The king of War - บทที่ 87 มอบของขวัญวันเกิด
หยางเฉินก็ไม่มองกวนเจิ้งซานเลย สายตามองไปที่หวังเจี้ยนอย่างนิ่งๆ
“ครั้งก่อนที่กูปล่อยคุณกลับไปบ้านไป ก็เพื่อจะให้พ่อของมึงมาชดใช้กับความโง่ที่มึงทำไว้ แต่ไม่ใช่มาท้าทายต่ออีก กูไม่ชอบการฆ่าคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะไม่กล้า”
เพิ่งสิ้นเสียงของหยางเฉิน จากนั้นก็สะบัดมือไป ตัวของหวังเจี้ยนก็ลอยออกไป
“โครม” เป็นเสียงดัง ตัวของเขาก็ร่วงหล่นไปกระแทกเข้ากับเสาหินกลางงานเลี้ยงอย่างแรง หวังเจี้ยนตาลอยทั้งสองข้าง แล้วก็เป็นลมสลบไป
แล้วหยางเฉินก็หันไปมองหวังหงเย่ แล้วพูดว่า “ลูกไม่ดีนั้นเป็นความผิดของพ่อ!ครั้งนี้กูไว้ชีวิตหมาๆ ของมึงสองพ่อลูก ถ้ายังมาหาเรื่องกูอีกล่ะก็ กูก็ไม่ถือที่จะฆ่าล้างตระกูลหวังมึงเสีย”
ทุกคนในงานเลี้ยง ก็เหมือนกำลังฝันไป มองหยางเฉินด้วยใบหน้าหวาดกลัวกันหมด มาทำร้ายคนต่อหน้ากวนเจิ้งซาน ช่างเป็นการไม่เห็นกวนเจิ้งซานอยู่ในสายตาเลย
ทุกคนก็มีความรู้สึกเหมือนกับกำลังจะมีพายุใหญ่บังเกิดตรงหน้า หวังหงเย่ก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ แต่ตอนนี้หยางเฉินก็ยังมีใบหน้านิ่งๆ แต่กลับทำให้เขากลัวจนขนลุก แล้วก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกไปอีก
มีชายแก่สวมเสื้อคอจีนสีดำ ราวกับเงาดำ ก็ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหน ออกมายืนข้างๆ กวนเจิ้งซาน
“คือท่านเก้า!”
มีคนตกใจไปตามกัน มีคนแก่ๆ จำนวนหนึ่งในงาน รู้จักชายแก่ที่สวมเสื้อคอจีนสีดำคนนี้
ชื่อจริงๆ ของชายแก่คนนี้ ไม่มีใครรู้ รู้เพียงว่ามือซ้ายของเขาไม่มีนิ้วโป้ง ไม่ได้ถูกอะไรตัดไปหรอก แต่มี9นิ้วตั้งแต่กำเนิด และก็ได้ฉายาว่าเจ้าเก้านิ้ว มาด้วยเหตุนี้
นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาทำให้คนรุ่นก่อนรู้จัก แต่เป็นเพราะว่าเขาเก่งกาจมาก เคยช่วยชีวิตกวนเจิ้งซานไวนับครั้งไม่ถ้วน ได้รับการยกย่องจากกวนเจิ้งซาน รวมไปถึงลูกหลานของตระกูลกวนก็ยังมีตำแหน่งไม่เท่ากับเจ้าเก้านิ้วเลย
ในตอนนี้ กวนเสว่ซงก็ถูกคนช่วยพยุงลุกขึ้นมา
ก่อนที่งานเลี้ยงวันเกิดจะเริ่มขึ้น เขาก็ถูกหยางเฉินเอาหัวกระแทกกับโต๊ะไปอย่างแรง เมื่อครู่ก็ยังถูกหยางพลุ่งพล่านฉินตบเข้าที่ใบหน้าจนลอยไปอีก
ในตอนนี้ ใบหน้าของเขาก็บวมปูดไปหมด เลือดไหลเต็มไปหมด
“ท่านเก้า ผมต้องการให้มันตาย!” กวนเสว่ซงก็สบถออกมา จนแทบอยากจะกัดฟันจนแหลก พร้อมตะโกนออกมา
ตอนที่สิ้นเสียงพูดของเขานั้น เจ้าเก้านิ้วก็ขยับตัว
แค่ขยับเท้าเบาๆ ทั้งตัวก็พุ่งไปดั่งลูกเกาทัณฑ์ พุ่งไปยังหยางเฉิน
หยางเฉินก็ยิ้มร้ายๆ แล้วพูดว่า “ไม่รู้จักประเมินกำลังตนเอง!”
สิ้นเสียง เจ้าเก้านิ้วก็พุ่งเข้ามา ยกเท้าขึ้นมาอย่างสูง จะเตะไปทางเขา
ในตอนนี้หยางเฉินก็ขยับตัวแล้ว แต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม แต่จะเตะออกไปขาเดียว
“ปัง!”
ในช่วงที่สองเท้ามากระทบกันนั้น พลังอันมหาศาลก็ส่งไปยังทั้งขาของเจ้าเก้านิ้ว
ตัวของเจ้าเก้านิ้วก็ปลิวลอยออกไป
“โครม!”
เจ้าเก้านิ้วร่วงลงใส่โต๊ะที่สามารถรองรับแขกได้12ท่านอย่างแรง โต๊ะก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนเจ้าเก้านิ้วก็กระอักเลือดออกมาจากแรงกระแทก
แต่ต้นจนจบ หยางเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินไปที่ไหนเลย แค่ยกเท้าไปแค่กระบวนท่าเดียว ยอดฝีมือของตระกูลกวนอย่างเจ้าเก้านิ้ว ก็พ่ายแพ้ราบคาบในพริบตา
อึ้งกันไปทั้งงาน!
ทุกคนก็อ้าปากค้างไป โดยเฉพาะคนแก่ๆ ที่รู้จักฝีมือของเจ้าเก้านิ้ว ก็ยิ่งกลัวไปตามกัน
“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“นั่นเป็นท่านเก้าจริงๆ หรือ?”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
ในห้องโถงงานเลี้ยง ไม่มีใครยอมรับความจริงที่ปรากฏต่อสายตาตนเองได้ อึ้งนิ่งไปกันหมด
ใบหน้าของกวนเจิ้งซานที่ยังนิ่งๆ เหมือนเดิมนั้น ก็เผยสีหน้าตกใจออกมาจนได้
กวนเสว่ซงตกใจจนอ้าปากค้างไป จนสามารถยัดไข่ไก่ลงไปได้ ในขณะเดียวกันความกลัวก็เข้าครอบคลุมทั้งกายเขา
ในตอนนี้ ยอดฝีมือของตระกูลกวนที่ซ่อนตัวอยู่ ก็ต่างพุ่งกันออกมาล้อมตัวของหยางเฉินไว้
เจ้าเก้านิ้วก็หน้าซีดขาว แล้วกลับมาอยู่ข้างๆ กวนเจิ้งซาน ก้มหัวเล็กน้อย “ท่านผู้นำครับ ขออภัยครับ ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”
“มึงมางานเลี้ยงวันเกิดของกู มีจุดประสงค์อะไรกันแน่วะ?” ครู่ใหญ่ ในที่สุดกวนเจิ้งซานก็อดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ได้
ตั้งแต่ก่อนที่หยางเฉินจะเข้างานเลี้ยงมาจนถึงตอนนี้ ล้วนเป็นการก่อความวุ่นวายทั้งสิ้น
กวนเจิ้งซานรู้ดี หยางเฉินคงจะไม่ใช่เพราะอยากเข้ามางานเลี้ยงวันเกิดของตนเองหรอก
หยางเฉินก็ยิ้มเบาๆ “ก็มาให้ของขวัญอย่างไรล่ะ”
“ให้ของขวัญอย่างนั้นหรือ? กูว่าอยากจะล้างตระกูลกวนเสียมากกว่า ยังจะทำมาเป็นมอบของขวัญอีกรึ?” กวนเจิ้งซานพูดประชดไป
“ก่อนมอบของขวัญ ผมจะถามคุณหนึ่งเรื่อง”
หยางเฉินก็เอ่ยขึ้นมาเลย โดยไม่รอให้กวนเจิ้งซานถาม เขาถามไปก่อนว่า “กวนเสว่เฟิง เป็นคนของตระกูลกวนหรือเปล่า?”
“มันเป็นหลานของกูเอง มึงคงจะไม่ไปคบค้าสมาคมกับมันหรอกมั้ง? ต่อให้มี ด้วยเรื่องที่มึงทำกับตระกูลกวนวันนี้ กูคงจะปล่อยมึงไปไม่ได้” กวนเจิ้งซานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนกับว่าจะสามารถรวบตัวหยางเฉินไว้ที่นี่ได้
หยางเฉินก็เหมือนจะน่าหัวเราะ ไม่รู้ว่ากวนเจิ้งซานไปเอาความกล้ามาจากที่ไหน แม้แต่ยอดฝีมือที่เก่งที่สุดของตระกูลกวนอย่างเจ้าเก้านิ้ว ก็พ่ายแพ้ให้เขาในกระบวนท่าเดียว หรือว่าจะมีแผนอะไรที่สามารถมารับมือตนเองได้งั้นหรือ?
“เขากักขังตัวกุลสตรีดีงามไว้หนึ่งเดือน เรื่องนี้คุณรู้เรื่องหรือเปล่า?” หยางเฉินถามขึ้นมา
กวนเจิ้งซานขมวดคิ้ว “ด้วยตำแหน่งของตระกูลกวน มันอยากจะได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ต่อให้ทีมึงพูดเป็นความจริง แล้วจะทำไม? ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว หลานกูถูกใจมัน ก็เท่ากับเป็นวาสนาของมันแล้ว”
“ไม่แปลกที่เขากล้าทำแบบนี้ ที่แท้คานบนเบี้ยว คานล่างก็เอียงไปด้วย ดูเหมือนว่า ตระกูลกวนของคุณจะสูญสิ้นคุณธรรมเสียแล้ว ทำเรื่องชั่วช้าทุกอย่าง” หยางเฉินพูดนิ่งๆ
“บังอาจ!”
กวนเจิ้งซานโมโห “ตระกูลกวนจะทำอะไร ไม่ต้องให้คนกระจอกอย่างมึงมาตัดสินหรอก”
“เรื่องที่ตระกูลกวนทำ ผมก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่หลานของคุณ มาหาเรื่องถึงผม มันก็ต้องเกี่ยกวับผมด้วย”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ว่า “เดิมทีก่อนมาที่ตระกูลกวน ก็แค่จะมาฟังคำอธิบายเท่านั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้ จะไม่จำเป็นเสียแล้วล่ะ”
เขานิ่งไป แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ให้ตระกูลกวนสูญสิ้นไปจากเจียงโจวเลยก็แล้วกัน จะได้เป็นการทวงความยุติธรรมแทนฟ้า”
หยางเฉินพูดด้วยความหนักแน่นว่าไม่ตายไม่เลิกรา พอพูดออกไป ทุกคนก็กลัวไปตามกัน
ช่างกล้าพูดทุกอย่างเสียจริงๆ
“ไอ้หนู มึงคงคิดว่าตระกูลกวนมีแต่เจ้าเก้านิ้วคนเดียวสินะ พอแพ้มึงไป แล้วจะไม่มีใครกล้าจัดการมึงรึไง?”
กวนเจิ้งซานทำตาหยี แล้วสายตาก็เผยประกายรังสีผอำมหิต “ตระกูลกวนของกูได้เป็นยอดตระกูลใหญ่ในเจียงโจวมาหลายปี ถ้าจะล่มสลายอย่างที่มึงว่าง่ายๆ แล้วจะมีวันนี้อย่างนั้นรึ?”
คนมากมายก็มองหยางเฉินด้วยสีหน้าประชด สำหรับเขาแล้ว หยางเฉินก็สู้เก่งจริงๆ แม้แต่เจ้าเก้านิ้วก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ว่าตระกูลกวนไม่ได้จะล่มสลายเพียงเพราะยอดฝีมือคนเดียวหรอก
ถ้าตระกูลหนึ่งจะล่มสลายง่ายๆ แบบนี้จริงๆ ล่ะก็ อย่างนั้นตระกูลที่อยากเป็นใหญ่ ก็แค่จ่ายเงินจ้างยอดฝีมือมา แล้วจัดการล้มล้างตระกูลใหญ่ๆ เสีย แล้วก็ขึ้นนั่งตำแหน่งเองได้แล้วสิ
หยางเฉินได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มนิ่งๆ คนธรรมดาจะมาเข้าใจพลังความยิ่งใหญ่ของเทพได้อย่างไรกัน?
“แปะ!แปะ!แปะ!”
อยู่ดีๆ หยางเฉินก็ปรบมือขึ้นมา แล้วยิ้มไปทางกวนเจิ้งซาน “พูดไปก็เท่านั้น รอให้ผมเอาของขวัญวันเกิดมาก่อนแล้วกัน!”
พอสิ้นเสียงพูดของเขา ด้านนอกประตูก็เป็นเสียงดัง
ไม่นาน ภายใต้ความอึ้งตกใจของทุกคน ชายรูปร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวออกมา มือของเขาถือขาของคนอยู่ แล้วก็ลากคนเข้ามาในงานเลี้ยงเลย
ส่วนคนที่ถูกลากมาผ่านมานั้น ก็ทิ้งรอยเลือดไว้อย่างน่ากลัว
“เอาของขวัญมามอบให้ ดูสิว่าเจ้าบ้านกวนจะพอใจหรือไม่?” เสียงของหยางเฉิน ก็นิ่งเย็นมากกว่าเดิม
หม่าชาวได้ยินดังนั้น ก็สะบัดมือ คนในคราบเลือดที่เขาลากเข้ามานั้น ก็ถูกโยนไปตรงเท้าของกวนเจิ้งซาน
“เสว่ซง!”
ไม่นาน กวนเจิ้งซานก็รู้ว่าคนที่ถูกโยนมาคือใคร เป็นเสียงโกรธในลำคอ แล้วก็ตามด้วยความอำมหิตที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง