The king of War - บทที่ 810 ตบหน้าทำให้อับอาย
อู๋เทียนโย่วพูดอย่างประชดประชันว่า “เธอคิดว่าเมื่อก่อนที่ผู้กำกับหวางดีกับเธอเป็นเพราะเห็นว่าเธอมีความสามารถเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะ มันไม่ใช่! ”
“ผู้กำกับหวางเลือกเธอมาเป็นนางเอกรอง เพราะเห็นว่าเธอหน้าตาดี อยากจะได้เธอ แต่นึกไม่ถึงว่า ความนิยมของเธอจะพุ่งสูงขึ้นขนาดนี้”
“ถ้าไม่ใช่เพราะความนิยมของเธอพุ่งสูงขึ้น ผู้กำกับหวางเลยคิดที่จะใช้ความนิยมของเธอมาส่งเสริมละคร ไม่งั้นเขาก็ได้เธอไปนานแล้ว เธอกล้าจะไม่ยอม? ถ้าอย่างนั้นก็รอดูตอนตัดต่อทีหลังแล้วกัน จะต้องตัดฉากที่เธอเล่นออกไปเยอะ! ”
ใบหน้าของเซี่ยเหอเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะไม่เชื่อว่าผู้กำกับหวางคนที่ดีกับเธอมาตลอดจะเป็นคนแบบนี้
แต่ว่าเมื่อกี้ ผู้กำกับหวางใส่ร้ายเธอต่อหน้าทุกคน เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอมากองละครตั้งแต่เช้า และตามผู้กำกับหวางไปโรงพยาบาลไปหาอู๋เทียนโย่ว
แต่ว่า ผู้กำกับหวางกลับไม่ยอมรับ และยังใส่ร้ายว่าเซี่ยเหอมาสายสองชั่วโมงกว่าๆ ทำให้การถ่ายทำของกองละครล่าช้า
ในตอนนี้ เธอเชื่อแล้วว่าผู้กำกับหวางเป็นคนจิตใจไม่ดี
เมื่อเธอนึกถึงช่วงเวลาที่รู้จักกับผู้กำกับหวางที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ผู้กำกับหวางมองเธอก็มักจะมองเธอด้วยสายตาหื่นกาม
เดิมที เซี่ยเหอเข้าใจว่าสายตาแบบนั้นของผู้กำกับหวางคือสายตาชื่นชม แต่ตอนนี้เธอถึงได้รู้ว่านั่นไม่ใช่
“เซี่ยเหอเธอก็รู้ว่าหยวนหย่าฉีจะมารับบทนางเอก สำหรับกองละครตอนนี้ มีหรือไม่มีเธอก็ไม่สำคัญแล้ว”
อู๋เทียนโย่วพูดขึ้นอีกว่า “เมื่อกี้เธอก็เห็นแล้วว่า ผู้กำกับหวางมองมาที่ฉัน แค่ฉันพูดคำเดียว เธอก็ถูกถอดออกจากกองละครแล้ว”
“เมื่อกี้เธอตบฉันฉาดหนึ่ง ฉันไม่คิดเอาเรื่องเธอก็ได้ แต่ฉันอยากให้ไอ้ชั่วหยางเฉินมาคุกเข่าขอโทษฉันและขอให้ฉันยกโทษให้เขา”
“ไม่อย่างนั้น เธอก็รอถูกกองละครถอดออกเถอะ! ไม่เพียงเท่านั้น ฉันจะใช้ความสัมพันธ์ทางตระกูลของพี่สาวลูกพี่ลูกน้องฉันแบล็กลิสต์เธอทั่วประเทศ! ”
เซี่ยเหอหัวเราะขึ้นทันใด แค่เพียงรอยยิ้มของเธอก็ทำให้อู๋เทียนโย่วรู้สึกสับสนขึ้นทันใด
คนอื่นๆ ก็รู้สึกสับสน
เซี่ยเหอในวันนี้กับเซี่ยเหอคนนั้นที่พวกเขาเคยรู้จักในอดีตแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“ในเมื่อเส้นสายของคุณใหญ่ขนาดนั้น งั้นก็รีบถอดฉันออกจากกองละครสิ ฉันรอให้คุณแบล็กลิสต์ฉันอยู่! ”
เซี่ยเหอยิ้มเยาะ แล้วหันหลังเดินไปที่สถานที่ถ่ายละคร
มองตามหลังเซี่ยเหอไป ดวงตาของอู๋เทียนโย่วก็ยิ่งหม่นหมอง
“พี่เทียนโย่ว ผู้หญิงคนนี้หยิ่งเกินไปแล้ว ไม่เกรงใจพี่เลยแม้แต่น้อย”
นักแสดงชายคนหนึ่งที่ยืนข้างๆอู๋เทียนโย่วพูดขึ้น
“ใช่ เธอหยิ่งผยองมาก ไม่ไว้หน้าพี่เทียนโย่วเลย”
“หรือว่าเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ความนิยมของพี่เทียนโย่วสูงขนาดไหน? รอให้ถ่ายละครเรื่องนี้เสร็จ พี่เทียนโย่วก็จะเข้าสู่บทบาทนักแสดงแถวหน้าได้อย่างมั่นคง”
“เมื่อถึงเวลานั้น อยากได้ผู้หญิงที่พี่เทียนโย่วชอบ ก็สามารถล้อมรอบเมืองเยี่ยนตูได้แล้ว”
พวกสุนัขรับใช้ต่างพากันรีบประจบประแจง
อู๋เทียนโย่วกัดฟันกรอด “อีหญิงสารเลวกล้าปฏิเสธฉัน ฉันจะทำให้เธอได้รับสิ่งที่เธอทำอย่างสาสม! ”
หลังจากเซี่ยเหอมาถึงสถานที่ถ่ายละคร หยวนหย่าฉี หนึ่งในสี่นักแสดงหญิงรุ่นเยาว์แห่งจีนก็มาถึงแล้ว ฝูงชนจำนวนมากกำลังรายล้อมเธอ
แม้แต่ผู้กำกับหวางก็เสิร์ฟชานมให้เธอด้วยตัวเอง พูดด้วยท่าทีประจบประแจงแบบไม่ละอายว่า “หย่าฉี นี่ชานมที่ผมตั้งใจซื้อให้คุณเป็นพิเศษเลย คุณรีบดื่มสิ ให้ร่างกายอบอุ่น”
หยวนหย่าฉีสวยมากจริงๆ ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับภูมิทัศน์ที่สวยงาม เมื่อนักแสดงชายหลายคนมองไปที่เธอ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความรัก
แม้แต่นักแสดงหญิงก็ยังอิจฉา เมื่อมองไปที่หยวนหย่าฉี
“ฉันแพ้ชานมค่ะ คุณไม่รู้เหรอ?”
ใครจะไปรู้ว่าหยวนหย่าฉีจะไม่ไว้หน้าผู้กำกับหวางแม้แต่น้อย ดันแก้วชานมออกไป ชานมสาดลงบนพื้น
ชานมร้อนสาดโดนมือของผู้กำกับหวางเล็กน้อยจนมือแดง แต่ผู้กำกับหวางกลับไม่โกรธแม้แต่น้อย รีบพูดขอโทษ “ขอโทษครับ! ขอโทษครับ! ผมผิดไปแล้ว หย่าฉีชอบดื่มอะไรเดี๋ยวผมจะไปซื้อให้คุณตอนนี้เลย ”
หยวนหย่าฉีพูดอย่างราบเรียบด้วยใบหน้าหยิ่งผยองว่า “ขอกาแฟร้อนหนึ่งแก้วจากสตาร์บัคส์ให้ฉันหน่อย อุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศา ต่ำลงมา 1 องศาก็ไม่ได้ สูงขึ้น 1 องศาก็ไม่ได้ เข้าใจไหมคะ?”
ผู้กำกับหวางสีหน้าลำบากใจ อยากจะดื่มกาแฟสตาร์บัคส์ก็ได้ แต่ว่ามันค่อนข้างไกล ขับรถไปก็ต้องใช้เวลาเกือบ 20 นาที
แต่ว่า หยวนหย่าฉียืนยันว่าจะต้องดื่มกาแฟที่อุณหภูมิ 40 องศา นี่ค่อนข้างลำบาก
“มีปัญหาเหรอคะ?”
หยวนหย่าฉีถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ผู้กำกับหวางรีบส่ายหน้า “ไม่ครับ ไม่มี เดี๋ยวผมจะให้คนไปซื้อให้ครับ! ”
“ฉันจะให้คุณไปซื้อให้ฉันค่ะ! ”
หยวนหย่าฉีพูดขึ้นอีก
สีหน้าของผู้กำกับหวางชะงักไปชั่วครู่ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของอีกฝ่าย เขาทำได้เพียงอดกลั้นความโกรธไว้และรีบพูดว่า “โอเคครับ ผมจะไป ผมจะไปเดี๋ยวนี้! ”
ทันทีที่ผู้กำกับหวางจากไป อู๋เทียนโย่ว ก็รีบก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเขา ยื่นแขนไปทาง หยวนหย่าฉี “หย่าฉี สวัสดีฉันชื่อ อู๋เทียนโย่วพระเอกที่จะเล่นคู่กับคุณ”
“ไปให้พ้น! ”
หยวนหย่าฉี ตะโกนออกมา ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของ อู๋เทียนโย่วชะงักในทันที
คนอื่นๆ ต่างก็พากันตกตะลึง หยวนหย่าฉีคือนางเอกที่อู๋เทียนโย่วหามาให้กองละคร
ถึงแม้ว่าเธอจะดังมาก ให้ผู้กำกับหวางไปซื้อกาแฟให้เธอด้วยตัวเองก็ช่างเถอะ แต่ทำไมถึงทำกับอู๋เทียนโย่วที่เรียกเธอมากองละครให้อับอายต่อหน้าสาธารณชนล่ะ?
ในสายตาของทุกคน หยวนหย่าฉีกำลังทำให้อู๋เทียนโย่วอับอาย
อู๋เทียนโย่วรีบกลับไปสู่สภาวะปกติ ชักมือกลับ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หย่าฉี พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมคือซุนจื้อเจียว ครั้งนี้ผมให้เธอช่วยผมเชิญคุณมาช่วยกองละครของพวกเรา”
“เหอะๆ! ”
จู่ๆหยวนหย่าฉีก็ยิ้มแปลกๆ “ซุนจื้อเจียว? เธอคือใครเหรอ? แล้วคุณล่ะเป็นใคร? คุณมีคุณสมบัติที่จะเรียกให้ฉันมาในกองละครเล็กๆ แบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
ผ่าง!
คำพูดนี้ของหยวนหย่าฉีราวกับระเบิด ทุกคนต่างตกตะลึง
อู๋เทียนโย่วรู้สึกเหมือนมีแรงกระแทกทำให้รู้สึกตัวขึ้นอย่างแรง หยวนหย่าฉีไม่ใช่พี่สาวเขาเชิญมาเหรอ?
“หยวนหย่าฉี คุณพูดแบบนี้ มันจะมากเกินไปหรือเปล่า?”
สีหน้าของอู๋เทียนโย่วจริงจังมากจึงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “คุณมีวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะตระกูลซุน พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของฉันซุนจื้อเจียวเป็นคนของตระกูลซุนถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คุณก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างตอนนี้หรอก?”
“ตอนนี้คุณโด่งดังแล้วก็ลืมตระกูลซุนที่เคยสนับสนุนคุณเหรอ?”
หยวนหย่าฉียิ้มเยาะ “ตระกูลซุน? ฉันหยวนหย่าฉีดังขึ้นมาได้ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลซุนเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะความขยันของฉันเองทั้งนั้น”
“คุณบอกว่า พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของคุณบอกว่า เธอเป็นคนสนับสนุนฉันเหรอ? เอ่อ พี่สาวของคุณชื่อซุนอะไรนะ?”
หยวนหย่าฉีไม่สนใจตัวตนของซุนจื้อเจียวเลยแม้แต่น้อย ถามด้วยสีหน้าหยอกเย้า
อู๋เทียนโย่วโกรธเกือบจะเป็นบ้า ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “พี่สาวผมชื่อซุนจื้อเจียว!เธอไม่ใช่ตัวอะไร?”
“อ๋อ ที่แท้เธอก็ไม่ใช่ตัวอะไรสักอย่าง?”
หยวนหย่าฉีทำสีหน้าไม่แยแส พูดด้วยรอยยิ้ม
“555……”
คนรอบข้างต่างก็พากันขำ อู๋เทียนโย่ว ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาหลงกลหยวนหย่าฉี ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความละอายและความโกรธทันใด
เขาใช้สายตาที่เย็นชากวาดมองคนรอบข้าง จึงทำให้เสียงหัวเราะหายไปในทันใด
“หยวนหย่าฉี คุณทำเกินไปแล้ว! ”
อู๋เทียนโย่วพูดด้วยความโกรธ