The king of War - บทที่ 817 หยางเฉินปรากฏตัว
เย่ชังพูดด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “ตำแหน่งเจ้าบ้านความจริงก็เป็นของผมอยู่แล้ว ตอนนี้ผมเพียงแต่จะมาขอเอาทุกสิ่งที่เป็นของผมคืน”
“ไม่เพียงเท่านั้น รอให้ผมขึ้นเป็นเจ้าบ้านแทนแล้ว ผมก็ยังจะได้รับความร่วมมือจากเฉาซื่อกรุ๊ป ซึ่งจะช่วยทำผลประโยชน์เพิ่มให้กับตระกูลพวกเราอย่างมหาศาล แล้วผมมีผิดตรงไหน?”
ฉินซีคาดไม่ถึงเลยว่า ที่ตัวเธอเองมาในวันนี้เพียงเป็นตัวแทนประธานผู้จัดการใหญ่เท่านั้น ทำไมจู่ ๆ ต้องให้เข้ามาพัวพันกับการแก่งแย่งผลประโยชน์ภายในของตระกูลเย่ด้วย?
เวลานี้ หล่อนไม่สามารถเข้าไปสอดเรื่องด้วยแม้แต่น้อย ได้แต่เฝ้ามอง
เย่หวาแสดงเชิงเหลี่ยม “หากแกยังจะดื้อรั้น สิ่งที่แกจะต้องเผชิญคือ การล่มสลายเท่านั้น!”
“ถ้าต้องมีการล่มสลาย จะมีก็แต่พวกแกเท่านั้น!”
เย่ชังหัวเราะอย่างเหยียด ๆ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ พูดเสียงเยือก “ข้าจะบอกความจริงให้พวกแกรู้ หลังจากที่เย่ม่านถูกลอบทำร้าย บาดเจ็บสาหัส คงมีเวลาเหลืออีกไม่นานแล้ว”
“ก่อนหน้านี้ที่ไม่เปิดเผยกัน ก็ด้วยกลัวว่าข่าวการบาดเจ็บสาหัสของนาง จะนำพาให้ตระกูลเย่ต้องพบอันตรายถึงขั้นล่มสลายได้ จึงไม่ได้บอกพวกเรา”
“มาถึงตอนนี้ ข้ามาบอกความจริงให้พวกแก ก็เพราะข้าเชื่อว่า พวกแกคงได้มีการตัดสินใจเลือกในทางที่ถูกต้อง มีทางนี้เท่านั้น ที่จะไม่นำพาปัญหาเลวร้ายมาให้ตระกูลเย่”
“ตอนนี้ ใครเป็นคนก้าวออกมาแสดงจุดยืนเป็นคนแรก เมื่อข้าได้รับตำแหน่งเจ้าบ้านแล้ว คนผู้นั้นก็จะได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของแมมบ้าแดงกรุ๊ป”
พอเย่ชังได้พูดคำพูดนี้ออกไป ทุกคนที่อยู่ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนกันไป
“ข้ายินดีสนับสนุนเย่ชังเป็นผู้นำตระกูล!”
“ข้ายินดีสนับสนุนเย่ชังเป็นผู้นำตระกูล!”
…………………
ทันทีที่เสียงพูดจบลง เครือญาติสายตรงห้า-หกคน เอ่ยปากออกมาเกือบจะพร้อมกัน
ตามมาติด ๆ เสียงคนอื่น ๆ ต่างพากันออกเสียง ล้วนแสดงจุดยืนสนับสนุนเย่ชังเป็นผู้นำตระกูล
ช่วงสั้น ๆ เพียงไม่กี่วินาที เว้นแต่ฉินซีกับเย่ชัง นอกนั้นทุกคนต่างพากันยกมือแสดงจุดยืนสนับสนุนเย่ชังกันทั้งหมด
เย่ชังแค่นเสียงหัวเราะ ลุกยืนขึ้นมา สองมือเท้าบนโต๊ะประชุม มองจากที่สูงลงไปยังเย่หวาที่นั่งตรงข้าม “ตอนนี้ แกคิดว่า ผู้ที่ต้องล่มสลายนั่น เป็นใคร?”
“แกพูดส่งเดช!”
ฉินซีทนไม่ได้แล้วในที่สุด พรวดลุกยืนขึ้น ตวาดไปด้วยความโมโห “อาการบาดเจ็บของเจ้าบ้านตระกูลเย่พ้นขีดอันตรายแล้ว อย่างมากอีกหนึ่งอาทิตย์ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
ในช่วงนี้ ฉินซีไปที่โรงพยาบาลทุกวัน เย่ม่านมีสภาพอย่างไร หล่อนรู้ดีกว่าใคร ๆ ทั้งหมด
เย่ชังเลิกคิ้วขึ้น “คุณเป็นคนนอก จะไปรู้เรื่องอะไร?”
“ใครว่าดิฉันเป็นคนนอก?ดิฉันคือ……”
ในช่วงฉุกละหุกนั้น ฉินซีก็กำลังจะยอมรับสถานะสัมพันธ์ของตนกับเย่ม่าน
“ถ้าคุณไม่ใช่คนนอก จะยังมีใครเป็นคนนอกอีกหละ?”
เย่ชังยิ้มเหยียด ๆ พลันขมวดคิ้วย่นขึ้นมา มองไปที่รปภ. ตวาดใส่ไปว่า “ข้าบอกให้พวกแกไล่ไอ้ผู้หญิงคนนี้ออกไปแล้ว ทำไมมันยังอยู่ที่นี่อีก?”
“ครับ ท่านประธานเย่!”
รปภ.ทั้งสองคนฉลาดมาก เปลี่ยนสรรพนามยกเรียกให้เป็นประธานเย่ แล้วเดินมุ่งตรงเข้าหาฉินซี
“ออกไปให้พ้นซะ!”
ฉินซีสะบัดเสียงด้วยความโกรธ พูดด้วยเสียงที่หนาวเฉียบ “ฉันเป็นลูกสาวของเย่ม่าน ใครว่าฉันเป็นคนนอก?”
บรึม!
พอพูดประโยคนี้ออกไป ทั้งบริเวณฮือฮากันขึ้นมา
ความสัมพันธ์ของฉินซีกับเย่ม่าน คนที่อยู่ในบริเวณ ไม่มีใครรู้เรื่อง
เวลานี้หล่อนเปิดเผยออกมาเองว่าตัวเองเป็นลูกสาวของเย่ม่าน ก็เหมือนลูกระเบิดที่วางลงมาลูกหนึ่ง
สองรปภ.ที่เตรียมจะไปพาตัวฉินซีออกไป ต้องชะงักมือค้างในทันทีทันใด
ถ้าฉินซีเป็นลูกสาวของเย่ม่านจริง แม้ว่าเย่ม่านจะถึงตายไป ก็มีแต่ฉินซีเท่านั้น จึงจะใช่ทายาทรับช่วงแมมบ้าแดงแกรุ๊ป
“รีบจัดการเอายัยผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไปให้พ้น มันพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ พวกแกก็ยังเชื่อเรอะ?”
เย่ชังชะงักไปชั่วแผล็บผ่านไป รีบคำรามใส่ออกไป
เชาไม่มีอะไรต้องคิดมากมายแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ประกาศยึดตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ ก็แยกยืนตรงข้ามกับเย่ม่านเด็ดขาดแล้ว
ไม่ว่าฉินซีจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเย่ม่านหรือไม่ มันไม่มีอะไรจะสำคัญแล้ว
สำคัญที่ว่า เขาต้องรีบยึดตระกูลเย่โดยเร็วที่สุด ต้องทางเดียวนี้เท่านั้น จึงจะไม่เป็นที่ผิดหวังของตระกูลเฉา
เขารู้ตัวดีอยู่ว่า เรื่องนี้เป็นการทดสอบของตระกูลเฉา ถ้าเขาสามารถยึดครองได้สำเร็จ ก็จะสามารถได้รับความร่วมมือจากเฉาซื่อกรุ๊ป ตระกูลเฉาก็จะอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนเขา
แต่ถ้าล้มเหลว เฉาซื่อกรุ๊ปก็มีสิทธิ์จะปฏิเสธ ในข้อตกลงธุรกิจที่เคยมีทำกันมาทั้งหมด
จึงต้องบอกว่า เขาจะต้องชนะลูกเดียว แพ้ไม่ได้เป็นอันขาด
ถ้าแพ้ สิ่งที่ต้องเผชิญนั้น คือตายสถานเดียว!
“ข้าจะดูซิว่าใครกล้า?”
เย่หวาถลันก้าวขึ้นมายืนขวางข้างหน้าฉินซีในทันที ตาดุขวางมองใส่ทุกคน
เดิมที เขาก็สงสัยอยู่ เย่ม่านทำไมจึงเลือกคนนอกตระกูลแซ่มาเป็นตัวแทนของผู้จัดการใหญ่แมมบ้าแดงกรุ๊ป ตอนนี้ เขาเข้าใจแล้ว ขอให้ปกป้องฉินซีได้ แผนร้ายของเย่ชังก็จะแพ้พ่าย
ถ้าเป็นไปได้ตามนี้ ต่อไปในตระกูลเย่ รองจากเย่ม่าน เขานี่แหละจะยิ่งใหญ่
“แกยังกล้าจะช่วยคนนอกตระกูลหรือ?ถ้าอย่างนั้น ก็เอาทั้งแกนั่นแหละไปให้พ้นด้วยกันเลย”
เย่ชังพูดจบ รปภ.หุ่นล่ำปึกสองคนปรากฏตัวขึ้น ใช้สายตาหนาวเยือกมองไปที่เย่หวา
ฉินซีตื่นตระหนกสุด ๆ ตาจ้องสองรปภ.ที่กำลังเดินเข้ามาจับตัวนาง พูดไปอย่างโกรธเกรี้ยว “เย่ม่านเป็นแม่แท้ ๆ ของฉันนะ ฉันจะดูว่าใครจะกล้าลงมือกับฉัน”
“เอาตัวมันออกไป!”
เย่ชังตะหวาดใส่อย่างเกรี้ยวกราดอีก
สองพนักงานรปภ. ไม่มีอะไรจะลังเลได้อีกแล้ว มุ่งเดินตรงเข้าไป ยื่นมือออกไปเตรียมจับลากแขนฉินซี
“คนมากมายขนาดนี้ รวมหัวกันรังแกผู้หญิงของข้า พวกแกรูไหมว่าจะต้องรับผลยังไง?”
ในทันใดนั้นเอง สายเงาอสูรก็ไม่ปาน ขวางเข้ามาที่ข้างหน้าของฉินซี ถามใส่ไปที่เย่ชังด้วยใบหน้าเย็นชา
เสียงคำพูดที่ดังขึ้นมาในทันใดนั้น ดังก้องไปทั่วห้องประชุม
คนที่อยู่ทั้งหมดตื่นตระหนกเต็มหน้า เพราะหยางเฉินมาถึงเมื่อไหร่ พวกเขาต่างไม่มีใครได้รู้เห็น
ดูเหมือนเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ก็เหมือนแวบออกมากับแสงที่ว่างเปล่า
แน่นอนว่าทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่
“หยางเฉิน!”
ฉินซีเห็นร่างคนตรงยืดที่ยืนข้างหน้าตนนั้น สีหน้าตื่นตะลึงขึ้นมา
ขณะที่เย่ชังที่เห็นรู้ว่าเป็นหยางเฉิน เนื้อตัวสั่นสะท้านไปทั้งตัว สีหน้าผวาหวาด
“แกหรือนี่!”
เย่ชังเนื้อตัวสั่นน้อย ๆ
นี่เป็นครั้งที่สามที่ได้สัมผัสกับหยางเฉิน ครั้งแรกคือตอนที่เย่ม่านชิงอำนาจ ตอนนั้นหยางเฉินมีปรากฏตัว
เขายังจำภาพได้ชัดเจน หยางเฉินกับผู้ติดตามข้างกายคนเดียว หมัดเดียวสยบหมดผู้แกร่งกล้าทั้งตระกูลเย่
ครั้งที่สองตอนที่หยางเฉินประจันหน้ากับตระกูลหลง เขายังคิดว่าถ้าได้อิงไม้ใหญ่อย่างตระกูลหลง เขาเองคงแทนที่ตำแหน่งเย่ม่านได้
แต่ทว่า คิดไม่ถึงเลยว่า แม้ขนาดเจ้าบ้านตระกูลหลงมาด้วยตัวเอง ก็ทำอะไรกับหยางเฉินไม่ได้ กลับทั้งยังไปไล่พี่เรียงน้องกันกับหยางเฉิน
วันนี้ เป็นครั้งที่สาม
การได้สัมผัสเมื่อสองครั้งก่อน แต่ละครั้ง หยางเฉินนำพาเอาความกดดันที่หนักอึ้งใส่เขา แต่ครั้งนี้ หนักสุด ๆ
“นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลเย่ของเรา คุณนี่คิดจะมาขอแจมด้วยอีกขาหนึ่งหรือ?”
เย่ชังฝืนความหวาดกลัวในใจ กัดฟันพูดไป
หยางเฉินมองเย่ชังอย่างเผิน ๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะแกมีสายเลือดในตระกูลเย่ ครั้งแรกที่เห็นแก น่าจะต้องเป็นศพไปแล้ว”
ได้ยินดังนั้น เย่ชังครั่นเนื้อครั่นตัวจนสั่นไปทีหนึ่ง
เย่หวารู้ว่าหยางเฉินมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเย่ม่านมาก และก็เคยเห็นความเก่งฉกาจของหยางเฉิน ในส่วนลึกของใจก็เต็มเปี่ยมด้วยความตื่นใจ
“ท่านหยาง ในที่สุดท่านก็มา”
เย่หวารีบเสนอหน้าเข้าไปหา พูดด้วยใบหน้าประเหลาะสอ “ตามจริงท่านผู้นำได้วางตัวให้ประธานฉินเป็นผู้จัดการใหญ่แล้ว แต่ว่าเย่ชังไม่ยอมรับอยู่ใต้บังคับบัญชา กลับบิดเบือนแจ้งนัดเวลาประชุมผิด ๆ สร้างเรื่องเท็จว่าท่านประธานฉินลาออกแล้ว”
“ยังไม่แค่นั้น เขายังประกาศแจ้งชัด หาว่าท่านเจ้าบ้านมีชีวิตเหลือไม่กี่วันแล้ว และยังฝืนจะขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลเย่”
ที่เย่หวาพูดทั้งหมดมานี้ หยางเฉินก็รู้มาอยู่แล้ว
ก็ด้วยรู้อยู่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องชิงอำนาจกันเองภายในตระกูลเย่ ฉินซีไม่มีทางที่จะไปจัดการได้ เขาจึงต้องลงมาเอง
“ให้ร้ายผู้หญิงของข้า?ใครทำให้แกกล้าได้ขนาดนี้นะ?”
หยางเฉินมองหน้าเย่ชาง น้ำเสียงพูดที่ราบเรียบมาก ๆ แต่อานุภาพล้นหลาม