The king of War - บทที่ 85 ไสหัวมาขอโทษ
คนที่โต๊ะเดียวกันต่างเงียบกริบหมด เหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ นั่งอยู่ด้วยกันกับหยางเฉินปีศาจร้ายแบบนี้ พวกเขายังไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง
โดยเฉพาะเป็นหยางเวย ยิ่งประหม่าอย่างยิ่ง เขารู้ว่าหยางเฉินแกร่งมาก แต่กลับนึกไม่ถึงว่าหยางเฉินสามารถแกร่งได้ถึงขั้นนี้
อีกทั้งความกล้าของหยางเฉินก็มากมาย ไม่ว่าจะถือโอกาสทำข้อมือของฉินเฟยขาด หรือว่าลงมือกับคนที่ยอดเยี่ยมสุดของตระกูลกวนต่อหน้าสาธารณชน ล้วนเป็นการเหยียดหยามต่อตระกูลกวนทั้งนั้น
กลับไปดูหยางเฉิน คว้าชาชั้นดีกานั้นขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ เทเต็มแก้ว แล้วจิบเบาๆ อึกหนึ่ง
วางแก้วชาลง ก่อนจะเคาะนิ้วชี้ที่โต๊ะเป็นจังหวะ
“ตึก! ตึก! ตึก!”
เสียงที่ดังชัด ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เงียบงัน ดุจเสียงของปีศาจร้าย เล้าโลมหัวใจของแต่ละคนอย่างลึกซึ้ง
“แกต้องตาย!”
กวนเสว่ซงหน้าเต็มไปด้วยเลือด ตะคอกใส่อย่างดุร้าย
เขาในฐานะคนอายุน้อยที่ดีเลิศสุดของตระกูลกวน แม้กระทั่งผู้นำของตระกูลกวนยังตกทอดมาถึงเขาแบบข้ามรุ่น ปัจจุบันนี้กลับถูกหยางเฉินกดศีรษะลงบนโต๊ะอย่างแรงต่อหน้าผู้คน นี่คือการเหยียบย่ำต่อเขาอย่างมหาศาล
ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสที่ใส่ชุดสูทรองเท้าหนังคนหนึ่งรีบเข้ามากระซิบที่ข้างหูของกวนเสว่ซง ใช้เสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนสามารถได้ยิน “คุณชายซงครับ ผู้นำกำชับว่างานเลี้ยงวันเกิดกำลังจะเริ่มแล้ว รอให้งานจบ ย่อมจะไม่ให้เขามีชีวิตรอดเป็นแน่ครับ”
ได้ยินผู้อาวุโสพูดถึงผู้นำ กวนเสว่ซง ที่เดือดดาลอย่างยิ่งจึงควบคุมไฟโกรธเอาไว้ เหมือนมองดูคนตายอย่างนั้น จ้องหยางเฉินแล้วพูดว่า “ทะนุถนอมช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแกให้ดีเถอะ!”
พูดจบ กวนเสว่ซง หมุนตัวออกไป เหลือแขกที่ตกใจค้างกันกลุ่มหนึ่งไว้
นายท่านฉินมองทางหยางเฉินอย่างเคร่งขรึม จนกระทั่งตอนนี้ เขาถึงสำนึกได้ว่าลูกเขยที่ถูกเขาเห็นเป็นสวะมาโดยตลอดคนนี้ ไม่ได้มีภายนอกที่ธรรมดาขนาดนั้น
ในดวงตาของฉินเฟยดูแดงเลือด บนข้อมือมีความเจ็บแสบลอยมา ทำให้เขาเกือบจะสลบไป
หยางเฉินลงมือโหดเหี้ยม ข้อมือของฉินเฟยหักขาดถึงที่สุด แม้กระทั่งกระดูกที่ขาวน่ากลัวยังมองเห็นได้ ดูท่าทางมือข้างนี้คงรักษาไว้ไม่ได้
นายท่านฉินเข้าใจเช่นกัน ท่าทางที่ฉินเฟยเลือดสดไหลนอง ปรากฏอยู่ที่งานเลี้ยงวันเกิดของผู้นำตระกูลกวน ไม่เป็นมงคลมากๆ ไม่แน่ว่าเพราะเหตุนี้อาจจะโดนตระกูลกวนเคียดแค้นเอาได้ จึงถือโอกาสพาฉินเฟยแอบหนีออกไป
หยางเฉินก็ไม่รีบร้อน วันนี้เดิมทีมาก่อเรื่องวุ่นวาย เพียงแค่คาดไม่ถึงว่าตระกูลกวนจะอดทนได้ขนาดนี้ เขาตีคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมสุดของตระกูลกวนต่อหน้าสาธารณชนได้ ตระกูลกวนยังสามารถอดทนไม่บังคับให้เขาออกไป
หยางเวยในเวลานี้นั่งไม่ติดแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สถานะของหยางเฉิน แต่ก็ค้นหาบางเรื่องมาชัดเจน รู้ว่าหยางเฉินและมารดาของเขา หลายปีก่อนหน้านี้ถูกไล่ออกมาจากตระกูลอวี๋เหวิน
สำหรับเขานั้น ตระกูลอวี๋เหวิน นำเยี่ยนเฉินกรุ๊ปมอบให้หยางเฉิน เป็นแค่การชดเชยต่อเขา และเขาก็เข้าใจว่าหยางเฉินมีความแค้นใจต่อตระกูลอวี๋เหวิน
ตอนนี้ตระกูลหยางและตระกูลกวน มีการร่วมงานกันมากมาย บัดนี้เห็นได้ชัดว่าหยางเฉินผิดใจตระกูลกวนแล้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร
หลังจากลังเลใจอยู่หน่อย หยางเวยหัวเราะแล้วลุกขึ้น “ผมจะไปเข้าห้องน้ำ”
หลังจากมาที่ข้างนอกโดยตรง หยางเวยรีบต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง รายงานเรื่องของที่นี่ให้หยางเซี่ยงหมิงฟังรอบหนึ่ง
ผ่านไปตั้งนาน หยางเซี่ยงหมิงถึงพูดด้วยเสียงทุ้ม “เรื่องนี้ ขอเพียงแกดูข้างๆ ไม่ว่าหยางเฉินทำอะไร แกห้ามเข้าไปแทรก แต่ไม่ต้องจงใจหลบเลี่ยงหยางเฉิน”
“คุณปู่ครับ นี่คุณปู่ให้ผมมองดูสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเฉยๆ?” หยางเวยเข้าใจความหมายของหยางเซี่ยงหมิงแล้ว
หยางเซี่ยงหมิงบอกว่า “ถูกต้อง ถึงแม้หยางเฉินจะยังหนุ่ม แต่ก็ไม่เหมือนคนที่บุ่มบ่าม ถึงพูดว่าเขาถูกไล่ออกจากตระกูลอวี๋เหวิน แต่ตอนนี้เป็นท่านประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ตระกูลกวนอยากเอาเขาตาย ก็ไม่ง่ายนัก”
“ครับ งั้นผมจะไปทำตามคำสั่งของคุณปู่” หลังหยางเวยวางสายโทรศัพท์ กลับไปยังห้องโถงอีกครั้ง นั่งอยู่ข้างกายของหยางเฉินต่อไป
หยางเฉินมองหยางเวยแบบมีความหมายลึกซึ้งแล้วหัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร รอยยิ้มที่แปลกประหลาดอันนี้ กลับทำให้หยางเวยหวาดผวามาก
ในเวลานี้ ประตูห้องโถงงานเลี้ยงค่อยๆ ปิดลง เสียงเพลงอวยพรวันเกิดที่ไพเราะดังขึ้น งานเลี้ยงวันเกิดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่สวมชุดแบบจีนโบราณสีแดงค่อยๆ ก้าวเดินมา
ผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ใช่ใครอื่น คือตระกูลกวนหนึ่งในสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจว ผู้นำกวนเจิ้งซาน
“วันนี้เป็นวันเกิดอายุเจ็ดสิบปีของผม ขอบคุณแขกทุกท่านเป็นอย่างมาก ที่สละเวลางานมาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของผม”
กวนเจิ้งซานเดินมาถึงที่หน้าไมโครโฟน หน้าตายิ้มแย้มเต็มที่ พูดเสียงดัง “วันนี้แขกที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดผมได้ นอกจากคนตระกูลกวนแล้ว ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลสารพัดด้านที่มีสัมพันธไมตรีกับตระกูลกวน ที่มาเป็นแขก ทุกท่านดื่มกินเต็มที่ สนุกสนานกันได้”
ทุกคนส่งเสียงยินดี ปรบมือขึ้นฉับพลัน
และเวลานี้ ก็ถึงช่วงเวลาที่แขกมอบของขวัญให้กวนเจิ้งซาน
“คุณปู่ครับ หลานขออวยพรให้ท่านมีความสุขล้นหลาม อายุยืนยาวครับ”
เวลานี้กวนเสว่ซงประคองกล่องของขวัญไม้จันทน์แบบโบราณเรียบง่ายกล่องหนึ่ง ยกให้ด้วยความเคารพนอบน้อม
พอเปิดกล่องของขวัญกล่องเล็กออก เห็นเพียงด้านในคือแหวนหยกผสมเนื้อทองคำวงหนึ่ง
“ฮ่าๆ ดี! ของขวัญของเสว่ซง ปู่ชอบมาก” กวนเจิ้งซานหัวเราะเสียงดังพูดขึ้น
กวนเสว่ซงมอบของขวัญวันเกิดให้เป็นคนแรก ในทางความหมายแฝงบางอย่าง ก็คือสัญลักษณ์ของสถานะที่ตระกูลกวนของเขา
หลังจากนั้นถึงเป็นลุงป้าน้าอาคนอื่นๆ ของกวนเสว่ซงมามอบของขวัญ
จากนั้นถึงเป็นแขกคนอื่นๆ มาให้ของขวัญ ด้านหน้าของกวนเจิ้งซาน มีของขวัญวันเกิดสารพัดอย่างวางกองไว้ ไม่ว่าชิ้นใด เกรงว่ามากพอเป็นรายได้ทั้งชีวิตของครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่งเลย
แต่บนหน้ากวนเจิ้งซานมีเพียงรอยยิ้มที่นิ่งๆ นอกจากแหวนหยกที่กวนเสว่ซงมอบให้ถูกเขาชมเชยไปยกหนึ่ง ของขวัญอื่นๆ ล้วนไม่เคยเข้าตาเขาเลย
ขณะนี้ เดิมทีหน้าประตูตระกูลกวน หวังเจี้ยนที่ถูกหม่าชาวถีบลอยออกไป รีบตามชายวัยกลางคนมาที่งานเลี้ยงวันเกิด
“เจ้าบ้านกวน ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว”
ชายวัยกลางคนด้านหน้าหวังเจี้ยน ใช้มือสองข้างประคองกระถางดอกไม้หยกไว้ ในกระถางดอกไม้ยังมีหยกที่แกะสลักเป็นกลีบดอกไม้สารพัดด้วย
“หวังหงเย่ออกหน้าเองช่างหรูหราเหลือเกิน กระถางดอกไม้หยกสลักนี้ เกรงว่าราคามหาศาลเลยมั้ง?”
“ดูแล้วครั้งนี้ตระกูลหวังตัดสินใจแน่วเน่ อยากติดตามตระกูลกวน”
“เดาว่าใช้เวลาไม่นาน ตระกูลแนวหน้าของเจียงโจวคงต้องเพิ่มตระกูลหวังมาแล้ว”
แขกโดยรอบมองเห็นของขวัญวันเกิดที่หวังหงเย่มอบให้ ล้วนทำท่าตื่นตกใจ
กวนเจิ้งซานหัวเราะเสียงดังฟังชัด “ขอบใจมากผู้นำตระกูลหวัง”
“เจ้าบ้านกวน ผมมีเรื่องหนึ่งอยากรายงานท่านครับ” หวังหงเย่เอ่ยปากบอก
“อ่อ เรื่องอะไร? ผู้นำตระกูลหวังพูดมาได้เลย”
ถึงแม้ตระกูลหวังจะเป็นเพียงตระกูลระดับรอง แต่สามารถให้ของขวัญที่ราคาสูงได้ ย่อมมีความจริงใจมากจริง กวนเจิ้งซานก็ไม่ได้ทำให้หวังหงเย่ผิดหวัง
“เดิมทีผมไม่คิดจะมาทำเสียอารมณ์ดีของเจ้าบ้านกวน แต่กลัวว่างานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าบ้านกวน มีคนไม่หวังดีเข้ามา ดังนั้นจะไม่รายงานท่านคงไม่ได้ครับ”
หวังหงเย่โค้งตัวเล็กน้อย รีบพูดว่า “เมื่อสักครู่ผมรีบมาจากสนามบิน กลัวจะมางานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าบ้านกวนช้าไป ดังนั้นจึงส่งลูกชายมาอวยพรท่านก่อน แต่ใครจะรู้ว่าที่หน้าประตูตระกูลกวน ลูกชายถูกตีเข้า คนเลวนั้นยังแย่งบัตรเชิญของลูกชายผมไปด้วยครับ”
“อะไรนะ? ยังมีเรื่องแบบนี้?”
ชั่วขณะนั้นกวนเจิ้งซานพูดอย่างโมโห “ใครกันที่กล้าแย่งบัตรเชิญตระกูลกวนของฉัน?”
หวังหงเย่ส่งสายตาทีหนึ่ง หวังเจี้ยนรีบชี้ไปยังหยางเฉินก่อนจะพูดแบบเดือดดาล “แกไอ้สารเลว ยังไม่ไสหัวออกมาขอโทษเจ้าบ้านกวนอีก ยังกล้านั่งเฉย”
ทุกคนมองไปตามทิศทางนิ้วของหวังเจี้ยน มองเห็นหยางเฉินที่นั่งตรงนั้น และหน้าตานิ่งสงบ ชั่วขณะหนึ่งฮือฮากันเกรียว
เมื่อสักครู่หยางเฉินทำข้อมือของฉินเฟยขาดต่อหน้าผู้คน แม้กระทั่งหลานชายที่กวนเจิ้งซานให้ความสำคัญที่สุดยังกล้าตี กดศีรษะของเขาลงบนโต๊ะอย่างรุนแรงต่อหน้าสาธารณชน
ทุกคนยิ่งนึกไม่ถึง แม้แต่บัตรเชิญ ยังแย่งมาอีกด้วย