The king of War - บทที่ 830 หนี
ขณะนี้ ในห้องวีไอพีก็เหลือเพียงซุนจื้อเจียว กับเซี่ยเหอเท่านั้น
“เซี่ยเหอ ผ่านไปหนึ่งนาทีแล้ว คุณควรคิดให้ดี ยอมฉันซะเถอะ?”
ท่าทีของซุนจื้อเจียวดูไม่ได้เกรงอกเกรงใจเหมือนเมื่อกี้ พูดอย่างหมดความอดทน
เซี่ยเหอกัดปลายลิ้นของเธออย่างแรง ความเจ็บปวดที่รู้สึกเสียวซ่า ทำให้เธอตื่นขึ้นมากในทันที
เพียงเพราะเมื่อกี้ดื่มมากและดื่มเร็วเกินไป ตอนนี้ ดีกรีของไวน์แดงก็ค่อยๆออกฤทธิ์ หัวสมองมึนงง เธอได้แต่กัดปลายลิ้นเพื่อทำให้ตัวเองมีสติตื่นตัวเท่านั้น
“คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลย จริงๆแล้วคุณไม่ได้พิจารณาเลยสักนิด ว่าจะปล่อยหยางเฉินไป?”
เซี่ยเหอกัดฟันถาม
สีหน้าของซุนจื้อเจียวจมลงอย่างสิ้นเชิง “คุณคิดว่าฉันชอบคุณ ดังนั้นคุณเลยกล้าที่จะท้าทายกับฉัน?”
เซี่ยเหอไม่ได้พูด และจ้องไปที่ซุนจื้อเจียวอย่างไม่ละสายตา แววตาทั้งสองข้างโดยไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ตอบฉัน!”
เซี่ยเหอซักถามด้วยความโกรธ
“พูดดีๆไม่ชอบ ชอบที่จะให้ใช้กำลัง!”
ซุนจื้อเจียวฮือย่างเย็นชา และลุกขึ้นยืน
แม้ว่าเซี่ยเหอจะไม่ได้รับคำตอบที่ตัวเองต้องการ แต่ก็เข้าใจแล้วว่า เป็นไปไม่ได้ที่ซุนจื้อเจียวจะปล่อยหยางเฉิน
ทันใดนั้นเธอก็กัดปลายลิ้นของเธออีกครั้ง อาศัยขณะที่เธอยังสามารถรักษาสติขั้นสุดท้ายได้ เธอหันหลังวิ่งหนีทันที
“อยากหนีเหรอ? ในอาณาเขตของฉัน คุณวิ่งหนีได้เหรอ?”
ซุนจื้อเจียวหัวเราะอย่างเย็นชา เดินออกไปอย่างไม่มีความรีบร้อน
หลังจากที่เซี่ยเหอออกจากห้องวีไอพี แทบไม่รู้เลยว่าทางไหนคือทางออก เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เธอหันหลังกลับและรีบวิ่งไปทางซ้าย
ไม่ว่าทางออกอยู่ทางไหน ก่อนที่ซุนจื้อเจียวจะสมหวัง ก็ต้องสู้ถึงวินาทีสุดท้าย
ในเวลาเดียวกัน หวู่เทียนโหย่วได้ออกจากร้านอาหารหนานเซียงหยวนแล้ว
หลังจากขึ้นรถตัวเอง ยังไงหวู่เทียนโหย่วก็รู้สึกไม่สบายใจ
เขากับซุนจื้อเจียวไม่ได้เป็นญาติห่างๆกันเลยสักนิด แค่แม่ของซุนจื้อเจียวเคยมีความสัมพันธ์คบหารู้จักกับแม่ของเขา
เปรียบเทียบกันแล้ว เขาสนใจเรื่องพรหมจรรย์ของเซี่ยเหอมากกว่า
เขาชอบเซี่ยเหอมานานขนาดนี้ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แล้วจะปล่อยให้ ซุนจื้อเจียวสมหวังได้ไง?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซุนจื้อเจียวคนนี้ ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด ไม่เพียงแต่ตบหน้าเขาในที่สาธารณะ แต่ยังดูถูกเหยียดหยามเขาด้วย
นี่ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้ากองถ่าย เพื่อนร่วมงาน เสียหน้าที่สุด
“สารเลว พวกคุณสารเลวทั้งนั้น!”
หวู่เทียนโหย่วทุบพวงมาลัยด้วยความโกรธ
เมื่อคิดถึงผู้หญิงที่เขาอยากได้ กำลังจะถูกซุนจื้อเจียวย่ำยี เขาก็เต็มไปด้วยความโมโห
แต่ไม่นาน เขาก็ค่อยๆสงบลง
“จริงสิ หยางเฉินเป็นแฟนของเซี่ยเหอไม่ไช่เหรอ? ถ้าหากให้เขารู้ เดี๋ยวนี้เซี่ยเหอตกอยู่ในอันตรายมาก เขาคงจะมาช่วยเซี่ยเหอนะ?”
ทันใดนั้นหวู่เทียนโหย่วรู้สึกดีใจมาก “ใช่ เป็นแบบนี้แหละ ขอเพียงหยางเฉินกล้ามา ต้องทำลายเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน”
“ด้วยนิสัยของซุนจื้อเจียว ต้องไม่ปล่อยหยางเฉินไปแน่นอน”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ซุนจื้อเจียวไม่จัดการหยางเฉินก็คงไม่ได้แล้ว ถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยล้างแค้นให้กับเขา แต่ยังทำให้เซี่ยเหอรู้จักระมัดระวังขึ้น หากซุนจื้อเจียวอยากสมหวัง เกรงว่าจะลำบากแล้ว”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที
แต่ว่า เมื่อเขาวางแผนที่จะส่งข่าวสื่อสารกับหยางเฉิน จู่ๆเขาก็พบว่าเขาไม่มีข้อมูลวิธีที่ติดต่อหยางเฉินเลย
“ใช่แล้ว เซี่ยเหอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้กำกับหลี่ ผู้กำกับหลี่ต้องรู้จักหยางเฉินแน่”
หวู่เทียนโหย่วไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของหยางเฉิน แต่เขามีของผู้กำกับหลี่ เขาโทรหาผู้กำกับหลี่ในทันที
“ผู้กำกับหลี่ แย่แล้ว เซี่ยเหออยู่ที่ร้านอาหารหนานเซียงหยวน ได้รับอันตรายถึงชีวิต ผมไม่สามารถช่วยเซี่ยเหอได้ คุณรีบตามหาหยางเฉินแฟนของเซี่ยเหอ เขาต้องมาช่วยเซี่ยเหอแน่”
ทันทีที่ผู้กำกับหลี่รับสาย หวู่เทียนโหย่วก็รีบแสร้งทำเป็นวิตกกังวลจริงๆ แล้วพูดว่า “ผู้กำกับหลี่ ผมจะไม่คุยกับคุณแล้ว คนของพวกเขากำลังตามมา ผมต้องรีบหนีไป ไม่งั้นถ้าถูกเขาจับได้ผมต้องตายแน่ ”
พูดจบ ก็รีบวางสาย
หลังจากวางสาย หวู่เทียนโหย่วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ผมเป็นอัจฉริยะจริงๆ ขอเพียงหยางเฉินกล้ามา งั้นก็มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น”
เขากำลังเริ่มคิดว่า รอให้หยางเฉินตายไป เซี่ยเหอจะเศร้าแค่ไหน แล้วเขาฉวยโอกาสนี้เข้าแทรก อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินกำลังออกจากโรงพยาบาลพร้อมฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยว
“เสี่ยวซี ผมดูออกว่าคุณยังห่วงใยเจ้าบ้านเย่มากนะ”
ระหว่างทางกลับ หยางเฉินพูดขึ้น “ในเมื่อเป็นห่วง แล้วทำไมถึงต้องทรมานตัวเองเช่นนี้? หาโอกาสสักครั้ง ก็ยอมรับเป็นแม่ลูกกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซีก็เงียบไปทันที
เธอห่วงใยเย่ม่านมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งก่อนตอนที่เย่ม่านถูกลอบสังหาร และถูกส่งไปที่ห้องไอซียูเพื่อช่วยชีวิต เธอมีความรู้สึกว่าเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย
หลังจากนั้น เย่ม่านหาเธอ โดยหวังว่าเธอจะไปแมมบ้าแดงกรุ๊ปเป็นตัวแทนผู้จัดการชั่วคราว ถือว่าไปช่วยเย่ม่าน
ฉินซีก็ไม่มีอะไรต้องลังเล ก็เลยตกลง
วันนี้ หยางเฉินพาเสี้ยวเสี้ยวพร้อมเธอไปเยี่ยมเย่ม่านที่โรงพยาบาล
เย่ม่าน ก็ยอมรับแล้ว
อยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่ได้ขัดขวางเสี้ยวเสี้ยวที่รับกำไลเพชรนับสิบล้านของเย่ม่าน และก็ยอมรับที่เสี้ยวเสี้ยวเรียกเย่ม่านว่าคุณยาย
อันที่จริง เธอยอมรับเย่ม่านแล้ว แค่ตอนนี้เธอยังไม่ได้เรียกเย่ม่านว่าแม่
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินซีถึงเปิดปากพูดว่า “ฉันจะพิจารณาดู!”
หยางเฉินรู้ว่าฉินซีคิดยังไง และไม่ได้พูดอะไรอีก
เดิมทีเขาก็ไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซง แต่ระยะนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายเรื่อง ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความวิกฤตกังวล
แม้ว่าเขาจะไม่กลัว และมั่นใจว่าไม่มีใครทำร้ายเขาได้
แต่ว่าเย่ม่าน ในฐานะเจ้าบ้านเย่ เจ้าตัวอยู่ในศูนย์กลางของอำนาจ อาจได้รับผลกระทบเสมอ
ครั้งนี้เขาถูกลอบสังหารและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อเป็นการตักเตือน และยังถูกลอบสังหารในโรงพยาบาล ก็เป็นหม่าชาวที่ยื่นมือช่วยเย่ม่านไว้
ลอบสังหารเย่ม่านคือนักฆ่าของหงเฉิน และเมื่อนักฆ่าของหงเฉินรับหน้าที่นี้แล้ว ถ้าฆ่าไม่ตายเขาคงไม่ยอมเลิกลา
แม้ว่าการลอบสังหารครั้งนี้จะล้มเหลว แต่อีกไม่นาน ก็จะมีนักฆ่าที่แข็งแกร่งกว่ามาจัดการกับเย่ม่านแน่
แม้ว่าเขาจะให้หม่าชาวมาปกป้องแล้ว แต่ใครจะรับประกันได้ว่า หม่าชาวจะสามารถปกป้องเย่ม่านได้?
ไม่ต้องพูดถึงหม่าชาว แม้แต่ตัวเขาไปปกป้องด้วยตัวเอง ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถช่วยเย่ม่านได้ทุกครั้ง
ยี่สิบนาทีต่อมา หยางเฉินส่งฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวกลับถึงยอดเมฆา ทักทายฉินซีเรียบร้อย และขับรถออกไปอีกครั้ง
เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ห่างจากเวลาที่นัดเซี่ยเหอทานข้าว ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว
แต่ว่าเขารับปากเซี่ยเหอ ว่าเขาจะไปที่ร้านอาหารหนานเซียงหยวน เขาก็จะต้องทำได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่ เขายังไม่ทันจะโทรหาเซี่ยเหอ ก็ได้รับโทรศัพท์จากลั่วปิง
“ท่านประธาน แย่แล้ว เซี่ยเหออยู่ที่ร้านอาหารหนานเซียงหยวนตกอยู่ในอันตราย”
ทันทีที่รับโทรศัพท์ ลั่วปิงก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่าหยางเฉินห่วงใยเซี่ยเหอศิลปินหญิงคนนี้มาก ดังนั้นเขาจึงรายงานหยางเฉินทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับหลี่
“อะไร? อันตราย? อันตรายอะไร?”
หยางเฉินก็กังวล รีบเร่งถาม
ขณะพูด เขาได้เหยียบคันเร่งจนสุด แล้วมุ่งหน้าไปทางร้านอาหารหนานเซียงหยวน
ลั่วปิงกล่าวว่า “เวลานี้เซี่ยเหอประสบปัญหาอะไร ก็ยังไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าร้านอาหารหนานเซียงหยวนเป็นทรัพย์สินของตระกูลซุน”
“และคืนนี้คนที่นัดเซี่ยเหอไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารหนานเซียงหยวน ก็คือผู้รับผิดชอบร้านอาหารหนานเซียงหยวน ซึ่งเป็นรุ่นหลานของตระกูลซุน ชื่อซุนจื้อเจียว”
“ผู้กำกับหลี่เปิดเผยว่า ผู้หญิงคนนี้ชอบผู้หญิง!”
ประโยคสุดท้ายถึงจะเป็นประเด็นสำคัญ ทำให้หยางเฉินตระหนักถึงบางสิ่งในทันที