The king of War - บทที่ 853 ทำให้หยางเฉินเชื่อง
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า หยางเฉินค้นหาทีละตู้จริงๆ
เพียงแต่ เฉียนเปียวจะมองหยางเฉินแวบหนึ่งอยู่ไม่ขาดสาย
ในขณะเดียวกัน ภายในคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งที่เมืองเยี่ยนตู เซวหยวนจี๋กำลังมองทางหน้าจอโทรทัศน์ด้วยท่าทางหยอกเย้า
ส่วนภาพเหตุการณ์ที่อยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ก็คือท่าเรือ เขตชานเมืองทิศเหนือ ล้วนเป็นตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด
หยางเฉินกำลังค้นหาไปทีละตู้ หน้าตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“ฮาๆ เธอเห็นแล้วรึยัง? สามีเธอกำลังตามหาเธออยู่ ที่นี่มีตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งแสนกว่าตู้ จากระดับความเร็วของสามีเธอ ค้นหาตู้คอนเทนเนอร์ครบหนึ่งแสน เกรงว่าฟ้าคงสว่างแล้ว”
เซวหยวนจี๋หันหน้ามองทางผู้หญิงอายุน้อยที่อยู่บนโซฟาด้านข้าง หัวเราะหึๆ พูดว่า “เธอว่า รอหลังจากเขาหาทุกตู้คอนเทนเนอร์ แล้วฉันค่อยบอกเขาว่า เธออยู่ในมือฉัน เขาจะโมโหแทบบ้ารึเปล่า?”
“แกมันสารเลว! ไร้ยางอาย!”
ในดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยน้ำตา ตาแดงก่ำตะคอกใส่ “ดีที่สุดแกปล่อยฉันไป ไม่อย่างนั้นแกจะต้องเสียใจแน่!”
หญิงสาวไม่ใช่ใครอื่น คือฉินซีที่หยางเฉินพยายามตามหา
เพียงแค่ แม้แต่หยางเฉินก็คงนึกไม่ถึงว่า ฉินซีจะถูกพามาอยู่ข้างกายของเซวหยวนจี๋แล้ว
“แม่หนูนี่แสบน่าดู ฉันชอบ! ถ้าไม่ใช่ว่าเธอยังมีประโยชน์ต่อฉัน เธอคงนอนอยู่บนเตียงแล้ว”
เซวหยวนจี๋ยิ้มกริ่มบอกไป
ฉินซีสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว นั่งตัวตรงโดยจิตใต้สำนึก
เธอมองความเร่าร้อนในสายตาของเซวหยวนจี๋ออก
“ทำไมแกต้องทรมานหยางเฉินแบบนี้?”
ฉินซีกัดฟันถามขึ้นกะทันหัน
ถึงแม้เธอจะถูกคนของเซวหยวนจี๋พาตัวเข้ามา เพียงแต่อยู่บนรถอยากจะหักพวงมาลัย กลับถูกตีจนสลบไป
หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด
เธอมีความรู้สึกว่า เซวหยวนจี๋ไม่ได้อยากจะทำอะไรเธอกับหยางเฉินจริงๆ แต่ว่ามีวัตถุประสงค์ที่ไม่อาจบอกใครได้อยู่
เซวหยวนจี๋ยิ้มกริ่มจ้องฉินซีพลันถามว่า “เธอกำลังคิดว่า ทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้?”
ฉินซีเพียงแค่ทำหน้าโกรธเคือง และไม่ได้ตอบกลับ
“เฉินอู่ นายมาบอกคุณฉินทีสิ ทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้?”
ทันใดนั้นเซวหยวนจี๋บอกกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เฉินอู่อายุประมาณสี่สิบปี สวมชุดสูทตัวหนึ่ง ใส่แว่นตากรอบทองไว้ แสงไฟที่สาดส่องผ่านเลนส์แว่น เห็นได้ชัดว่าทำให้เขาดูเหมือนเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อนอยู่บ้าง
เขาดันแว่นตาแล้ว หัวเราะพลางบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เจ้าชายรองน่าจะอยากจะทำให้หยางเฉินเชื่อง?”
เซวหยวนจี๋ไม่ได้ตอบ เพียงแค่ทำหน้าอมยิ้มเล็กน้อย จากนั้นยกแก้วชาขึ้น ดื่มไปอึกเล็กๆ ด้วยท่าทางพึงพอใจ
เฉินอู่พูดต่อไปว่า “ครั้งแรกที่เจ้าชายรองส่งคนไปเขตก่อสร้างเมืองจิ่วโจว เริ่มชนสิ่งก่อสร้างส่วนหนึ่งจนพัง จากนั้นก็วางแผนแล้ว”
“ครั้งแรกชนอาคารจนพัง เพื่อกระตุ้นไฟโกรธของหยางเฉินขึ้น ให้เขาเสียการควบคุมสติ”
“ครั้งที่สองคือเมื่อเย็น ได้ซื้อตัวผู้ส่งของของโครงการเมืองจิ่วโจวไว้ ชนอาคารของเมืองจิ่วโจวอีกครั้ง เพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ”
“ถ้าหยางเฉินไม่รีบไปที่เขตก่อสร้าง กุ่นเจี้ยนโฉวจะมีโอกาสพาตัวคุณฉินมาได้อย่างไร?”
ฉินซีทำหน้าตกใจ นึกไม่ถึงว่า วันนี้จะเกิดเรื่องมากขนาดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นการจัดฉากพุ่งเป้าไปยังหยางเฉิน
“เอาตัวฉันมาที่นี่ สำหรับพวกแกแล้ว จะมีความหมายอะไร?”
ฉินซีสอบถาม
เฉินอู่หัวเราะแล้ว “ผู้ชายคนหนึ่งที่เพื่อคุณแล้ว สามารถเปลี่ยนจากสวะคนหนึ่งเติบโตมาถึงขั้นนี้แบบปัจจุบันนี้ได้ ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่า คุณมีความสำคัญต่อผู้ชายคนนี้”
“ขอเพียงคุณเกิดเรื่องขึ้น เขาจะต้องขาดสติเป็นแน่ ซึ่งความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ผู้ชายคนนี้ ขาดสติเพราะคุณจริงๆ ด้วย”
ฉินซีสั่นไปทั้งตัว แม้แต่ตัวเธอเอง ยังไม่ได้สำนึกถึงเลยว่า ในสายตาหยางเฉิน ตนเองจะสำคัญขนาดนี้
ตาทั้งสองของเธอแดงก่ำ ดวงตาเปียกชื้นแล้ว
“คุณฉิน คุณนี่ทำให้คนอิจฉาเสียจริงเลย ครอบครองผู้ชายที่รักคุณมากขนาดนี้ไว้ ถ้าเรื่องราวระหว่างพวกคุณเผยแพร่ออกไป เกรงว่าผู้หญิงบนโลกนี้ ล้วนจะอิจฉาคุณแทบแย่เลยล่ะ”
เฉินอู่หัวเราะ จากนั้นพูดว่า “ขอแค่คุณอยู่ในมือพวกเรา ต่อให้หยางเฉินต้องสละทุกอย่างที่เขาครอบครองอยู่ตอนนี้ทั้งหมด เขาคงจะไม่ลังเลสักนิดเหมือนกัน”
“แต่ที่เจ้าชายรองต้องการไม่ใช่ทุกอย่างของหยางเฉิน แต่เป็นตัวเขาคนนี้”
“ผู้ชายแบบนี้ มีเพียงแค่ทำให้เขาเชื่อง ถึงจะหลอกใช้ประโยชน์ได้”
“เจ้าชายรองทรมานหยางเฉินแบบนี้ เพื่อให้หยางเฉินได้เข้าใจว่า ถึงแม้เขาอยู่เมืองเยี่ยนตูจะเก่งกาจมาก แต่ในสายตาของเจ้าชายรอง ยังไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”
“มีเพียงทำลายความมั่นใจของเขาทิ้ง ถึงจะสามารถทำให้บุคคลแข็งแกร่งเช่นนี้เชื่องได้”
ได้ยินคำพูดของเฉินอู่ เซวหยวนจี๋หัวเราะฮาๆ เสียงดังขึ้นมาแล้ว “ดี พูดได้ดี!”
คำพูดประโยคนี้ เป็นการยอมรับการคาดเดาของเฉินอู่ไปโดยปริยาย
ฉินซีมองหน้าจอโทรทัศน์แบบไม่ชัดเนื่องจากน้ำตานอง รู้สึกเพียงว่าตนเองไร้ความสามารถอย่างมาก ไม่เพียงไม่อาจช่วยหยางเฉินได้ กลับเป็นได้เพียงภาระของหยางเฉิน
ถึงแม้หยางเฉินจะไม่ได้รับอันตราย แต่มองเขาถูกทรมานต่อหน้าต่อตาขนาดนี้ ฉินซีย่อมรู้สึกแย่มากเช่นกัน
“แต่จะพึ่งเรื่องพวกนี้ อยากทำให้หยางเฉินเชื่อง เกรงว่าคงยากมาก”
เฉินอู่พูดขึ้นอีกแบบกะทันหัน “ถ้าผมเดาไม่ผิด เจ้าชายรองน่าจะยังมีแผนสำรองที่เตรียมไว้เพื่อหยางเฉินอีก?”
เซวหยวนจี๋หัวเราะบอกว่า “ไม่เลว ก้าวหน้าขึ้น รอฉันได้สืบทอดตำแหน่งของกษัตริย์เซว จะตั้งนายเป็นที่ปรึกษา”
ได้ยินดังนั้น ชั่วขณะนั้นเฉินอู่ดีใจใหญ่ รีบบอกทันที “ขอบคุณครับเจ้าชายรอง!”
จากนั้น เขาถามด้วยความเคารพนบนอบอีกว่า “เพียงแต่ ไม่ทราบว่าเจ้าชายรองยังเตรียมแผนสำรองแบบไหนไว้ให้หยางเฉินกันครับ?”
เซวหยวนจี๋หัวเราะแล้ว “นายจะรู้แน่ แต่คืนนี้ กลัวว่าจะไม่ได้เห็นแล้ว”
พูดจบ เขาหมุนตัวขึ้นไปข้างบน ก่อนออกไปยังสั่งไว้ว่า “ส่งคุณฉินไปพักผ่อนที่ห้องแขก พรุ่งนี้เช้า หล่อนยังต้องดูอะไรสนุกๆ เป็นเพื่อนฉันต่อ”
“ค่ะ!”
บอดี้การ์ดหญิงสองคนรีบเข้ามา ไม่ให้โอกาสฉินซีได้ปฏิเสธ ลากฉินซีซ้ายคนขวาคนไปยังห้องแขก
ในขณะเดียวกัน ที่ท่าเรือ เขตชานเมืองทิศเหนือ
ทั้งสี่ด้านล้วนเป็นตู้คอนเทนเนอร์ หยางเฉินค้นหาไม่หยุด ตู้คอนเทนเนอร์เพียงสักตู้ก็ไม่ยอมตกหล่น
หันกลับมาดูเฉียนเปียว ยังช้ากว่าหยางเฉินอยู่มาก
“พักผ่อนสักหน่อยค่อยหาต่อไป”
ตอนที่ทั้งสองมาเจอหน้ากันอีกครั้ง หยางเฉินพูดขึ้นทันใด
“ได้ครับ!” เฉียนเปียวตอบรับ
หยางเฉินหมุนตัวออกไป เหมือนอยากไปพักผ่อนบนรถ เฉียนเปียวรีบตามเข้าไป “พี่เฉิน พี่ว่าสรุปแล้วตอนไหนพวกเราถึงจะหาพี่สะใภ้เจอกัน? นี่ก็ชั่วโมงกว่าแล้ว เพิ่งหาตู้คอนเทนเนอร์ได้เท่านี้”
หยางเฉินพูดนิ่งๆ “ไม่แน่ว่า เดี๋ยวคงใกล้จะหาเจอแล้ว”
“พี่เฉินมีเบาะแสแล้ว?”
เฉียนเปียวรีบถามทันที
ระหว่างที่พูด ทั้งสองออกห่างจากตู้คอนเทนเนอร์พื้นที่ว่างนั้นมาไกลมาก
“ป้าบ!”
หยางเฉินที่เมื่อสักครู่เดินออกไปทางด้านหน้า หมุนตัวฉับพลัน จับคอของเฉียนเปียวไว้แน่น
ชั่วขณะนั้นเฉียนเปียวทำหน้าตื่นกลัว ส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ออกจากลำคอที่ถูกกำลมหายใจไว้ “พี่……พี่เฉิน พี่……พี่เป็นอะไรแล้ว?”
“แกไม่ใช่เฉียนเปียว สรุปแกเป็นใคร?”
วินาทีนี้ ความรู้สึกหนาวเหน็บที่รุนแรง สาดยิงออกจากบนตัวหยางเฉิน
เขาเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ในลูกตาที่ดำมืด ปล่อยแสงสว่างที่น่ากลัวออกมาสองดวง
เฉียนเปียวสีหน้าเปลี่ยน รีบบอกว่า “ผม……ผมก็คือเฉียนเปียว!”
เสียง“แควก”ทีหนึ่ง หยางเฉินฉีกหน้ากากหนักคนบนหน้าของเฉียนเปียวลงมาแล้ว เผยใบหน้าที่อนาถจนไม่อาจทนมองได้ใบหนึ่งออกมา ผมสีขาว
กุ่นเจี้ยนโฉว!
คือกุ่นเจี้ยนโฉวที่ก่อนหน้านี้พาตัวฉินซีไป!
กุ่นเจี้ยนโฉวก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่า ตนเองจะโดนมองออกแล้ว