท่านหยาง?”
ขณะนั้นเอง อิงเหาที่ยืนอยู่ข้างเฉินซิงไห่ ชี้นิ้วใส่หลงเถิงในฉับพลัน ตวาดใส่อย่างเกรี้ยวกราด
สายตาของหลงเถิงพลันพุ่งใส่เฉินอิงเหาที่ยืนชี้มาที่เขาอยู่ แววตาทอประกายมาดฆ่าที่เข้มข้น “มึงนี่มันวอนหาที่ตาย!”
แค่คำพูดประโยคเดียว ทำเอาเฉินอิงเหารู้สึกเหมือนขวัญหล่นวูบลงไปในหุบลึกเป็นหมื่นวา ทื่อแข็งไปทั้งตัว
นัยน์ตาที่เยือกเย็นทั้งคู่ของเถียนหวา ไม่มีร่องรอยคลื่นเงา กลับเป็นความเย้ยหยันใส่หยางเฉิน “หยางเฉิน ไหนเมื่อตะกี้นี้ทำก๋าเบ่งเตรียมจะเป็นคิงไง?ตอนนี้ผู้นำตระกูลหลงมาแล้ว ทำไมทำตัวเป็นเต่าหัวหดไปแล้วหละ?”
หยางเฉินคิดไม่ถึงว่า เถียนหวาจะเอาเรื่องความขัดแย้งพุ่งเป้าใส่มาให้ตัวเขานี่
ไอ้เรื่องคิงแห่งเยี่ยนตูอะไรนั่น เขาไม่เคยได้มีรู้เรื่องด้วยเลยแม้แต่จะคิด
ถ้าเขาใส่ใจกับไอ้ตำแหน่งยศศักดิ์ลม ๆ แล้ง ๆ ประเภทนี้ ตอนนั้นก็อยู่เสียที่แดนเหนือ เป็นผู้รักษาแดนเหนือที่เป็นอยู่นั้น ไม่จะยิ่งดีกว่าหรือ?
ต่อให้เป็นตระกูลราชวงค์หรือผู้นำของตระกูลคิง ต่อหน้าผู้รักษาดินแดนเหนือ ก็ยังไม่กล้าอวดเบ่ง
ไม่ว่าจะพวกตระกูลราชวงค์ หรือตระกูลคิงก็ดี พวกผู้นำของเขา อาจจะเป็นทายาทสืบทอดของตระกูลบูโดธรรมดาสามัญก็ได้ แต่ผู้รักษาทั้งสี่ดินแดน จะต้องใช้พลังฝีมือของตัวเองแท้ ๆ จึงจะได้รับมอบให้อยู่ในตำแหน่งได้
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เจ้าบ้านตระกูลเถียนที่แต่ไหนแต่ไรมาวางตัวสมถะเรียบง่าย ก็มีการมาอวดโอ่วางเบ่งได้แบบนี้”
หยางเฉินเอ่ยปากพูด น้ำเสียงแฝงใส่อารมณ์เย้าเล่น
หากแม้นอาศัยเพียงเถียนหวากับหลงเถิงเพียงสองคน เชื่อว่าคงไม่กล้าต้านรับกับพันธมิตรแนวร่วมที่เขานำมาทั้งหมดนี้ เว้นเสียแต่ว่า เบื้องหลังพวกเขา ยังต้องมีบุคคลระดับใหญ่หนุนหลัง
และบุคคลระดับพิเศษขนาดนั้น ก็คงมีแต่พวกกลุ่มตระกูลคิงหรือตระกูลราชวงค์ หรือจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในผู้รักษาสี่ดินแดน มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาไม่มีทางกล้าที่จะมาท้าทายพลังนับพันคนที่หยางเฉินเป็นผู้นำ ด้วยกำลังคนพวกเขาเพียงแค่หกคน
เถียนหวาหัวเราะเย้ยหยัน “คุณเฉินมาอยู่เยี่ยนตูนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้จริงว่าผมเป็นคนแบบไหน มันน่าให้รู้สึกผิดหวังจริง ๆ นะ”
“ก็แค่หุ่นเชิดเท่านั้นเอง ยังมีอะไรที่จะให้ข้าทำความเข้าใจอีกหรือ?”
หยางเฉินย้อนถาม
เถียนหวาหน้าบึ้งตึงขึ้นมาในพลัน คำพูดนี้ หยางเฉินเยาะเย้ยว่าเขาเป็นหุ่นเชิด
“ไอ้เด็กเวร แล้วแกจะเสียใจ!”
เถียนหวาพูดเสียงเย็นชา
“ในพจนานุกรมของผม ไม่มีคำว่าเสียใจ”
หยางเฉินต่อคำอย่างเจ็บแปลบ
เขาถึงจะไม่แยแสกับคำสามานย์ของเถียนหวา แต่ศักดิ์ศรีของผู้รักษาดินแดน จะให้ใครเหยียบย่ำไม่ได้
“ดี ดีมาก หวังว่าแกจะได้มีเวลาหัวเราะมากอีกหน่อยนะ!”
เถียนหวาขบเขี้ยวคี้ยวฟัน
“แกก็คือหยางเฉินหรือ?”
หลงเถิงขณะมองที่หยางเฉิง สายตาที่คมกริบ จ้องหยางเฉินอย่างไม่เกรงใจ
“ไม่ทราบท่านเจ้าบ้านหลงจะมีอะไรสอนสั่งครับ?”
หยางเฉินถามด้วยเสียงหัวเราะ
มองท่าวางมาดเก๊กของหลงเถิง หยางเฉิงให้รู้สึกน่าเหยียดหยาม ฝ่ายตรงข้ามก็รู้ ๆ อยู่ว่าเขาชื่ออะไร ยังทำไขสือถามชื่อเขามาอีก
“ไอ้หนู ปัญหาในเยี่ยนตูนี่ไม่ใช่ไอ้คนบ้านนอกอย่างแกจะมาเคลียร์ได้หรอกนะ”
หลงเถิงทำหน้าหนาวเยือก พูดเตือนว่า “ข้ากำหนดให้แกภายในสามวัน พาพวกแกทั้งหมด ไสหัวไปให้พ้นเยี่ยนตู เรื่องผ่านมาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ข้าจะไม่ถือเอาความอีก!”
“ตอนนี้ คุกเข่าลงขอขมา แล้วจ่ายค่าเสียหายมาหนึ่งร้อยร้อยล้าน!”
หยางเฉินยิ้มยียวน “หนึ่งร้อยร้อยล้าน?”
“ไม่ผิด!หนึ่งร้อยร้อยล้านจ่ายมา ซื้อชีวิตของแก!”หลงเถิงพูด
หยางเฉิงมองไม่เห็นเป็นเรื่อง “ในเมื่อจะเอาแบบนั้น งั้นข้าก็จะขอแกหนึ่งร้อยล้าน เพื่อซื้อเก็บหัวหมา ๆ ของแกไว้!”
บรึม!
คนที่อยู่ทั่วทั้งบริเวณ ตะลึงงงกันไปหมดในตอนนั้น
หยางเฉินถึงขนาดประกาศออกมา จะให้หลงเถิงจ่ายเงินให้เขาหนึ่งร้อยล้าน เพื่อซื้อหัวหมา ๆ ของหลงเถิง
นี่มันเป็นการท้าทายอำนาจของหลงเถิงชัด ๆ!
“ในเยี่ยนตูนี้ คนที่กล้าท้าทายข้าขนาดนี้ มีแกนี่เป็นคนแรก!”
แววตาของหลงเถิงฉายประกายการฆ่า ในใจแค้นคลั่งอยากจะฉีกร่างหยางเฉินออกเป็นชิ้น ๆ
เถียนหวาก็มีทีท่าฮึดฮัดไม่กลัวจะมีอะไรขวางหน้า หยีตาจ้องไปที่หยางเฉิน
ความโอหังของหยางเฉิน เลยเถิดไปกว่าที่เขาจะคิดได้
หลงเถิงเป็นเฒ่าสูงวัยในรุ่นเดียวกับซ่งชิงซาน เกี่ยวกับเบื้องหลังของหลงเถิง ซ่งชิงซานรู้ดีเต็มที่
ตระกูลซ่งกับหยางเฉิน ต่างไม่เคยมีสัมพันธภาพต่อกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสาเหตุจากซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าสองพี่น้อง ทำให้เกิดเป็นกรณีบาดหมางระหว่าหยางเฉินกับตระกูลซ่ง
ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่ผู้นำตระกูลอวี๋เหวินกับตระกูลเย่ อีกทั้งตระกูลหวงสามตระกูลใหญ่ออกหน้าไปกดดันตระกูลซ่งด้วยตัวเอง ป่านนี้ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าสองพี่น้อง คงตายไปอย่างศพไม่ต้องหาที่ฝังแล้ว
และหยางเฉิน ก็ต้องโดนตระกูลซ่งขจัดทิ้งไปแล้วเช่นกัน
เวลานี้ หลงเถิงกับเถียนหวาก้าวออกมาประจันหน้าสู้กับหยางเฉิน ซ่งชิงซานก็ต้องชัดเจนอยู่แก่ใจแล้วว่าจะเลือกยังไง
“ท่านผู้นำตระกูลหลง เจ้าเด็กน้อยหยางเฉินเย่อหยิ่งโอหัง ยึดเอาฐานธุรกิจตระกูลซ่งของข้า ต้องขอความกรุณาท่านช่วยจัดการให้ข้าด้วย”
ซ่งชิงซานก้าวขึ้นหน้าไป พูดไปด้วยสีหน้าวิงวอน
หลงเถิงมองเขาด้วยสายตาชืด ๆ พูดไปในสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “แกวางใจได้ มีข้าอยู่ ใครหน้าไหนก็ตามอย่าได้คิดทำอะไรไม่ชอบมาพากลตามอำเภอใจในเยี่ยนตู”
พูดจบ เขาก็หันมองไปที่พวกซุนซวี่อย่างเกรี้ยวกราด พูดเสียงกร้าวไปว่า “ตระกูลเย่ ตระกูลหวง ตระกูลซุน ตระกูลอวี๋เหวิน พวกแกตกลงใจกันแล้วใช่ไหมว่าจะดำดิ่งเดินลงไปในทางมืด?”
“ตอนนี้ ข้าจะเปิดโอกาสให้พวกแกอีกครั้งหนึ่ง ออกมาจากกลุ่มของมันซะ ข้าจะถือเสียว่ามันไม่เคยมีเรื่องนี้มาก่อน ต่อไป พวกแกก็ตระกูลใครตระกูลมัน ยังคงฐานะเดิมในแปดตระกูลเยี่ยนตู”
“มิฉะนั้น ผลกรรมรับเอง!”
พอได้ยินเข้าดังนั้น เย่หวา หวงเจิ้ง ซุนซวี่ หวังเฉินต่างสีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลัน
พวกเขารู้ดีในพลังฝีมือและกลวิธีของหยางเฉิงอย่างดี แต่ความที่เป็นคนเยี่ยนตู กับหลงเถิง ก็จะรู้สึกเกรงกลัวมากกว่า
หยางเฉิงก็ไม่เอ่ยปากทัดทานแต่อย่างใด การอยู่ในสภาวะที่คับขัน จึงจะแยกแยะความเป็นคนหรือผีของคนที่อยู่ข้างตัวได้