The king of War - บทที่ 793 บันทึกการโอนเงิน
บรรดาญาติของคนงานที่ตกลงมาตายกล่าวด้วยอารมณ์คุกรุ่นในเวลานี้
เพียงแต่ว่า พวกเขาดูเหมือนจะตื่นเต้น แต่สีหน้ากลับไม่ได้มีร่องรอยความเสียใจเท่าไรนัก เหมือนรู้อยู่แล้วว่าญาติของพวกเขาจะตกลงมาตาย
หยางเฉินอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ กล่าวขึ้นมาในทันใด “ในเมื่อพวกคุณต้องการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์โดยใช้วิธีการทางกฎหมาย พวกเราก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่!”
“แต่ว่า ผมสงสัยว่าเหตุการณ์ตกลงมาเสียชีวิตในครั้งนี้มีจุดที่น่าสงสัยมากมาย ผมสงสัยว่าสุขภาพของคนงานที่ตกลงมาตายทั้งสองคนนั้นมีปัญหา ผมแนะนำให้ขอรายงานผลการตรวจร่างกายช่วงนี้ของพวกเขาที่โรงพยาบาล”
“หากจำเป็นก็สามารถขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชทำการชันสูตรศพได้!”
ใครจะรู้ ทันทีที่หยางเฉินพูดออกไปเช่นนี้ ญาติของคนงานที่ตกลงมาตายก็หน้าถอดสีทันที “ไม่ได้ พวกเราขอปฏิเสธการชันสูตรศพ!”
“เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเป็นเพราะสถานที่ก่อสร้างของพวกคุณไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย จึงทำให้คนในครอบครัวของเราตกลงมาตาย เขาก็ตายไปแล้ว ทำไมพวกคุณยังต้องมาทรมานร่างกายของเขาอีก?”
“พวกคุณชั่วร้ายเกินไปแล้ว ถ้าคนที่ตายเป็นญาติพี่น้องของพวกคุณ พวกคุณจะทำแบบนี้ไหม?”
“พวกเราขอปฏิเสธการชันสูตรศพ และปฏิเสธการมอบรายงานผลการตรวจร่างกายใดๆ”
“พวกคุณเป็นผู้ประกอบการใจดำ คอยดูพวกเราจะเปิดโปงพวกคุณกับสื่อมวลชนเถอะ!”
บรรดาญาติๆ ต่างมีอารมณ์คุกรุ่น ร้องไห้โวยวาย
แต่ทว่า เรื่องอารมณ์มันก็คุกรุ่นอยู่ แต่การร้องไห้โวยวายนั้นดูเสแสร้งมาก
กงเจิ้งก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นกัน ตอนแรกที่ลั่วปิงบอกจุดที่น่าสงสัยเหล่านั้นกับเขา ถึงแม้เขาจะคิดว่ามันผิดปกติจริงๆ แต่ด้วยสัญชาตญาณในหน้าที่ หากไม่มีหลักฐานเขาจะไม่ตัดสินชี้ขาดใดๆ
แต่ตอนนี้พอพูดถึงผลการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลของคนงานที่ตกลงมาตายทั้งสองคน และการชันสูตรศพหากจำเป็น พวกเขาก็ระเบิดออกมา
ในสถานการณ์ทั่วไป หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน ในตอนแรกเริ่มญาติๆ จะไม่สามารถยอมรับความจริงได้ และอยากที่จัดการบริษัทให้ล่มจม
แต่ในไม่ช้าความเข้าใจในเหตุผลของพวกเขาจะฟื้นฟูกลับมา รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ การคุยเป็นการส่วนตัวจะเหมาะสมที่สุด โดยทั่วไปก็จะยอมรับได้
เหตุการณ์ในวันนี้ การแสดงออกของญาติของคนงานที่ตกลงมาตายทั้งสองนั้นผิดปกติมาก
ทันใดนั้นกงเจิ้งก็เกิดภาพลวงตาขึ้น บรรดาญาติๆ เหล่านี้ไม่สนใจการตายของคนในครอบครัวของพวกเขา ไม่ยอมรับค่าชดเชยใดๆ ไปมากกว่าทำลายชื่อเสียงของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
มันผิดปกติมาก!
หยางเฉินไม่สนใจญาติๆ ที่มีเจตนาก่อกวนอย่างไร้เหตุผล เขาพูดกับกงเจิ้งต่อไปว่า “ผมขอแนะนำว่า เรายังสามารถดำเนินการตรวจสอบบัญชีของญาติๆ ผู้ตาย ดูว่ามีเงินก้อนใดๆ ถูกโอนเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหรือไม่”
มันไม่ปกติตามที่คิดไว้ เมื่อหยางเฉินพูดออกมาอย่างนี้ ญาติๆ เหล่านั้นก็มีสีหน้าตกใจ
แม้ว่าพวกเขาจะเก็บซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่อาจรอดพ้นสายตาของหยางเฉินและกงเจิ้งไปได้
“เสี่ยวหวัง คุณไปติดต่อกับทางทีมเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาดำเนินการตรวจสอบบัญชีของผู้ตายทั้งสอง รวมถึงญาติๆ ของพวกเขาด้วย ดูว่ามีความเคลื่อนไหวของเงินที่ไม่มีที่มาแน่ชัดหรือไม่”
กงเจิ้งสั่งการตำรวจหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเขา “นอกจากนี้ py’ต้องตรวจสอบสุขภาพของผู้ตายด้วย!”
“รับทราบ! หัวหน้ากง!”
เสี่ยงหวังตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เออใช่หัวหน้ากง ถ้าหากรับสินบนจากใคร ปกปิดความจริง แจ้งความเท็จ ควรจะรับผิดชอบทางกฎหมายอย่างไรบ้าง?”
หยางเฉินถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“กุเรื่องขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ตั้งใจทำให้ผู้อื่นได้รับความลำบาก หากสถานการณ์นั้นร้ายแรง มีโทษจำคุก กักขัง หรือควบคุมตัวไม่เกินสามปี หากมีผลกระทบร้ายแรง มีโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไปถึงสิบปี”
กงเจิ้งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้คดีนี้ ถ้ามีการปกปิดความจริงและแจ้งความเท็จ มันจะทำให้เกิดการสูญเสียต่อเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างมากมาย”
“อาจกล่าวได้ว่า เรื่องนี้หากมีคนเจตนากุเรื่องใส่ร้ายพวกคุณลับหลัง สามารถถือได้ว่ามีผลกระทบร้ายแรง”
จากนั้นหยางเฉินก็พูดต่อ “หมายความว่า เมื่อทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมากต่อเยี่ยนเฉินกรุ๊ป คนที่กุเรื่องใส่ร้ายพวกเราก็ต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไปแต่ไม่เกินสิบปีงั้นเหรอ?”
กงเจิ้งพยักหน้า “ในทางกลับกันเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็สามารถฟ้องร้องคนที่กุเรื่องขึ้น เพื่อเรียกร้องให้พวกเขาจ่ายเงินชดเชยความเสียหายของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้”
หยางเฉินพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “หากชื่อเสียงของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้รับความเสื่อมเสีย มันจะทำให้เราเกิดความเสียหายอย่างน้อยหนึ่งแสนล้าน”
“หนึ่งแสนล้าน! หากจำเลยไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ ความผิดก็จะมีผลไปถึงเก้าชั่วโคตรใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างหยางเฉินและกงเจิ้ง บรรดาญาติๆ เหล่านั้นก็มีสีหน้าหวาดกลัว
พวกเขารู้สถานการณ์จริงดี ว่ามีการกุเรื่องขึ้นเพื่อฟ้องร้องเยี่ยนเฉินกรุ๊ปจริงๆ
แต่คิดไม่ถึงว่า เรื่องนี้มันจะร้ายแรงขนาดนี้ พวกเขาอาจถูกจับขังคุกเสียเอง
ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ยังต้องจ่ายชดเชยค่าความเสียหายให้กับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนับแสนล้าน
อย่าว่าแต่แสนล้านเลย แค่หมื่นล้านพวกเขาก็ไม่มีปัญญาจ่ายแล้ว!
“พวกคุณยังคิดจะฟ้องร้องเยี่ยนเฉินกรุ๊ปต่อหรือเปล่า?”
หยางเฉินมองไปที่ญาติของคนตายและถามขึ้น
“คุณ…คุณอยากจะพูดอะไร?”
หนึ่งในญาติๆ พูดตะกุกตะกัก พูดด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “พวกเราไม่ได้ใส่ร้ายพวกคุณ สิ่งที่พวกเราพูดคือความจริง”
หยางเฉินพยักหน้า “จะถือว่าพวกคุณพูดความจริงก่อนแล้วกัน เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน ผลการตรวจสุขภาพของผู้ตายก็จะออกมาแล้ว”
“อีกอย่างพวกคุณควรสวดอ้อนวอนให้ดี ขอให้บัญชีของพวกคุณไม่มีการโอนเงินก้อนโตที่ไม่มีที่มาอย่างชัดเจนเข้ามา ถ้าไม่อย่างนั้นพวกคุณจะชี้แจงไม่ถูกแล้ว”
“ถ้าชี้แจงไม่ชัดเจน พวกคุณก็ต้องได้รับการสอบสวน”
ทุกคำที่หยางเฉินพูดได้กำลังกัดกร่อนแนวป้องกันในหัวใจของญาติผู้ตายอย่างรวดเร็ว
“ถ้าพวกคุณถูกข่มขู่จากใครบางคนจริงๆ หรือพวกคุณรู้อะไรก็สามารถบอกผมได้เลย”
จากนั้นหยางเฉินก็พูดอีกว่า “ขอเพียงผมได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้ ใครบอกผมได้ก่อน ผมจะให้เงินหนึ่งล้านเป็นรางวัล!”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกเปล่งออกมา แววตาของบรรดาญาติๆ ก็เปล่งประกายระยิบระยับ
แต่ทว่าทุกคนก็ยังยินดีจะเป็นคนที่เคลื่อนไหวคนแรกเหมือนเดิม บางทีอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่หยางเฉินพูด
และในเวลานี้เอง เสี่ยวหวังได้วิ่งเข้ามาในทันใด “หัวหน้ากง รายงานผลการตรวจสุขภาพของผู้ตายออกมาแล้วครับ”
“ผู้ตายล้วนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน”
“ไม่เพียงเท่านี้ เรายังพบการโอนเงินจำนวนหนึ่งแสนเข้ามายังบัญชีของญาติผู้ตาย”
เป็นไปตามที่คาดไว้ คิ้วที่ขมวดของหยางเฉินผ่อนคลายลงในที่สุด
ด้วยหลักฐานเหล่านี้ ก็เกือบจะพิสูจน์ได้แล้วว่า การตกลงมาตายของผู้ตายนั้นมีปัญหาจริงๆ
“ชีเจวียน! เติ้งเสี่ยวเพ่ย!”
กงเจิ้งรับเอกสารฉบับหนึ่งมาจากเสี่ยวหวัง มองไปยังญาติของผู้ตายด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อเขาเรียกชื่อทั้งสองนี้ หญิงวัยกลางคนสองคนพากันหน้าถอดสี
ผู้หญิงสองคนนี้เป็นภรรยาของผู้ตาย
ในบัญชีของพวกเธอได้มีเงินจำนวนหนึ่งแสนโอนเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“พวกคุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
กงเจิ้งพูดอย่างโมโห
“ท่านคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันจะพูด ฉันจะบอกพวกคุณทุกอย่าง!”
“ท่านคะ ฉันก็สำนึกผิดแล้ว ฉันก็ยินดีที่จะบอกพวกคุณทุกอย่าง!”
ทันใดนั้น หญิงวัยกลางคนทั้งสองได้ร้องไห้โฮออกมา
“พาออกไปให้หมด!”
กงเจิ้งโบกมือออกคำสั่ง
ชายหนุ่มในเครื่องแบบหลายคนก้าวขึ้นมาทันที
ในเวลานี้ คนงานที่อยู่ชุดคนงานคนหนึ่งได้พุ่งเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนทั้งสองทันที
ในมือของเขามีกริชที่เปล่งประกายระยิบระยับ แทงเข้าไปที่หัวใจของหญิงวัยกลางคนทั้งสองอย่างแรง