The king of War - บทที่ 786 สมรู้ร่วมคิด
“คุณหยาง โปรดยกโทษให้น้องชายของฉันด้วยเถอะ!”
เฉาจื้อขอร้องอีกครั้งและสัญญาว่า”ถ้าคุณหยางปล่อยน้องชายของฉันไป ฉันจะโอนเงินจำนวน 10 พันล้านให้กัเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเพื่อเป็นการชดเชย และไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม”
ท้ายที่สุด เฉาจื้อไม่สนใจว่าหยางเฉินจะตกลงหรือไม่ เขาโทรศัพท์และสั่งว่า“โอน 10 พันล้านให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเดียวนี้!”
“คุณหยาง คราวนี้คุรยกโทษให้น้องชายของฉันได้ยัง” เฉาจื้อถามอีกครั้ง
เมื่อพูด เขายกไม้อีกครั้ง รอสามวินาที และเมื่อหยางเฉินไม่พูด เขาก็ปล่อยไม้อีกครั้ง
แล้วก็ปล่อยไม้ไปอีกเรื่อยๆ
โดนไม้สองท่อนติดต่อกัน ขาของเฉาชิงหักทั้งสอง
แขนขาของเฉาชิงหักด้วยฝีมือของพี่ชายแท้ๆ ของเขา
และในขณะนี้ หยางเฉินได้รับโทรศัพท์จากลั่วปิง เยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้รับอีก 10 พันล้าน
หลังจากวางสาย หยางเฉินมองเฉาจื้ออย่างลึกซึ้ง“เห็นว่านายมีความจริงใจต่อฉัน ฉันจะปล่อยน้องชายของนายไปก่อน!”
“แต่ว่า หากยังมีครั้งต่อไป ไม่ว่าใครก็ตาม ฉันจะไม่ยกโทษให้อย่างง่ายๆ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉาจื้อจึงรีบพูด“คุณหยาง ไม่ต้องกังวล นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ฉันแค่หวังว่าในอนาคตที่เมืองเยี่ยนตู ระหว่างตระกูลเฉาและคุณหยาง จะไม่มีอะไรติดกัน”
หยางเฉินหัวเราะเยาะเย้ย“ตราบใดที่นายไม่ยั่วยวนฉัน ฉันก็จะไม่ยุ่งกับพวกนาย”
พูดจบ เขาดึง เซี่ยเหอเดินออกไป
จนกระทั่ง หยางเฉินจากไป ใบหน้าของ เฉาจื้อก็ดูน่ากลัวขึ้นมา ดวงตาสีแดงของเขาเต็มไปด้วยความอยากฆ่า”หยางเฉิน ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไปแน่!”
“คุณชายเฉา หยางเฉินผู้นี้ไม่ธรรมดา ศิลปะการต่อสู้นั้นแข็งแกร่งมาก มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับสูงในตระกูลเฉาเท่านั้นที่สามารถรับมือได้”
ในขณะเดียวกัน หนึ่งในบอดี้การ์ดของ เฉาจื้อก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ด้วยอำนาจของทายาทของท่านในตระกูลเฉา ท่านมีสิทธิ์ใช้คนของตระกูลเฉาเท่านั้นครับ”
เฉาจื้อหัวเราะอย่างเย็นชา”นายคิดว่าฉันจัดการแขนขาของ เฉาชิง เพื่อรับการอภัยจาก หยางเฉินนั้นเหรอ?”
บอดี้การ์ดหลายคนตกตะลึงและงุนงง
“ในเมื่อพวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน เขาก็กัดไม่ปล่อยอย่างงั้น พวกนายคิดว่าถ้าฉันไม่ทำเช่นนี้ เขาจะปล่อยพวกเราไปอย่างง่ายดายไหม?”
ดวงตาของ เฉาจื้อ เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เขาหรี่ตาลงและพูดว่า “ฉันที่ตีแขนขาของ เฉาชิงหัก คือเพื่อที่จะช่วยเฉาชิงต่างหาก”
“แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ถ้าเฉาชิงในสถานะนี้ถูกส่งกลับไป พ่อของฉันจะต้องโกรธแน่นอน”
“ตราบใดที่เขาออกหน้า เขาสามารถเรียกสมาชิกคนที่แข็งแกร่งสุดๆมาที่ เมืองเยี่ยนตูได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น หยางเฉินรับไปจากฉันมากแค่ไหน เขาก็จะได้รับคืนเป็นหลายเท่า!”
ในเวลานี้ หยางเฉินได้ออกจากบาร์หงเหยียน กับ เซี่ยเหอแล้ว
ระหว่างทาง เซี่ยเหอเงียบไม่ได้พูดอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นที่บาร์หงเหยียนทำให้เธอเข้าใจ หยางเฉินอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ เธอรู้เพียงว่าหยางเฉินรวย แต่เธอไม่รู้ว่าหยางเฉินจะมีอำนาจมากขนาดนี้
เพิ่งจะผ่านมาเมื่อกี้นี้ มีคนยอมให้เงินชดเชยแก่หยางเฉิน 10 พันล้าน
เมื่อพิจารณาจากสิ่งนี้ ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าภูมิหลังของหยางเฉินแข็งแกร่ง
“คุณอาศัยอยู่ที่ไหน ฉันไปส่งคุณ”
เมื่อเขาไปถึงที่จอดรถ หยางเฉินก็เปิดปากของเขาขึ้นมา และในที่สุด เซี่ยเหอก็ฟื้นคืนสติได้
“ฉันอาศัยอยู่โรงแรมหมี่ฟางที่ถนนเต้าเซียน ขอโทษที่รบกวนคุณนะคะ!”
เซี่ยเหอพูดเบาๆ
ยี่สิบนาทีต่อมา หยางเฉินส่งเซี่ยเหอถึงที่โรงแรมหมี่ฟาง
“หยางเฉิน วันนี้ฉันขอโทษจริงๆ!”
หลังจากลงจากรถ เซี่ยเหอพูดขอโทษ “แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่า เฉาชิงคือใคร ฉันก็เข้าใจด้วยว่าตระกูลที่สามารถใช้จ่ายเงินอย่างอิสระ 10 พันล้านเพื่อชดเชย แสดงว่าเป็นผู้มีอำนาจสูง
“คุณช่วยฉันอีกครั้ง ฉันเกรงว่าฉันไม่สามารถแทนที่พระคุณที่ช่วยชีวิตคุณได้ในชีวิตนี้”
“ถ้าคุณมีที่ที่คุณสามารถใช้ฉันได้ อย่าลังเลที่จะพูด และฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วย”
แม้ว่าเธอไม่มีคำขอบคุณ แต่คำพูดของเธอก็เต็มไปด้วยความขอบคุณต่อหยางเฉิน
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย“คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าคุณเป็นหนี้ฉัน คุณเก็เห็นแล้ว แม้ว่าจะไม่มีเฉาชิง ฉันก็มีความแค้นกับพี่ชายของเฉาจื้อเช่นกัน”
เซี่ยเหอรู้ว่า หยางเฉินไม่ต้องการทำให้ตัวเองรู้สึกผิด ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่จความดีที่ หยางเฉินหมอบให้อยู่ในใจเธอ
“งั้นฉันไปก่อนนะ ขับรถระวังด้วยนะ!”
เซี่ยเหอกล่าวสวัสดีและหันหลังเดินจากไป
“เซี่ยเหอ คุณกลับมาแล้วเหรอ!”
แต่ว่า ขณะที่เธอกำลังจะเข้าไปในโรงแรม เสียงผู้ชายที่สดใสก็ดังขึ้น
เซี่ยเหอขมวดคิ้วอย่างไร้ร่องรอย มองไปที่อีกฝ่ายอย่างเฉยๆและพูดว่า “อู๋เทียนโย่ว นายมาหาฉันคือมีเรื่องไรรึเปล่า?”
อู๋เทียนโย่วพูดด้วยรอยยิ้ม“ไม่อะไร ดึกขนาดนี้แล้ว ฉันไม่เห็นคุณกลับมา ฉันรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย แต่ตอนนี้คุณกลับมาอย่างปลอดภัย ฉันก็โล่งใจแล้ว”
เซี่ยเหอพูดอย่างหน้านิ่ง”ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับไปก่อน”
หลังจากนั้น เซี่ยเหอมองไปที่หยางเฉินอีกครั้งและพูดว่า “หยางเฉิน ราตรีสวัสดิ์!”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย“ราตรีสวัสดิ์!”
พูดจบ เขาก็เตรียมตัวขึ้นรถและจากไป
“เซี่ยเหอ นี่คือใครเหรอ ไม่อยากแนะนำให้ฉันหน่อยเหรอ?”
อู๋เทียนโย่วหัวเราะเยาะเย้ยและถาม
เดิมทีหยางเฉินที่จะจากไป แต่เมื่อเห็นอู๋เทียนโย่วรบกวนเซี่ยเหอ เขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
เห็นได้จากทัศนคติของเซี่ยเหอ ที่มีต่ออู๋เทียนโย่ว รู้เลยว่าเซี่ยเหอไม่ชอบ อู๋เทียนโย่ว รู้สึกรำคาญด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าอู๋เทียนโย่วสนใจเซี่ยเหอ แสดงความห่วงใยต่อเซี่ยเหอ
“เขาเป็นแฟนฉัน”
เซี่ยเหอไม่ลังเลเลยและใช้ หยางเฉินเป็นโล่โดยตรง
แม้แต่หยางเฉินก็ยังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเขาเห็นคำวิงวอนในดวงตาของเซี่ยเหอ และยังคงมีรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย สติของเขาจึงกลับมา
อู๋เทียนโย่วได้ยินคำพูดของเซี่ยเหอ ก็เบิกตากว้าง
“แฟน?”
อู๋เทียนโย่วก็หัวเราะ แต่หัวเราะนั้นค่อนข้างมีความหมาย
“เซี่ยเหอ เราอยู่ที่กองถ่ายกันมาสองเดือนแล้ว ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน คุณมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”
อู๋เทียนโย่วหัวรเราะและพูด”ผู้ชายคนนี้เป็นแค่คนขับรถที่คุณจ้างมากหรือเปล่า?”
“แม้ว่าคุณจะปฏิเสธการจีบของฉัน หาคนมาอ้าง ก็ควรหาคนที่เหมาะสมกว่านี้สิ อย่าหาคนไปเรื่อยแบบนี้เพื่อที่จะมาหลอกฉันสิ”
หลังจากนั้น เขามองไปที่หยางเฉินและพูดว่า “ไอ้หนู นายก็เป็นแค่คนขับรถ นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาจีบเซี่ยเหอ ฉันแนะนำให้นายเอาความคิดนี้ออกจากหัวสมองนายให้เร็วที่สุด อย่ามายุ่ง ไปให้ไกลๆ ได้ยินไหม?”
เมื่อ อู๋เทียนโย่วมองไปที่หยางเฉิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายและใบหน้าของเขากำลังคุกคาม
หยางเฉินมองไปที่อู๋เทียนโย่วด้วยท่าทางที่รู้สึกตลกๆ“ให้ฉันอย่ามายุ่งกับเซี่ยเหอ นั้นมีเพียงเซี่ยเหอเท่านั้นที่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้”
“ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
อู๋เทียนโย่วมองไปที่หยางเฉินด้วยความดูถูกและถาม
ในเวลานี้ ตามด้วยบอดี้การ์ดสองคนที่ใส่ชุดสูท
แต่ว่าบอดี้การ์ดสองคนนี้อ่อนกว่าบอดี้การ์ดของ เฉาจื้อที่อยู่บาร์หงเหยียนอีก